นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 256

"อาจารย์ มันจะเจ็บมาก" ซุนซือสิงไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน เขารู้เพียงแต่ว่ามันจะต้องเจ็บ แต่ไม่รู้ว่าจะเจ็บมากขนาดไหน

"ไม่เป็นไร ข้าทนได้ เจ้าลงมือเถอะ" เสียงของเฟิ่งชิงเฉินเบามาก ริมฝีปากแห้งจนน่ากลัว

ซุนซือสิงรีบหยิบสำลีชุบน้ำ เพื่อทาให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและทาด้วยยา ในใจนั้นด่าทอพวกหมอหลวง เวลาผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้แต่กลับไม่ทำอะไรเลย

"ตกลง ข้าเชื่ออาจารย์"

ซุนซือสิงบอกให้ตี๋ตงหมิงก้าวออกมาและจับเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นางขยับตัว และเขาหยิบกรรไกรทางการแพทย์มาตัดขากางเกงที่ขาดรุ่งริ่งของเฟิ่งชิงเฉิน

เขาเป็นหมอ ในสายตาของหมอจึงเป็นแค่คนไข้เท่านั้น......

ในตอนนี้ เขาลงมือแล้ว!

"อ้า......"

วินาทีที่แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อสัมผัสกับบาดแผล เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างกายสั่นสะท้าน แต่นางก็ควบคุมตัวเองไม่ให้เคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับซุนซือสิง

ในตอนนี้นางคิดขึ้นมา ถึงตอนที่ตนเองเย็บแผลให้กับหลานจิ่วชิง แล้วอีกฝ่ายไม่ขยับเขยื้อนใดๆ พูดได้เลยว่าผู้ชายคนนั้นช่างน่าชื่นชม

เฟิ่งชิงเฉินสูดหายใจเข้า และกล่าวขึ้นมาในใจว่า "หลานจิ่วชิง ข้าเองก็ทำได้เหมือนกัน!"

"เฮ่อ......" เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ สมองที่กำลังมืดมัวถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพราะอาการแสบร้อนนี้

บาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดปรากฏออกมา ตี๋ตงหมิงหลับตั้งสองข้างไม่กล้ามอง "เฟิ่งชิงเฉินถ้าหากเจ้าเจ็บก็กัดข้าได้เลย"

อาการบาดเจ็บแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นการบาดเจ็บบนร่างกายของหญิงสาวและยังได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ด้วย เฟิ่งชิงเฉินไม่ร้องตะโกนออกมาเลย ความเงียบนี้มันเงียบจนทำให้รู้สึกทุกข์ใจ

ในเวลานี้เขาอยากให้เฟิ่งชิงเฉินร้องตะโกนออกมา แบบนั้นถึงจะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้

"ไม่เจ็บ" เฟิ่งชิงเฉินที่เจ็บจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง รีบปิดปาก ไม่กล้าเปิดปากพูดอีก

แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อสัมผัสกับแผล มีเสียง ซื่อ ซื่อ ดังขึ้นมา เป็นเสียงที่เฟิ่งชิงเฉินนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี และด้วยความคุ้นเคยเป็นอย่างดีนี้เอง ทำให้นางตระหนักได้ว่าความเจ็บปวดนี้จะยังไม่จบลงในเวลาอันใกล้ นางต้องอดทนไว้

มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ข้างกายกำแน่น เสียงกระตุกที่ขยับดังตึกตึก เส้นเลือดที่ขึ้นบนศีรษะ เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าและออก หลับตาลงทั้งสองข้าง และพูดกับตัวเองซ้ำๆว่า ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ

นี่เป็นคำแนะนำทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ทำให้ตนเองมองข้ามความเจ็บปวดนี้ไป และจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่นๆ ด้วยวิธีนี้เอง ต่อมาเฟิ่งชิงเฉินจึงค่อยๆรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความเจ็บปวดนั้นชาไปแล้ว และร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น

ซุนซือสิงก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน

ถึงแม้ว่าอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อหมอเผชิญหน้ากับคนไข้ไม่ควรมีความรู้สึกส่วนตัว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถวินิจฉัยอาการได้อย่างสงบและสุขุมมากที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นเวลาที่ต้องลงมีดผ่า จึงจะไม่ได้ได้รับอิทธิพลจากอารมณ์

หมอควรที่จะเป็นเหมือนกับมีดผ่าตัด เยือกเย็นและไร้อารมณ์ จำไว้เพียงแค่หน้าที่ของตนเอง และทำภารกิจให้สำเร็จก็พอ

แต่คนก็คือคน เขารู้สึกกังวลและเป็นทุกข์ใจเกี่ยวกับอาจารย์

"เฟิ่งชิงเฉิน อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว" ตี๋ตงหมิงปาดเหงื่อเย็นๆบนหน้าผากของเฟิ่งชิงเฉิน โอบกอดคนในอ้อมแขนข้างหนึ่ง ด้วยใบหน้าอ่อนโยนและระมัดระวังซึ่งหาได้ยาก

"ข้ารู้ ซุนซือสิงนั้นเก่งมาก" เสียงของเฟิ่งชิงเฉินเบามาก เบาเสียจนตี๋ตงหมิงต้องเอาหู ไปใกล้กับริมฝีปากของนางถึงจะได้ยิน

"ลูกศิษย์ที่เจ้าสอนสั่งมาจะไม่เก่งได้อย่างไรกัน" ตี๋ตงหมิงพูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉิน เพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงเพียงความเจ็บปวดของนาง

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้าไม่เห็นด้วย "ไม่ ทักษะการแพทย์ของซุนซือสิงนั้นดีกว่าข้า ข้าจะไปสอนอะไรเขาได้"

ถ้าหากไม่ใช่ว่าหมอในยุคสมัยนี้มีความรู้เรื่องการผ่าตัดน้อยมาก นางก็คงไม่มีข้อได้เปรียบหรือเหนือกว่า

"เจ้าถ่อมตัวแล้ว เจ้าสอนเขาไปตั้งมากมาย ไม่อย่างนั้นหมอหลวงซุนคงไม่ให้ซือสิงนับถือเจ้าเป็นอาจารย์หรอก" คนเราก็ช่างแปลกประหลาด ก่อนหน้านี้มองว่าเจ้าไม่ถูกชะตา ไม่ว่าอะไรก็รู้สึกว่าขัดหูขัดตาไปหมด ตอนนี้มองว่าเจ้าถูกชะตา ไม่ว่าอะไรก็รู้สึกว่าดีไปหมด

ตี๋ตงหมิงมองเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้เอง ตอนนี้เขามองว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้น ไม่ว่าตรงไหนก็มีแต่ข้อดีเต็มไปหมด แต่ก่อนหน้านี้ที่มองว่าไม่ถูกชะตา เจ้าคนคนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่านางจะมีอะไรที่ทำให้เขาชอบเลย

ภายในเวลาหนึ่งวัน เขาได้เห็นแล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน มีความกล้าหาญมากแค่ไหน

ไม่แปลกที่จิ่นหลิงพูดว่า เฟิ่งชิงเฉิน เป็นลูกขุนนางชั้นสูงที่ไม่เย่อหยิ่ง และมีความน่าภาคภูมิใจที่ราชวงศ์ในตอนนี้ไม่มี บนร่างกายของนางนั้นมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ที่คนอื่นไม่อาจรุกรานได้ง่ายๆ

แต่นางในตอนนี้อ่อนแอมาก ไม่มีความสามารถที่จะปกป้องตนเอง ดังนั้นจึงตกเป็นเป้าหมายศัตรูของผู้อื่น

คนพวกนั้นอิจฉา อิจฉาเฟิ่งชิงเฉิน

ทั้งสองคนพูดจากันไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินเจ็บจนสลบไป ตี๋ตงหมิงจึงเก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับไป และเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเฟิ่งชิงเฉินอย่างระมัดระวัง "แค่มีเจ้าเป็นแค่น้องสาวก็ดีแล้ว ถ้าข้ามีเจ้าเป็นน้องสาวที่ดีขนาดนี้ ต่อให้ข้าฝันก็คงยิ้มออกมาได้"

"เลิกคิดเสียเถอะ ตระกูลตีของท่านสอนลูกสาวดีๆแบบนี้ไม่ได้หรอก" ซูเหวินชิงผลักประตูเข้ามา ดูวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เหมือนกับว่าเดินทางมาอย่างยาวไกล

ซุนซือสิงตกใจ เขาที่กำลังใช้แหนบถือสำลีและซับเลือดจากบาดแผล ด้วยความที่ซูเหวินชิงทำให้ตกใจนี้ แหนบจึงทิ่มไปโดนบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินเจ็บจนตัวสั่น ยิ่งทำให้ซุนซือสิงตกใจมากจนทำแหนบตกลงกับพื้น

"ซูเหวินชิง เจ้ามาได้อย่างไร? เจ้าไม่รู้จักกาลเทศะหรือ? ออกไป!" ตี๋ตงหมิงระงับความหงุดหงิดของตนเองลง ในขณะเดียวกันก็คิดในใจว่าองครักษ์ของจวนเฟิ่งนี่ไม่ได้การเกินไป หลังจากที่กลับไปเขาจะส่งคนกลุ่มหนึ่งมาที่นี่ ไม่เช่นนั้นจวนเฟิ่งที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่มีผู้หญิงอย่างเฟิ่งชิงเฉินอยู่คนเดียว มันอันตรายเกินไป

"ข้ามาเพื่อเอายาให้นาง" ซูเหวินชิงหยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมาจากแขนของเขา ยื่นให้ซุนซือสิง "หมอซุน เอายานี้ไปใช้กับนาง"

ซุนซือสิงไม่ได้หลีกเลี่ยงซูเหวินชิง เขารู้ดีถึงอาการบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉิน อาการบาดเจ็บนี้ดูค่อนข้างน่ากลัว ไม่แปลกใจที่คนอย่างหลานจิ่วชิงจะรีบร้อนให้พานางไปรักษาโดยเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ