นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 261

สตรีในเป่ยหลิงล้ำค่ามากนัก มีค่ามากมายถึงขนาดคนธรรมดาทั่วไปอาจไม่มีภรรยาได้ มีค่ามากจนพี่น้องหลายคนในตระกูลเดียวกันต้องมีภรรยาคนเดียวกัน

สตรีในเป่ยหลิงมีค่ามากยิ่งนัก เนื่องจากพวกเขาต้องพึ่งพาสตรีในการสืบทอดลูกหลาน และหน้าที่รับผิดชอบของสตรีก็คือการคลอดบุตรและเลี้ยงดูแล

หากว่าองค์หญิงอันผิงเดินทางไปที่เป่ยหลิงแล้วไม่สามารถคลอดบุตรได้ นางก็ไร้ค่า......

แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าผู้ชั่วร้ายคนนี้คงจะไม่กล่าวออกมา งานเลี้ยงยังไม่ทันจบ เสด็จอาเก้าก็ได้ออกไปจากที่นั่งของตน แล้วปีนขึ้นไปยังห้องนอนของเฟิ่งชิงเฉินอย่างชำนาญในกลางดึก เขาปีนขึ้นไปบนเตียงของเฟิ่งชิงเฉินด้วยท่าทางอันคล่องแคล่วแล้วนวดให้เธอดังเคย

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธอีกและไม่ได้พยายามดิ้นรน เนื่องจากในช่วงสิบวันที่ผ่านมา เสด็จอาเก้ามักจะเดินทางมาโดยไม่บอกไม่กล่าว ไม่ว่านางจะกล่าวสิ่งใดออกมา เขาก็มักจะทำทุกอย่างตามอำเภอใจโดยไม่สนใจข้อคิดเห็นของนาง

ความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัวนัก บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินเคยชินกับอ้อมกอดของเสด็จอาเก้า เคยชินกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้ไผ่ที่แผ่ออกมาจากร่างกายอันกำยำและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของเขา

เสด็จอาเก้าตรวจดูอาเก้าบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉิน และพบว่าร่างกายของนางฟื้นฟูได้ไม่เลว ดังนั้นจึงได้กล่าวเรื่องเป่ยหลิงเฟิ่งเชียนจะแต่งงานกับองค์หญิงอันผิงออกมา

เขาอยากจะให้เฟิ่งชิงเฉินมีความสุข เพราะหลายวันมานี้ทำให้นางอึดอัดใจเหลือเกิน

"องค์ชายรองแห่งเป่ยหลิงจู่ๆ จะแต่งงานกับองค์หญิงอันผิงเพื่อสิ่งใด? เหตุใดข้าจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของแผนการอะไรสักอย่าง" ต่อให้เป็นเฟิ่งชิงเฉินที่ค่อนข้างไม่เข้าใจเรื่องของการเมือง บัดนี้ตัวนางก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

"มีแผนการอย่างไรงั้นหรือ?" ตงหลิงจิ่วพยักหน้ามองไปทางเฟิ่งชิงเฉินได้ความชื่นชม เพื่อให้นางได้กล่าวต่อ

แน่นอนว่าเขาไม่คาดหวังให้เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าแผนนี้ที่ให้เป่ยหลิงแต่งงานกับองค์หญิงอันผิงเป็นฝีมือของเขา สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินคิดได้น่าจะเป็นอย่างอื่น

เฟิ่งชิงเฉินอยู่ต่อหน้าเสด็จอาเก้าไม่ได้มีความเขินอายปิดบังอะไรเท่าไรนัก นางกล่าวความสงสัยในใจออกมาทันที "หนานหลิง ซีหลิง เป่ยหลิงจะแต่งงานกับตงหลิงไม่ใช่เรื่องแปลก อีกทั้งในสายตาคนภายนอกมองดูอาจจะคิดว่าตงหลิงแข็งแกร่ง สามราชวงศ์นี้ไม่กล้าจะแก่งแย่งกับตงหลิง แต่ข้ามักรู้สึกว่าทั้งสามราชวงศ์ดูเหมือนจะร่วมมือกันทำอะไรสักอย่าง"

ทหารที่ไม่อยากเป็นแม่ทัพไม่ใช่ทหารที่ดี จักรพรรดิที่ไม่อยากปกครองจักรวรรดิก็ไม่ใช่จักรพรรดิที่ดี ความแข็งแกร่งของราชวงศ์ตงหลิงมากกว่าอีกสามราชวงศ์ หรือกล่าวได้ว่าเป็นศัตรูของพวกเขาทั้งสาม ในเวลานี้พวกเขาได้เข้ามาปรองดองกับตงหลิงด้วยการแต่งงาน ไม่น่าใช่เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตงหลิง แต่มองตงหลิงเป็นเช่นเนื้อชิ้นโต ที่แต่ละคนพากันมากัดกิน ต่อให้ราชวงศ์ตงหลิงแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจสู้กับสามราชวงศ์ที่รวมตัวกันมาจัดการได้หรอก

ในสมัยสงครามระหว่างประเทศ ประเทศที่ยืนหัวเราะเยาะในนาทีสุดท้ายไม่ใช่ประเทศฉีผู้แข็งแกร่ง แต่กลับเป็นประเทศฉินผู้อ่อนแอที่สุด

กระสุนปืนมักจะยิงไปถูกนกที่โดดเด่น ประเทศที่เข้มแข็งจะกลายเป็นศัตรูของสาธารณชน มีแต่ความแก่งแย่งขัดแย้ง ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับราชวงศ์ตงหลิงในบัดนี้

"ถูกต้องแล้ว ฉลาดไม่เบา" ตงหลิงจิ่วพยักหน้าอย่างพอใจ อย่างน้อยก็มีคนที่ตาสว่าง

ในบรรดาข้าราชการทั้งบู๊บุ๋นของตงหลิง ทุกคนต่างมองออกว่าซูหว่านและเหยาหวาร่วมมือกันจัดการกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่ไม่มีผู้ใดมองออกว่าหนานหลิง ซีหลิงและเป่ยหลิงร่วมมือกันจะจัดการตงหลิง

เพียงคำยอไม่กี่คำ เพียงแค่การจะแต่งงานเพื่อความปรองดองกับตงหลิง ก็ทำให้คนตงหลิงเย่อหยิ่งผยองคิดว่าตัวเองเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในจิ่วโจว

น่าเศร้าเหลือเกิน!

เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลง นางเหนื่อยที่จะกลอกตามอง "เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของราชวงศ์ตงหลิง เสด็จอาเก้า ท่านไม่ควรจะออกไปทำหน้าที่ของตนหน่อยหรือ?"

รีบไปเร็วเข้าอย่าได้มากวนใจข้า

บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกรำคาญใจเมื่อเห็นเสด็จอาเก้า ชายผู้นี้เหมือนหว่านแหมาที่นาง ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่านางจะกระโดดออกมา แต่ก็กลับถูกดึงไปทีละน้อยๆ อีก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปสักวันนางก็จะใจอ่อนและถลำลึก

เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตความเป็นความตายของราชวงศ์ตงหลิง แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าจะต้องพยายามอย่างยิ่ง บัดนี้ไม่ใช่เวลาของความวุ่นวาย ตงหลิงจิ่วจะไม่ยอมให้ทั้งสี่อาณาจักรสร้างความวุ่นวายขึ้นเด็ดขาด

"ไม่ต้องกังวลไป เรื่องใดก็ตามหากมีข้าอยู่ ณ ที่นี่ โลกจะไม่วุ่นวาย" ต่อให้เขารู้สึกกังวลใจเพียงใดก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง บัดนี้มองดูอาการบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉินใกล้หายแล้ว ไม่แน่ว่าคืนนี้อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่เข้ามาเยือนยังจวนเฟิ่ง

"ข้าไม่ได้กังวลว่าโลกนี้จะวุ่นวายหรือไม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสตรีเยี่ยงข้า" แท้จริงแล้วเฟิ่งชิงเฉินเพียงอยากจะกล่าวว่า หากราชวงศ์ตงหลิงถูกล้มล้างไปนางยังจะปรบมือและกล่าวว่ายอดเยี่ยมนัก แต่บัดนี้ผู้อยู่ข้างกายคือคนในราชวงศ์ตงหลิน นางจึงทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอไป

นางไม่ต้องการสนทนามากมายกับตงหลิงจิ่วผู้นี้อีก เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลงไม่สนใจชายหนุ่มคนนี้ เพราะหากว่านางกลับไปแล้วผู้ชายคนนี้ก็จะจากไป

เป็นไปดังนั้น หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินหลับสนิทแล้ว ตงหลิงจิ่วก็ห่มผ้าให้นางแล้วจากไป

ภายในจวนจิ่วอ๋องช่างเงียบงันราวกับไม่มีใครอยู่ เดินไปเป็นเวลาเนิ่นนานก็ยังไม่พบใครสักคน ตงหลิงจิ่วรู้สึกพอใจกับสิ่งนี้ยิ่งนัก "ไปนำตัวมา"

"ขอรับ" ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ที่นั่น แต่แท้จริงแล้วทุกซอกทุกมุมมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยายุทธคอยปกป้องอยู่ เพียงแค่เสด็จอาเก้ากล่าวมาประโยคหนึ่ง ผู้คนที่ซ่อนตัวเหล่านั้นก็จะรีบลงมือทันที

การดูแลคุ้มกันของจวนจิ่วอ๋องหนาแน่นกว่าพระราชวังยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดก้าวเข้ามาได้ง่ายๆ

"เสด็จอาเก้า" ผู้ที่เดินทางมาก็คือโจวสิงซึ่งเฟิ่งชิงเฉินร่ำร้องหาทุกวัน

เสด็จอาเก้าไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง เขาหยิบจดหมายออกมาฉบับหนึ่งวางไว้ที่บนโต๊ะแล้วกล่าวว่า "ด้านในนี้มีสิ่งที่เจ้าต้องการ"

ดวงตาของโจวสิงเป็นประกาย จังหวะหายใจของเขารวดเร็วขึ้น เขาอยากจะพุ่งกายไปด้านหน้าแล้วคว้าจดหมายฉบับนั้นมาไว้ในมือ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เข้าใจต่อให้ได้สิ่งนั้นมาอยู่ในมือเขาก็ไม่อาจออกจากจวนจิ่วอ๋องได้ โจวสิงครุ่นคิดแล้วพยายามยับยั้งตัวเอง "เพราะเหตุใด เหตุใดจึงต้องช่วยข้า?"

"นี่คือเรื่องของข้า" นับตั้งแต่โจวสิงเข้ามาเสด็จอาเก้าไม่ได้เงยหน้ามองโจวสิงเลย "ข้าจะส่งคนไปคุ้มกันเจ้า จนกระทั่งถึงหนานหลิง เมื่อถึงหนานหลิงแล้วก็ต้องดูที่ความสามารถของเจ้า"

หลังจากที่ตงหลิงจิ่วกำชับเสร็จ เขาก็หันหลังเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเงาอันหยิ่งผยองที่มีต่อโจวสิง

โจวสิง โอรสของจักรพรรดินีคนแรกแห่งหนานหลิง องค์ชายใหญ่แห่งตงหลิงซึ่งเป็นสายตรง ตัวตนดังกล่าวนี้เมื่อเดินทางไปถึงหนานหลิง ต่อให้ไม่มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง เขาก็มีอำนาจในการแข่งขันที่เพียงพอ

หนานหลิงจิ่นฝาน องค์ชายรองแห่งราชวงศ์หนานหลิงมีตระกูลซูคอยสนับสนุน แล้วอย่างไรเล่า? ราชวงศ์หนานหลิงไม่ได้มีเพียงตระกูลซูเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่

หนานหลิงจิ่นสิงเดินทางมาถึงหนานหลิง ภายในของราชวงศ์หนานหลิงก็จะยุ่งเหยิง ในเวลานั้นหนานหลิงจะมีเวลาคิดจัดการกับตงหลิงได้อย่างไร อีกอย่างการที่เป่ยหลิงยังไม่ลงมือกับราชวงศ์ตงหลิงในตอนนี้ แล้วซีหลิงเล่า......

หากซีหลิงต้องการที่จะโจมตีตงหลิงก็จะต้องไปหาหนานหลิงและเป่ยหลิงในการคิดวิธีหรือร่วมมือกับอีกทั้งสองราชวงศ์ เดิมทีทั้งสามราชวงศ์นี้อาจจะร่วมมือกันได้ เพียงแต่บัดนี้ราชวงศ์หนานหลิงไม่อาจทำได้แล้ว เพราะหลายปีมานี้ราชวงศ์หนานหลิงยุ่งเหยิงยิ่งนัก

หลิงร่วมมือกับเป่ยหลิงหรือ?

เสด็จอาเก้าหัวเราะออกมา เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น

หลังจากที่จัดการเรื่องของโจวสิงเรียบร้อยแล้วก็มีคนเดินทางมารายงานว่า ซีหลิงเทียนเหล่ยและองค์หญิงเหยาหวามีข้อพิพาทกัน จึงทำให้บาดแผลซึ่งกำลังจะหายดีของซีลิงเทียนเหล่ยฉีกออกอีกครั้ง โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง

เสด็จอาเก้าได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา เฮ้อช่างน่าเสียดายจริงๆ !

เมื่อแผนการปรับไม่ทันการเปลี่ยนแปลง กว่าซุนเจิ้งเต้าจะจัดการได้อย่างเหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อถึงเวลาลงมือกลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทำให้ซีลิงเทียนเหล่ยผ่านพ้นวิกฤติไปได้ครั้งหนึ่ง มองดูแล้วองค์รัชทายาทของซีหลิงคงไม่อาจเปลี่ยนคนได้

"พวกเขามีข้อพิพาทกันด้วยเหตุใด?" แต่ไหนแต่ไรมาซีลิงเหยาหวาไม่เคยคิดต่อต้านซีลิงเทียนเหล่ย เรื่องนี้เสด็จอาเก้าเข้าใจดี

"ดูเหมือนว่าองรัฐซายาซีหลิงต้องการจะให้องค์หญิงเหยาหวาแต่งงานกับท่าน แต่องค์หญิงเหยาหวาไม่เห็นด้วยขอรับ" ชายชุดดำรายงานออกมาพร้อมความโกรธเล็กน้อยในใจ

คุณชายของเขาสูงส่งสง่างามดุจดั่งหยกและมีเกียรติยิ่งนัก ไม่ต่างอันใดกับเทพเจ้า แต่ซีหลิงเหยาหวากลับปฏิเสธที่จะแต่งงานด้วย มีตาหามีแววไม่!

"ข้าเข้าใจแล้ว" ตงหลิงจิ่วพยักหน้าเป็นความหมายว่ารับรู้

ซีหลิงเทียนเหล่ยช่างมั่นใจในตัวเองเสียจริง คิดว่าในราชวงศ์ตงหลิงนี้เขากล่าวสิ่งใดทุกคนต้องทำตามหรือ?

เมื่อพบว่าชายชุดดำยังไม่จากไป ตงหลิงจิ่วจึงเอ่ยถามขึ้นอีกว่า "มีเรื่องอันใดอีกหรือ?"

ชายชุดดำลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นว่า "ท่านอ๋องขอรับ ในวันพรุ่งนี้คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังจะเดินทางกลับเมือง"

"เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว" เรื่องนี้ตงหลิงจิ่วรู้มาแล้วก่อนหน้า ที่จริงตงหลิงจิ่วค่อนข้างจะชื่นชมหวังจิ่นหลิงมากทีเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ