นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 247

นางมีทักษะการขี่ที่ดี แต่การจะทำให้ม้าเชื่อฟังนั้นนางไม่สามารถทำได้ ถึงอย่างไรในยุคสมัยนี้ก็ไม่เคยมีม้าป่ามาให้นางสอนหรือฝึกให้เชื่อง ม้าที่สโมสรแห่งนี้มีผู้ฝึกฝนให้อย่างดี ไม่ว่าอารมณ์ของม้าจะรุนแรงแค่ไหนแต่ก็มีระดับ และโดยทั่วไปจะไม่ทำร้ายคนถึงตาย

ทันทีที่ออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ก็ได้พบเข้ากับตี๋ตงหมิงยืนรอนางอยู่ตรงนั้น "คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเปลี่ยนเป็นชุดขี่ม้าแล้วจะเหมือนนักขี่จริงๆ ทักษะการขี่ม้าของเจ้าเป็นอย่างไร?"

ชุดขี่ม้าสีดำบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินนั้นเรียบง่าย บวกกับการที่นางมัดรวบผม ทำให้มีกลิ่นอายของความเป็นเพศกลางอยู่ เพราะดูมีความเป็นชายมากกว่าผู้หญิงทั่วๆไปมาก

"พอใช้ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องการฝึกม้า" เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าตี๋ตงหมิงผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้ปฏิบัติต่อนางดีมากมาย แต่เมื่อเวลาที่เหยาหวาและซูหว่านกลั่นแกล้งนาง เขาจะยืนอยู่เคียงข้างนางแน่นอน

"การฝึกม้าคือการประลองฝีมือระหว่างคนกับม้า ม้าที่ดุร้ายเป็นนิสัยจะไม่ชอบถูกคนขี่ เมื่อมีคนมานั่งบนหลังมัน มันก็จะสะบัดเหวี่ยงอีกฝ่ายออกอย่างไม่ปรานี และเมื่อมีคนเอาเชือกมาพันรอบคอมัน มันก็จะต่อสู้ดิ้นรนอย่างโหดเหี้ยม

สิ่งที่เจ้าต้องทำคือการคิดหาวิธีนั่งอย่างมั่นคงบนหลังม้า อย่าให้ถูกมันเหวี่ยงจนหลุดออกมา เมื่อมันเหนื่อยแล้ว ไม่มีแรงดิ้นรน มันก็จะยอมอยู่ใต้อำนาจของเจ้าอย่างเชื่อฟัง

เจ้าอย่าโง่ให้หญ้า หรือลูบขนและพูดคุยกับมัน คิดจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างม้ากับคน การใช้วิธีเหล่านี้จัดการกับม้าป่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร ทันทีที่เจ้าเข้าใกล้ มันก็จะเตะเจ้าลอยออกมา วิธีเดียวที่เจ้าสามารถทำได้ก็คือใช้พละกำลังและทักษะ นั่งอยู่บนหลังของมันจนกว่ามันจะไม่มีเรี่ยวแรงและหยุดลง"

เวลามีจำกัด ตี๋ตงหมิงสามารถพูดได้ไม่มากนัก เมื่อออกห่างจากสนามแข็งม้าได้ร้อยเมตร ขันทีตัวน้อยก็วิ่งเข้ามายื่นกระเป๋าให้แก่เฟิ่งชิงเฉิน "แม่นางเฟิ่ง ปลอกแขนและสนับเข่าข้างในนี้ มีคนประสงค์จะมอบให้ท่าน บอกให้ท่านเปลี่ยนมาสวมใส่ มันดีกว่าของที่ได้มาจากในวังมากนัก"

แต่เดิมมีชุดขี่ม้าด้วยหนึ่งชุด แต่เวลาเหลือน้อยแล้วจึงทำได้เพียงส่งปลอกแขนและสนับเข่ามาให้

"ขอบใจมาก" เฟิ่งชิงเฉินรับมาโดยที่ไม่ได้ถามว่าใครให้ นางรู้ว่าถามไปขันทีน้อยคนนี้ก็สามารถบอกได้ และไม่ได้รีบร้อนเปลี่ยนในทันที แต่ส่งให้กับตี๋ตงหมิง ให้เขาช่วยตรวจสอบดู

"ของดี นี่คือหนังวัวพันชั้น แต่ละชั้นที่บางมากถูกแช่ด้วยน้ำยาและติดเข้าด้วยกันทีละชิ้น ปลอกแขนและสนับเข่าหนังวัวนี้ ทั้งเบาและยืดหยุ่น แม้แต่มีดก็ตัดมันได้ไม่ง่าย ชิงเฉินเจ้ารีบเปลี่ยนมาใส่มันเร็ว"

ตี๋ตงหมิงก็ไม่ใช่คนถือเนื้อถือตัว ย่อตัวลงแก้สนับเข่าให้เฟิ่งชิงเฉินและผูกอันใหม่ให้

เฟิ่งชิงเฉินตกใจเมื่อเห็นว่าในโลกที่ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงใบนี้ ผู้ชายคนนี้สามารถนั่งย่อต่อหน้านางได้โดยไม่ลังเล และทำสิ่งเหล่านี้ให้นาง ซึ่งเดิมทีเป็นหน้าที่ของลูกน้อง

แต่นางมักจะประเมินตี๋ตงหมิงต่ำไป ผู้ชายคนนี้......

ผู้หญิงที่ชื่อคุณหนูเจียงคนนั้นช่างไม่มีโชคเลยเสียจริงที่ได้พลาดผู้ชายที่เอาใจใส่และดูแลดีคนนี้ไป เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจและหยิบปลอกแขนเอามาใส่

ตงหลิงจื่อลั่วยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อได้เห็นฉากนั้น ก็บีบปลอกแขนและสนับเข่าในมือ หันกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว และคิดในใจว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้เหยาหวาละเลิกเรื่องที่เหยาหวาต้องการมือทั้งคู่ของเฟิ่งชิงเฉิน

หลังจากที่ตี๋ตงหมิงจัดการเปลี่ยนให้เฟิ่งชิงเฉินเสร็จแล้ว เขาก็กล่าวซ้ำอีกครั้ง "เฟิ่งชิงเฉิน พยายามให้เต็มที่ก็พอ ถึงแม้ว่าจะแพ้ก็ไม่เป็นไร ข้าได้พูดคุยกับท่านพ่อแล้ว เขาจะช่วยเจ้าอย่างเต็มที่"

ตี๋ตงหมิงตบที่ไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน "เอาล่ะ อย่าให้จิ่นหลิงเป็นกังวลเกี่ยวกับเจ้า เจ้าไปเองเถอะ ข้าจะไม่ไปส่งเจ้าแล้ว"

"ท่านซื่อจื่อ ขอบคุณท่านมาก" ไม่ว่าตี๋ตงหมิงจะทำเพื่อหวางจิ่นหลิงหรือทำเพื่ออะไร เฟิ่งชิงเฉินต่างก็รู้สึกขอบคุณเขามาก

"ไม่ต้องขอบคุณข้า จะขอบคุณก็ขอบคุณจิ่นหลิงเถอะ เพราะเขาที่พูดตอกย้ำตั้งหลายรอบว่าเป็นห่วงชีวิตของเจ้า หรือถ้าเจ้าเกิดพิการขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นการพลีชีพเพื่อชาติ เมื่อถึงเวลานั้นจะไปทูลขอให้จักรพรรดิช่วยเหลือชีวิตเจ้าไว้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยาก" ตี๋ตงหมิงไม่คุ้นเคยกับการที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นกันเองกับเขาเช่นนี้ เขายังคุ้นเคยกับการที่ทั้งสองคนต่างมองกันอย่างขัดหูขัดตา

เฟิ่งชิงเฉินกลอกตาด้วยความโกรธ คนเหล่านี้ส่วนมากไม่ได้คิดว่านางจะโชคดี มันช่าง......

เฟิ่งชิงเฉินขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบาย และเดินไปที่สนามแข่งม้า

ในขณะนี้ ทุกคนในสนามกำลังรอคอยเฟิ่งชิงเฉิน ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัวออกมาก็สร้างความฮือฮาขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ