นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 287

หวังเย้เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินมิได้เอ่ยอันใดออกมาอยู่นาน จึงได้ลังเลไปครู่หนึ่ง พร้อมทั้งเอ่ยวาจาเกลี้ยกล่อมออกมาว่า "ถึงแม้ว่าคุณซูหว่านจักพอบรรเทาอาการเจ็บปวดไปบ้างแล้ว แต่อาการก็ยังมิได้ดีขึ้นเลยขอรับ กระหม่อมได้ยินองครักษ์และสาวใช้ของคุณหนูซูพูดคุยกันว่า สีหน้าของคุณหนูซูหว่านซีดเผือด พร้อมทั้งไม่มีเรี่ยวแรงขอรับ" พร้อมทั้งมีคำบรรยากำกับว่า ยาที่หมอหลวงซูให้ไป เพียงแค่พยุงอาการเท่าน้้น หาได้รักษาโรคโดยตรงไม่

หมอหลวงซุนรู้จักทำชั่วแล้วซินะ เฟิ่งชิงเฉินพยายามเป็นอย่างมากที่จะกลั้นขำเอาไว้ พร้อมทั้งเปลี่ยนสีหน้ากล่าวว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็รีบไปกันเถอะ อย่าได้ถ่วงเวลาในการไปดูอาการของคุณหนูซูเลย"

เฟิ่งชิงเฉินหาได้พูดถึงกล่องยาไม่ พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้หวังเย้ไปนำม้ามา แล้วนางก็ปีนขึ้นไปนั่งโดยไว "ใต้เท้าหวัง ไปกันเถอะ!"

หวังเย้เอง พลันแสร้งทำเป็นไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแอบคิดภายในใจกับตนเองว่า วันนี้คุณหนูซูหว่าน คงจะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดไปจนตายแน่ ที่ถูกหมอหลวงซุนและท่านหมอเฟิ่งรุมรังแกนางเช่นนี้ คุณหนูซูหว่านผู้นี้ ช่างหาเหาใส่หัวตนเองเสียจริง

เมืองหลวงกว้างใหญ่เช่นนี้ หากแต่จวนตระกูลของผู้มั่งคั่งทั้งหลาย ต่างมากระจุกตัวอยู่ตรงกลางเมือง เฟิ่งชิงเฉินเองหาได้ทำให้การเดินทางล่าช้าไม่ ใช้เวลาเพียงแค่สองเค่อ เฟิ่งชิงเฉินก็เดินทางมาถึงที่พำนักชั่วคราวของคุณหนูซูในทันที สวนจิ้งชิว

สาวใช้ที่อยู่ในจวนของซูหว่านต่างพากันเดินไปมาให้ขวัก พร้อมทั้งไม่หยุดที่จะปัดกวาดทำความสะอาดจวน บางส่วนก็เข้าไปส่งน้ำ พร้อมทั้ง ยังพอจะได้ยินน้ำเสียงร้องของซูหว่านออกมาอยู่เรื่อย ๆ

"หมอหลวงซุนสบายดีหรือไม่เจ้าคะ หมอหลวงท่านอื่น ๆ ด้วย เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ" เฟิ่งชิงเฉินบังเอิญมาพบหมอหลวงท่านอื่นอู่ด้านนอกห้องพอดี

"ไม่ดีเลย" สีหน้าของซุนเจิ้งเต้าดูเหนื่อยล้ายิ่งนัก ขอบตาพลันดำคล้ำ ทั้งยังปูดบวมออกมา นั่นทำให้เห็นเลยว่า เขามิได้นอนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว เมื่อเห็นท่าทีที่สบายใจของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ซุนเจิ้งเต้าพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันที

"เจ้ายังดี ที่เมื่อวานได้นอนหลับสบายในตำหนักหย่งเหอมาแล้ว พวกข้าหมอหลวงแก่ ๆ ทั้งหลาย แม้แต่ตายังไม่กล้ากะพริบเลย ฟ้ายังมิทันสว่าง ก็พลันถูกเรียกตัวมาที่สวนจิ้งชิวในทันที" หมอหลวงท่านอื่น ๆ มิรู้ว่า เมื่อวานเฟิ่งชิงเฉินแกล้งเป็นลม หากแต่หมอหลวงซุนรู้เรื่องเป็นอย่างดี หากแต่ก็มิกล้าเอ่ยขึ้นมาอย่างโจ่งแจ้ง เลยแต่กัดฟันแอบก่นด่าสตรีเจ้าเล่ห์อยู่ภายในใจ

"ฮ่าฮ่า หมอหลวงซุนทำงานหนักเช่นนี้ มิใช่ว่าร่างกายของข้าอ่อนแอหรอกหรือ หากหมอหลวงซูนมิเชื่อ ก็มาจับชีพจรของข้าดูได้" เฟิ่งชิงเฉินหาได้เอ่ยอันใดออกมาอีกไม่ พร้อมทั้งส่งมือออกมาให้ในทันที

ร่างกายของนาง นางย่อมรู้ดีว่าพลังชีวิตของตนเองอ่อนแอลง แต่ทว่า มันต้องใช้เวลาในการรักษา นั่นมิใช่เรื่องที่การแพทย์แผนตะวันตกจักสามารถทำได้

ซุนเจิ้งเต้าเองก็รู้เรื่องนี้ เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาเขาก็พลันมีความกังวลฉายแววพาดผ่าน พลางทำสีหน้าเย็นชากล่าวออกมาว่า "เป็นถึงท่านหมอ หากแต่มีร่างกายที่พัง ๆ เช่นนี้นะหรือ ที่บ้านของข้ายังพอมีเออเจียวอยู่ กลับไป ข้าจักให้ซือสิงนำไปให้เจ้าด้วย สตรีเช่นเจ้าแสร้งทำเป็นร่างกายอ่อนแอให้ผู้ใดดูกัน"

ไม่มีบิดามารดาคอยเป็นห่วงเช่นนี้ เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินแล้ว พลันรู้สึกว่าเจ้าเด็กซื่อบื้อซุนเจิ้งเต้ายังโชคดียิ่งนัก ที่มีบิดามารดาให้คอยเป็นห่วง ทั้งยังคอยปกป้องเขาเช่นนี้ ถึงได้รักษาความไร้เดียงสาของเขาเอาไว้ได้

"มิต้องลำบากซือสิงหรอก เดี๋ยวข้าไปเอาเอง ท่านน้ายังชวนข้าไปกินเม็ดบัวหวานเย็นฝีมือของนางด้วย" นับว่ามีอีกเหตุผลนึงให้ไปที่ตระกูลซุนแล้ว เฟิ่งชิงเฉินคิดว่า เรื่องของเซี่ยกุ้ยเฟยคงจะราบรื่นอย่างแน่นอน

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุขยิ่งนัก เมื่อซูหว่านที่อยู่ด้านในห้องได้ยินสาวใช้เข้ามารายงานแล้ว หากแต่รออยู่นานก็มิเห็นเงาของเฟิ่งชิงเฉินเสียที จึงโมโหเสียจน สาวใช้ข้างกายของนางต้องออกมาตม พร้อมทั้งชักสีหน้าอยู่ด้านหน้าประตูห้อง

"เฟิ่งซิ่ว คุณหนูตระกูลของข้า เชิญท่านมาทำการรักษา หาใช่มาพูดคุยกับหมอหลวงพวกนี้ไม่ เฟิ่งซิ่วที่เป็นหมอ แต่กลับไม่ใส่ใจอาการป่วยของคนไข้ ทั้งยังมาทำเป็นทีเล่นทีจริงอยู่ที่นี่ จรรยาบรรณแพทย์ของท่านทำให้ข้ารู้สึกสงสัยยิ่งนัก หมอของตงหลิงเป็นเช่นเฟิ่งซิ่วกันหมดหรืออย่างไร?"

เมื่อสาวใช้ข้างกายของซูหว่านนึกถึงยามที่คุณหนูของตนต้องทนทุกข​์ทรมานแล้ว ก็เป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ ถึงทำให้เส้นทางรักของซูหว่านและเสด็จอาเก้าแปรเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางที่ยากลำบากมากขึ้น พลันอดไม่ได้ที่จะระบายอารมณ์โมโหออกมา น้ำเสียงที่พูดจึงไม่ค่อยดีนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ