นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 297

คนในจวนซุนเมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินทางมาก็ราวกับเห็นขอนไม้ใหญ่ลอยอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ

"เฟิ่งซิ่ว บิดาของข้าไม่ได้ทุจริต เขาไม่ได้โกงเงินบรรเทาภัยนั้นอย่างแน่นอน!"

ตระกูลซุนมีบุตรชายอยู่สองคน คุณชายใหญ่ติดตามอวี่เหวินหยวนฮั่วไปที่เขตชายแดนแล้ว ส่วนคุณชายรองได้ศึกษาอยู่ที่ ตระกูลหวัง บัดนี้ผู้ที่เข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ก็คือคุณชายรองแห่งตระกูลซุนนั่นเอง

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินทางมา เขาก็เข้ามากล่าวแสดงถึงทัศนคติทันทีว่าบิดาของเขานั้นไม่ได้กระทำการผิดใด ใบหน้าอันอ่อนโยนดูเยาว์วัยของเขาแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและไม่ยอมใครง่ายๆ

"วางใจเถิด บัดนี้ใต้เท้าซุนไม่เป็นอะไร" เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เห็นด้วยกับคำที่เขากล่าวว่าบิดาของเขาไม่ได้ทำเรื่องเช่นนี้ออกมา

เพราะในวงการขุนนางไม่มีผู้ใดที่สะอาดสะอ้านหมดจน เพราะคนที่มือสะอาดจะไปได้ไม่ไกล และใต้เท้าซุนก็เห็นได้ชัดว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่อาจไปได้ไกลประเภทนั้น

นางเชื่อว่าด้วยนิสัยของใต้เท้าซุน เขาจะไม่โกงเงินบรรเทาทุกข์ของประชาชน แต่แล้วอย่างไรเล่า?

เรื่องนี้ถูกใส่ร้ายหรือไม่สำคัญ การทุจริตก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้ได้อย่างไร สิ่งที่ทำให้รู้สึก ยังโชคดีอยู่นั่นก็คือองค์จักรพรรดิไม่ได้สั่งให้จับกุมตัวคนในตระกูลซุนทั้งหมดเข้าคุกไปด้วย

เจิ้นกั๋วกงฉวยโอกาสช่วงงานวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิและยื่นรายงานนี้ออกไป ทำให้องค์จักรพรรดิ โมโหยิ่งนัก เขาสั่งให้นำตัวใต้เท้าซุนเข้าไปขังไว้ในองครักษ์เสื้อโลหิตโดยไม่กล่าวถามสิ่งใด ในขณะเดียวกัน ก็ยังให้เวลาใต้เท้าลู่ก่อนที่งานวันเกิดถูกจัดขึ้น จะไม่จัดการคดีของใต้เท้าซุน

ดูเหมือนเจิ้นกั๋วกงจะคิดว่า เมื่อใต้เท้าซุนถูกขังอยู่ในองครักษ์เสื้อโลหิตแล้วก็จะตายอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่านางกับลู่เส้าหลินจะมีความสัมพันธ์กันไม่ธรรมดา การที่ลู่เส้าหลินต้องการจะไว้ชีวิตใต้เท้าซุนเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ

"ท่านพี่ชิงเฉิน ท่านพ่อของข้าอยู่ในหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิต ที่นั่นคือองครักษ์เสื้อโลหิตเชียว! คนที่เดินทางเข้าไปนั้น หากไม่ตายก็คงต้องพิกลพิการ พี่ชิงเฉินขอร้องเถิด ช่วยบิดาของค่าได้หรือไม่ บิดาของข้าเป็นคนดีเขาไม่ทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน" ใบหน้าเล็กๆ ของซุนยี่ฉือดูเหมือนลูกแมวที่กำลังร้องไห้

ในวันนี้พวกเขาเดินทางไปขอร้องผู้คนมากมาย แต่ทุกคนล้วนปิดประตูไม่ต้อนรับ คนในตระกูลซุนไม่ยอมพบพวกเขา บัดนี้ทำให้พวกเขารู้สึกลำบากมากยิ่งขึ้น

เฟิ่งชิงเฉินตบลงไปที่หลังมือของซุนยี่ฉือเบาๆ แล้วปลอบโยนว่า "อย่ากังวลใจไปเลย บิดาของเจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้างในหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เจ้าคิด ข้าเองก็มีชีวิตรอดออกมาไม่ใช่หรือ?"

ขณะที่กล่าวคำนี้ออกมา ซุนฮูเหยินที่ใบหน้าเหี่ยวย่นผมเป็นสีขาวเงินก็เดินออกมาจากการพยุงของบ่าวรับใช้ เมื่อเห็นสภาพของซุนฮูหยินเป็นเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ ซุนฮูหยินอายุมากกว่าลู่ฮูหยินเพียงไม่กี่ปี แต่เมื่อทั้งสองยืนอยู่ข้างเคียงกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นคนล่ะช่วงอายุกันเลย

เมื่อครั้งก่อนที่ซุนยี่จิ่นเสียชีวิตไป ซุนฮูหยินก็เสียใจมากร้องไห้เสียจนตาบอด และในครั้งนี้......

เฟิ่งชิงเฉินติดหนี้บุญคุณของตระกูลซุนมากมายเหลือเกิน

"ซุนฮูหยิน" เฟิ่งชิงเฉินเดินไปข้างหน้าแล้วคุกเข่าลง

"เฟิ่งซิ่ว ทำอะไรกันรีบลุกขึ้น รีบลุกขึ้นมาเถิด!" ซุนฮูหยินคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทำเช่นนี้ นางรีบโบกไม้โบกมือให้คนไปพยุงขึ้นมา

แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับปฏิเสธแล้วโค้งศีรษะคาราวะซูนฮูหยินถึงสามหน "ซุนฮูหยิน ทั้งสามครั้งเมื่อครู่ข้าคารวะในนามของยี่จิ่น การที่บัดนี้คุณหนูยี่จิ่นไม่อยู่ที่นี่แล้ว เรื่องของตระกูลซุน และก็เป็นเรื่องของข้าเช่นกัน"

"เด็กดีจงลุกขึ้น ลุกขึ้นเร็วเข้า!" ซุนฮูหยินกลืนน้ำลายลงคอแล้วพยุงเฟิ่งชิงเฉิน "เรื่องของยี่จิ่นนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า อย่าได้โทษตัวเองเลย เจ้าเด็กคนนั้นวาสนาน้อย จากไปแล้วก็ดี"

หากว่าซุนยี่จิ่นยังมีชีวิตอยู่คาดว่าจะต้องลำบากมากมาย อีกอย่างการที่ซุนยี่จิ่นเสียชีวิตไปนั้นจะโทษว่าเป็นความผิดของเฟิ่งชิงเฉินทั้งหมดก็ไม่ได้ และอย่างน้อยคนในตระกูลซุนไม่ได้โทษเฟิ่งชิงเฉินเลย

"ซุนฮูหยิน อย่าได้เป็นห่วงใต้เท้าซุนที่อยู่ในหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตเลย เขาสบายดี ข้าได้ฝากฝังคนให้คอยดูแลเขาแล้ว เขาจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน" เฟิ่งชิงเฉินพยุงซุนฮูหยินเดินตรงไปที่โถงดอกไม้ ก่อนจะนั่งลงแล้วนำคำพูดของลู่เส้าหลินบอกให้แก่คนในตระกูลซุนฟัง ให้พวกเขาไม่ต้องกังวลใจไป ใต้เท้าซุนอยู่ที่ในหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตจะไม่ได้รับความลำบากแต่อย่างใด

"ซุนฮูหยิน หากว่าพวกท่านรู้สึกเป็นกังวลล่ะก็ ในวันพรุ่งนี้พวกท่านสามารถเข้าไปเยี่ยมเขาที่หน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตได้ นำอาหารที่เขาชอบไปให้ เมื่อพวกท่านเดินทางไปถึงที่หน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว ให้ไปหาใต้เท้าลู่ ลู่เส้าหลิน เขาจะจัดการให้พวกท่านเอง"

"จริงหรือ ข้าสามารถไปหาท่านพ่อได้?" น้องชายของซุนยี่ฉือยิ้มออกมา ในใจก็กังวลว่าเฟิ่งชิงเฉินจะกลับคำ

เฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าบิดาของตนไม่เป็นไร แต่ถึงกระนั้นหากได้พบกับเขาก็คงจะวางใจกว่า

"แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ข้าโกหกเจ้าเพื่อสิ่งใด วันพรุ่งนี้พวกเจ้าเดินทางไปที่องครักษ์เสื้อโลหิต แต่เกรงว่าข้าจะไม่อาจไปเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าได้" เรื่องของใต้เท้าซุนนี้นางจะต้องเดินทางไปหาอีกหลายคนเพื่อช่วยเหลือ พึ่งพาเพียงตระกูลซุนไม่กี่คนนี้คาดว่าคงไม่ได้

ซุนฮูหยินและซุนยี่ฉือไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่คุณชายของตระกูลซุนเข้าใจเรื่องนี้ดี เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินกล่าวเช่นนี้เขาก็ก้าวขึ้นไปด้านหน้ายกมือคารวะ "เฟิ่งซิ่ว ต้องรบกวนท่านด้วย"

"คุณชายซุนเกรงใจเกินไปแล้ว เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ" เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ยอมรับการคารวะนั้น เมื่อเห็นว่าคุณชายซุนกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมาอีก เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เอ่ยขาดขึ้นว่า "ซุนฮูหยิน คุณชายซุน ข้ายังต้องไปเยี่ยมเยียนสหายและผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยอีกสองสามคน ดังนั้นจึงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นาน เอาเป็นว่าเรื่องของใต้เท้าซุนนั้นพวกท่านไม่ต้องเป็นกังวลใจไป และไม่จำเป็นต้องไปร้องขอผู้ได้แล้ว ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง"

นางเกรงว่าคนในตระกูลซุนเหล่านี้ยิ่งช่วยจะยิ่งวุ่นวาย เนื่องจากเจิ้นกั๋วกงได้วางวางแผนไว้ก่อนหน้าแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ลากเพียงใต้เท้าซุนลงน้ำแต่ผู้เดียว บัดนี้เพียงแค่นำใต้เท้าซุนลงไปคนเดียวก็ยากแล้ว หากว่าเอาทุกคนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนางคงจะบ้าตาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ