นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 286

"ชิงเฉิน หากเจ้ามีเวลาละก็ อย่าลืมมาเที่ยวเล่นที่จวนตระกูลซุนเล่า ข้าจักทำเม็ดบัวหวานเย็นให้เจ้าได้กิน" เมื่อซุนฮูหยินเห็นอาจารย์กับลูกศิษย์พูดคุยกันได้พอสมควรแล้ว จึงเปิดหน้าต่างรถม้าออกมา เพื่อพูดเชิญชวนนางด้วยท่าทีกระตือรือร้น

ซุนฮูหยินพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่อิ่มเอม แม้ว่าหลายวันมานี้ ร่างกายของนางจักดูซูบผอมลงไปบ้าง ทว่า สีหน้ากลับดูดีขึ้นยิ่งนัก

"เจ้าค่ะ ชิงเฉินจักไปอย่างแน่นอน" นางจักต้องไปเยือนจวนตระกูลซุนแน่ ไม่ว่าอย่างไร นางก็จักต้องทำให้ซุนเจิ้งเต้าไปที่ตระกูลเซี่ยให้ได้

นางเชื่อในความอดทนของคนตระกูลเซี่ย อีกทั้ง ซุนเจิ้งเต้าจักสามารถรักษาเด็กในครรภ์ของเซี่ยกุ้ยเฟยไว้ได้อย่างแน่นอน ด้วยความสัมพันธ์ของนางและซุนซือสิงแล้ว ฮองเฮาย่อมไม่มีทางรู้ได้ เซี่ยกุ้ยเฟยช่างเลือกคนได้ดีนัก

สตรี โดยเฉพาะสตรีที่อยู่ภายในวังหลังแล้ว เพียงได้ยุ่งเรื่องของตนเองหน่อย ก็ย่อมไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของผู้อื่นแล้วเช่นกัน

หลังจากที่ส่งซุนฮูหยินกลับไปแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดที่จะกลับไปนอนพักเอาแรงเสียหน่อย สำหรับหมอนั้น การนอนตอนกลางวันสลับกับตอนกลางคืนนั้น ถือเป็นเรื่องที่ปกติเป็นอย่างมาก หากมีช่วงเวลาว่างสักนิดเดียว นางจักพยายามหาเวลานอนพักในทันที หากว่าวิธีนอนตอนกลางวันมากไปแล้วกลางคืนจักนอนไม่หลับนั้น วิธีเช่นนี้ไม่อาจใช้ได้กับเฟิ่งชิงเฉิน

ทว่า ยามที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังหันกายกลับเข้าไปในจวนนั้น พลันได้ยินเสียงเกือกม้าดังตามหลังมาในทันที

"หืม มีม้าเร็วในกลางวันแสก ๆ เช่นนี้ มิใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกหรือ? คงมิใช่ว่าหลานจิ่วชิงถูกจับตัวไปหรอกกระมัง?"

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก นางจึงได้แต่ยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าประตูจวนเฟิ่ง ทว่า นางมิคิดเลยว่ากองกำลังทหารจักมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนางแทน

"คุณหนูเฟิ่งขอรับ" หัวหน้าองครักษ์ระดับห้าพลันพลิกตัวลงมาจากหลังม้า พร้อมทั้งคุกเข่าข้างหนึ่ง เพื่อทำความเคารพนาง

มันคือเสน่ห์ของอำนาจ องครักษ์ระดับห้าเห็นบุตรีของท่านแม่ทัพเฟิ่งเช่นนี้ แท้จริงแล้วมิจำเป็นต้องคุกเข่าเคารพนางก็ได้ ทว่า เมื่อเป็นคุณหนูจวนผู้ภักดี ก็มิจำเป็นต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน

เฟิ่งชินเฉินคิดว่า ที่องครักษ์ทำความเคารพนางเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นเพราะเสด็จอาเก้า องค์รัชทายาทหรือหวังจิ่นหลิงเป็นแน่ เมื่อเห็นพวกเขาคุกเข่าเคารพนางเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ทำใจ

"ลุกขึ้นเถิด มิรู้ว่าใต้เท้าท่านนี้มีนามว่าอะไรหรือ"

"ขอบพระทัยเฟิ่งซิ่วขอรับ กระหม่อมมีนามว่าหวังเย้ขอรับ" องครักษ์พลันโค้งคำนับสองมือด้วยความหนักแน่นในทันที ดูจากท่าทางแล้ว เขามิใช่คนที่เติบโตในเมืองหลวง จำพวกนายทหารที่พึ่งพาอำนาจของตระกูลตนเองเข้ามาทำงานในกองทัพอย่างแน่นอนเลย

"ใต้เท้าหวัง เป็นคนของตระกูลหวังงั้นหรือ?" เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจได้ในทันที ว่าเหตุเขาถึงได้ทำความเคารพนางเช่นนี้ ที่แท้ ก็เห็นแก่หน้าของหวังจิ่นหลิง

สีหน้าของหวังเย้พลันแสดงความตื่นเต้นออกมา โดยไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้ พร้อมทั้งพยักหน้าออกมาด้วยความจริงใจว่า "กระหม่อมเป็นคนของตระกูลหวังสายรองขอรับ" บางที ชื่อของเขาอาจถูกคุณชายใหญ่รู้จักเข้า นี่ถือเป็นโอกาสที่ดียิ่งนัก หวังเย้พลันรู้สึกว่าหัวใจของตนเองพลันสั่นรัวขึ้นมาในทันที

เฟิ่งชิงเฉินเพียงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมแย้มยิ้มกล่าวว่า "คุณชายใหญ่มักจะเล่าให้ข้าฟังว่า บุรุษในตระกูลหวังมักจะเก่งกาจทั้งบุ๊นและบู๊ เห็นคุณชายใหญ่ทั้งเฉลียวฉลาดและอ่อนโยนถึงเพียงนั้น ข้าจึงคิดว่าคุณชายใหญ่โกหกมาโดยตลอด ในวันนี้ ข้าได้มาเห็นอีกด้านของบุรุษตระกูลหวังแล้ว คราวหน้าข้าคงต้องไปบอกกับคุณชายใหญ่แล้วละ ว่าข้าเชื่อคำพูดของเขาแล้ว" หวังเย้ให้เกียรตินาง เพราะเห็นแก่หน้าของหวังจิ่นหลิง นางย่อมต้องตอบแทนเขากลับบ้าง

หวังเย้พยายามเป็นอย่างมาก ที่จะสะกดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ ถึงแม้ว่า ในยามนี้ น้ำเสียงของเขาจะสั่นเครือมากก็ตาม"กระหม่อม ขอบ ขอบพระทัยเฟิ่งซิ่วขอรับ"

คนในตระกูลหวังมีความสามารถมากมายนัก หากเขาได้เข้าไปอยู่ในสายตาของคุณชายใหญ่ละก็ หน้าที่การงานของเขา ย่อมต้องเติบโตไปไกลอย่างแน่นอน การมาในครั้งนี้ ถือว่าไม่เสียเปล่าเลยจริง ๆ นัยน์ตาที่ดำขลับของหวังเย้พลันเปล่งประกายออกมา พร้อมด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย เขาตื่นเต้นเสียจนไม่รู้จะทำตัวเช่นไรดี

เฟิ่งชิงเฉินเพียงยิ้มออกมา เมื่ออารมณ์ของหวังเย้กลับมาสงบดังเดิมแล้ว ก็พลันกวาดตามององครักษ์ที่มาถึงในทันที "ใต้เท้าหวังกล่าวหนักไปแล้ว มิรู้ว่า ใต้เห้าหวังมาหาชิงเฉินมีเรื่องอันใดงั้นหรือ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ