นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 231

ปวด!

เป็นความเจ็บปวดที่อาจทำให้คนตายได้เลยทีเดียว

ซีหลิงเทียนเหล่ยอดทนกัดฟันสุดฤทธิ์ เพื่อมิให้ตนเองเผยเสียงโอดครวญออกมา

เขาสงสัยว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นสตรีหรือไม่ ถึงได้กล้านำนิ้วมือของตนเองไปจับเส้นเอ็นที่หดเกร็งออกมาเช่นนี้

อีกทั้ง สตรีนางนี้ยังยังนำขาของเขาไปวางพาดไว้กับโต๊ะตัวเล็ก จากนั้น นางก็นำใบหน้าของตนเองยื่นเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมทั้งเย็บขาของเขาไปด้วย

ซีหลิงเทียนเหล่ยเจ็บปวดเสียจนทั่วร่างสั่นกระตุก มุมปากมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย หากแต่เฟิ่งชิงเฉินหาได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาไม่ ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองแต่เพียงบาดแผลของซีหลิงเทียนเหล่ยเท่านั้น เสมือนกับว่า ในสายตาของนางในยามนี้ มีแต่บาดแผลของเขาที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

ซีหลิงเทียนเหล่ยมั่นใจได้ว่า เฟิ่งชิงเฉินจงใจทำให้เขาเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน

"สตรีเจ้าเล่ห์!" ซีหลิงเทียนเหล่ยได้แต่แอบกรนด่าเฟิ่งชิงเฉินภายในใจ พร้อมทั้งตัดสินใจว่า ไม่ว่าในครานี้จักเป็นเช่นไร เขาจักพาเฟิ่งชิงเฉินกลับซีหลิงไปด้วยให้ได้

หากไปถึงซีหลิงแล้ว ไม่มีผู้ใดสนับสนุนนาง เขาย่อมจัดการเฟิ่งชิงเฉินเช่นไรก็ได้

เขาย่อมไม่ยอมปล่อยให้สตรีนางนี้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขไปได้อย่างแน่นอน ความเจ็บปวดในวันนี้ เขาจักต้องเอาคืนนางเป็นร้อยเท่า ไม่คาดคิดว่า ในครานี้ เขาจักมองนางผิดไปจริง ๆ

งานละเอียดอ่อนเช่นการเย็บเส้นเอ็นและเส้นเลือดเช่นนี้ ล้วนแต่เป็นงานที่ต้องใช้กล้องจุลทรรศในการส่องดูเท่านั้น ทว่า ในยามนี้เฟิ่งชิงเฉินมิอาจนำมันออกมาได้ นางจึงต้องพึ่งพาดวงตาทั้งสองข้างพร้อมกับการสัมผัสของมือแทน ฉะนั้นแล้ว นางไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย เพื่อป้องกันไม่ให้การรักษาผิดพลาด

อีกทั้ง นางก็ได้เอ่ยเตือนซีหลิงเทียนเหล่ยไปแล้วว่ามันเจ็บปวดมาก และนางก็ไม่สะดวกที่จะต้องฉีดยาชาให้เขาเช่นกัน เป็นเขาเองที่มิยืนยอมจะดื่มน้ำกัญชา ฉะนั้นแล้ว ความเจ็บปวดนี้ เป็นเขาที่รนหาเรื่องเองแท้ ๆ

ซีหลิงเทียนเหล่ยปวดเสียจน ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วเหงื่อมากมาย เฟิ่งชิงเฉินเองก็มีเหงื่อเกาะเต็มใบหน้าเช่นกัน สองมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด พร้อมทั้งปวดเอวยิ่งนัก ทว่า นางก็ไม่อาจขยับไปที่ใดได้

ภายในห้องนี้ มีผู้คนยืนอยู่ภายในมากกว่าสิบคน ทั้งยังไม่มีผู้กล้าเอ่ยอันใดออกมาด้วย เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นการรบกวนสมาธิของเฟิ่งชิงเฉินเอาได้

เมื่อนางรู้สึกได้ว่า เหงื่อบนใบหน้าของตนเองใกล้จะหยดลงมาแล้วนั้น ก็พลันร้องตะโกนออกมาว่า "เช็ดเหงื่อ!"

ผู้คนภายในห้อง ไม่มีผู้ใดตอบรับเลยแม้แต่น้อย ตงหลิงจิ่วได้ยินเช่นนั้น ก็พลันกำผ้าเช็ดหน้าในมือเอาไว้ หาได้ขยับตัวไม่

เฟิ่งชิงเฉินโมโหยิ่งนัก "เป็นบ้ากันไปแล้วหรือ มิได้ยินข้าบอกว่าให้เช็ดเหงื่อหรืออย่างไร?"

มือของนางทั้งคู่ไม่อาจหยุดได้ สายตาก็มิอาจละไปที่ใดได้ มีแต่ปากเท่านั้น ที่สามาถขยับพูดคุยได้ นางที่ติดพันกับการรักษาเช่นนี้ ย่อมไม่อาจคิดสิ่งใดมาก

"โอ้ ข้ามาแล้ว" ซุนเจิ้งเต้าที่ได้สตินั้น ก็พลันรีบร้อนก้าวไปข้างหน้า

เขาและหมอหลวงคนอื่น มองดูราวกับตกอยู่ในภวังค์ก็ไม่ปาน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีคนสามารถเย็บเส้นเอ็นและเส้นเลือดได้ ทั้งยังมองไม่เห็นแม้แต่เส้นด้ายเสียด้วยซ้ำ นี่มันวิธีการเช่นไรกัน

ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านั้นบุตรชายของเขาจักเคยพูดเอาไว้ว่า ทักษะการใช้มีดของเฟิ่งชิงเฉินนับว่าเป็นยอดคน ทั้งยังสามารถลอกเส้นเลือดเล็ก ๆ และเมือกขาว ๆ ที่บอบบางดั่งปีกจักจั่นออกมาจากถุงน้ำดีได้

ทว่า แม้ว่าจักเคยฟังมาหลายครั้งหลายครา แต่ก็มิสู้เห็นด้วยตาตนเอง ซุนเจิ้งเต้าที่เห็นเช่นนั้น ก็พลันตกตะลึงอยู่นานจนไม่อาจดึงสติกลับมาได้ ในยามนี้ ซุนเจิ้งเต้ารู้สึกเสียดายยิ่งนัก ในยามนั้น หากเขาควรจะกราบเฟิ่งชิงเฉินเป็นอาจารย์ ไม่แน่ว่า เขาอาจจะได้ร่ำเรียนการเย็บที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้พร้อมกับทักษะการใช้มีดอันทรงพลังก็เป็นได้

น่าเสียดาย น่าเสียดายยิ่งนัก บุตรชายของเขากราบนางเป็นอาจารย์แล้ว มิรู้ว่า หากเขากราบนางเป็นอาจารย์ด้วย นางจะรับเขาหรือไม่

สีหน้าของซุนเจิ้งเต้าที่หงิกงอก็ได้เดินไปด้านหน้า ยามที่กำลังจะเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อให้เฟิ่งชิงเฉินนั้น ซีหลิงเทียนเหล่ยก็ได้เอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเสียก่อน พลางกล่าวว่า "เปิ่นกงจัดการเอง!"

เมื่อเห็นสายตาของเฟิ่งชิงเฉินที่ฉายแววจริงจังและตั้งใจขึ้นมา ทั่วใบหน้าของนางยังเต็มไปด้วยเหงื่อไหลมากมาย ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันรู้สึกว่าตนเองเข้าใจนางผิดไปในทันที

ถ้าหากมิใช่ว่าเหยาหวาไปสร้างปัญหาให้กับนางนั้น นางก็ย่อมไม่จงใจกลั่นแกล้งเขาเช่นนี้ เมื่อนึกถึงนิสัยของนางนั้น เขาพลันรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ