นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 320

เมื่อคืนนี้เฟิ่งชิงเฉินอยู่กับข้าทั้งคืน

นี่หมายความว่าอย่างไร?

เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเสด็จอาเก้าจึงตั้งใจกล่าวคำพูดที่คลุมเครือเช่นนี้ เหตุใดเขาต้องทำลายชื่อเสียงของนางด้วย?

หากเพราะเพียงต้องการขจัดข้อสงสัยที่มีต่อนาง จะหาเหตุผลใดก็ได้ ทำไมต้องกล่าวสิ่งที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเช่นนี้ออกมา

เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนทำท่าจะอธิบาย แต่เสด็จอาเก้าไม่ให้โอกาสนางเลย เมื่อเขากล่าวประโยคนั้นจบแล้วก็ได้จูงมือเฟิ่งชิงเฉินเดินออกไปด้านนอก

"หลีกทาง!"

สายตาอันเข้มงวดเยือกเย็นทำให้ซีหลิงเทียนเหล่ยยอมหลีกทางให้เสด็จอาเก้าอย่างไม่เต็มใจ ผู้คนต่างๆ ซึ่งนำโดยองค์รัชทายาทได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิมแล้วส่งเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินจากไปด้วยสายตา ในสมองของทุกคนอดไม่ได้ที่จะคิดไปทำนองเดียวกัน......

เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน

แค่กๆ......

ตี๋ตงหมิงและองค์รัชทายาทดูเหมือนจะมีความเข้าใจตรงกันโดยปริยาย ทั้งคู่หันไปมองดูตงหลิงจื่อลั่วในเวลาเดียวกัน

คนหนึ่งคืออดีตคู่หมั้น อีกคนคือคู่รัก ในวันเวลาและสถานที่เดียวกันพวกนางกลับกลายเป็นผู้หญิงของคนอื่น

จื่อลั่ว พวกข้าเห็นใจเจ้ายิ่งนัก!

ตี๋ตงหมิงเห็นว่าสถานการณ์ดูผิดแปลกไป เขาก็ได้หันไปสารภาพผิดกับองค์รัชทายาท ไม่รอให้องค์รัชทายาทตอบกลับสิ่งใดเขาก็รีบวิ่งตามเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินไปทันที

องค์รัชทายาทโน้มกายไปข้างหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวถอยหลังกลับมา เขาจะต้องช่วยเสด็จอาเก้าจัดการส่งคนเหล่านี้ออกไปก่อน เพราะยังมีเรื่องที่ต้องจัดการตามมา มองดูแล้วเรื่องในวันนี้คงไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้ จะทำให้ราชวงศ์ซีหลิงวุ่นวายไม่ได้เด็ดขาด วันคล้ายวันประสูติของเสด็จพ่อใกล้มาถึงแล้ว เขาไม่มีวันยอมให้เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้มาทำลายเด็ดขาด

อีกอย่าง หวังจิ่นหลิงและเซี่ยซานยังรอคำอธิบายจากเขา

องค์รัชทายาทถอนหายใจออกมา อาหารของเสด็จอาเก้าช่างไม่อร่อยเอาเสียเลย

เมื่อตี๋ตงหมิงไล่ตามออกมา เขาก็เห็นเสด็จอาเก้ากำลังพยุงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นไปในรถม้า จึงรีบให้บ่าวรับใช้ไปนั่งรถม้าของตนมา และติดตามเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินไปทันที

เมื่อขึ้นไปบนรถม้า เสด็จอาเก้าก็หันข้างให้เฟิ่งชิงเฉิน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากกล่าวสิ่งใดออกมา เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะเอ่ยปากขึ้นอยู่หลายครั้ง แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่ลืมตาขึ้นเลย ทำให้เฟิ่งชิงเฉินอึดอัดแทบตาย จนกระทั่งรถมาหยุดอยู่ที่หน้าจวนเฟิ่ง เสด็จอาเก้าจึงได้เงยหน้ามองนาง......

"เหอะๆ......!" เฟิ่งชิงเฉินหันหน้าหนีด้วยความโกรธ

เสด็จอาเก้าโน้มกายไปข้างหน้าแล้วยิ้มขึ้นว่า "เฟิ่งชิงเฉิน อีกสามวันข้าจะมารับกระเป๋าเงิน"

"ทิ้งไปแล้ว!" เฟิ่งชิงเฉินเปิดประตูรถม้าแล้วกำลังจะหันหลังลงรถไป แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อนางเพิ่งจะลุกขึ้นก็ถูกเสด็จอาเก้าดึงกลับมา เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า ด้วยสัญชาตญาณของนาง นางจึงได้กระทุ้งไปที่ท้องของเสด็จอาเก้า

การเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินค่อนข้างรวดเร็ว แต่เสด็จอาเก้าสังเกตเห็นได้ตั้งแต่การกระทำแรกของนาง เขาสามารถหลบเลี่ยง ได้แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เขาจึงเลือกที่จะไม่หลบ และปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินกระทุ้งไปที่ท้องของตน

"ตุ๊บ......!" เฟิ่งชิงเฉินใช้แรงมากจนทำให้เสด็จอาเก้ากระแทกไปที่ประตู และดึงเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

รถม้าโอนเอนไปมา สารภีและองครักษ์ยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าอันไร้อารมณ์ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ตี๋ตงหมิงที่อยู่ด้านหลังกลับตกตะลึงอยู่บนรถม้า

เสด็จอาเก้าไม่สนใจในสตรีมิใช่หรือ? เหตุใดเมื่อเขาได้ลิ้มลองแล้วจึงได้น่ากลัวเพียงนี้ รถม้านี้ช่างเล็ก......แต่ก็ดูไม่ได้เล็กเท่าไหร่

"ซี๊ด......" เสด็จอาเก้าอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด

เขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เบามือ แต่คิดไม่ถึงว่าจะหนักขนาดนี้ แม้ว่าข้อศอกที่กระแทกมายังท้องของตนจะไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บภายในแต่ก็เจ็บปวดไม่น้อย

"ปล่อยข้า!" เฟิ่งชิงเฉินที่ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้ารู้สึกโมโหยิ่งนัก ชายผู้นี้เห็นนางเป็นอะไร อยากจะหยอกล้อเมื่อไหร่ก็ได้ อยากจะรังแกเมื่อไหร่ก็ได้หรือ?

"รอก่อน รอให้ข้ากล่าวจบ!" ในเมื่อถูกต่อยไปแล้วก็จะต้องให้คุ้มค่า

"ในเมื่อเสด็จอาเก้ามีเรื่องจะกล่าว เช่นนั้นหม่อมฉันจะคุกเข่าฟัง" เมื่อกล่าวจบนางก็พยายามลุกขึ้น

เสด็จอาเก้าจะยอมได้อย่างไร เขารีบดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ใช่คนที่จัดการง่ายๆ นางรีบกดทับเสด็จอาเก้าไว้ข้างล่างกาย ขาข้างซ้ายยกขึ้นมากดไปที่หน้าท้องของเสด็จอาเก้า มือข้างซ้ายกดไปที่หน้าอกของเสด็จอาเก้า หากว่ามือขวาของนางถือปืนไว้ล่ะก็ ท่านี้ดูแข็งแกร่งมากทีเดียว

ปฏิกิริยาของเฟิ่งชิงเฉินค่อนข้างจะโต้ตอบอย่างรุนแรง แต่นางไม่รู้ว่ารถม้าก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นเช่นกัน ทำเอาเสียตี๋ตงหมิงซึ่งถูกองครักษ์กักตัวเอาไว้ด้านนอกมองไปแล้วอดไม่ได้ที่จะขยี้ดวงตา เขากำลังคิดว่าจะเข้าไปเตือนเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินดีหรือไม่ แม้ว่าด้านนอกจวนเฟิ่งจะมีคนไม่เยอะ แต่ที่นี่ก็มีผู้คนเดินทางไปมา หากมีคนอื่นมาเห็นเข้าคงไม่ดี

"เสด็จอาเก้า หากกระต่ายตกอยู่ในสถานการณ์คับขันมันก็อาจจะแว้งกัดคนได้เช่นกัน! ข้าเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนดีอะไร หากทำให้ข้าต้องเดือดร้อนใจ ข้าไม่สนใจว่าจะเป็นองค์ชายหรือผู้ใดก็ตาม ข้าล้วนจัดการได้ทั้งนั้น" มือขวาของเฟิ่งชิงเฉินกดไปที่ข้อมือของเสด็จอาเก้า เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้นางกดเอาไว้โดยไม่ขยับเขยื้อน

เมื่อถูกสตรีกดเอาไว้ที่ด้านบนร่างกายเช่นนี้ สำหรับเสด็จอาเก้ารู้สึกว่าช่างแปลกใหม่เหลือเกิน นอกเสียจากการขัดขืนในตอนแรก จากนั้นเสด็จอาเก้าก็ให้ความร่วมมือกับนาง

แน่นอน เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากำลังของเฟิ่งชิงเฉินมากเสียจนทำให้ตกตะลึง ขณะที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังเคลื่อนไหวไม่ต่างอันใดกับแม่เสือสาวที่คล่องแคล่วว่องไว ไม่มีกลอุบายใดหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นเลย

โชคดีที่เป็นเขา หากว่าเป็นคนอื่นล่ะก็เฟิ่งชิงเฉินคงไม่ปล่อยเอาไว้ เพียงแต่ว่าท่าทางนี้......

"คราวหน้าอย่าใช้อุบายนี้กับคนอื่น หากมีโอกาสข้าจะสอนให้" ในเมื่อไม่อาจจะต่อต้านได้ก็จงสนุกไปกับมัน แต่ในรถม้านี้ พื้นที่ค่อนข้างเล็ก ขาของเสด็จอาเก้างออยู่ จึงใช้โอกาสนี้หันเข้าหามุมแล้วยืดออกไป

"สอนข้าหรือ เสด็จอาเก้าเป็นอะไรกับข้า? เหตุใดจึงต้องสอนข้าด้วย เป็นอาจารย์หรือ? ขอโทษที ข้าไม่มีความคิดจะรับใครเป็นอาจารย์ บิดาหรือ? ต้องขอโทษด้วย บิดาของข้าเสียชีวิตในสนามรบไปนานแล้ว เป็นพี่หรือ? ยิ่งต้องขอโทษใหญ่ มารดาของข้ามีข้าแค่คนเดียว เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับข้าเลย ข้าจะกล้ารบกวนให้เจ้าสอนได้อย่างไร!" เฟิ่งชิงเฉินยิ่งกล่าวยิ่งโมโห เหตุใดเสด็จอาเก้าจึงกล่าวคำพูดเช่นนั้นต่อหน้าผู้คนมากมายโดยไม่ให้นางอธิบายอะไรเลย

เมื่อคืนนี้ทั้งสองอยู่ด้วยกันก็จริง แต่เหตุใดประโยคเหล่านั้นของเสด็จอาเก้าจึงดูคลุมเครือ ไม่เหมือนกับความเป็นจริงเลย

"ข้าจะสอนเจ้า ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้ เฟิ่งชิงเฉินกรงเล็บของเจ้าจงเก็บเอาไว้ อย่าบีบบังคับให้ข้าต้องถอดมันจนหมด" เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนที่พูดง่ายแต่ไหนแต่ไรมา การที่เฟิ่งชิงเฉินต่อต้านจึงทำให้เขารู้สึกโมโห

เพราะว่านี่คือเฟิ่งชิงเฉิน ไม่เช่นนั้นเลือดคงจะสาดกระเซ็นแล้ว

"หึๆ......" เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา แต่กลับปล่อยเสด็จอาเก้าอย่างเชื่อฟังแล้วไปนั่งอยู่ตรงมุมรถม้าเพียงลำพัง "ดึงกรงเล็บของข้าเหรอ? ข้ายังมีกรงเล็บอยู่อีกหรือ? เจ้าบีบบังคับข้าให้จนมุม เมื่อตอนที่เจ้ากล่าวประโยคนั้นออกมา เมื่อตอนที่เจ้ากล่าวว่า ข้าคือผู้หญิงของเจ้า วินาทีนั้นข้าก็เป็นเพียงแค่ตุ๊กตาตัวหนึ่ง"

ผู้ชายคนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่อาจแต่งงานกับนางได้ แต่กลับให้ความหวังต่อนางอย่างยากจะอธิบาย ผู้ชายคนนี้ไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ แต่กลับทำลายความหวังที่จะได้แต่งงานของนางลง นางเกลียดมากจริงๆ

เมื่อเห็นท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินเป็นเช่นนี้ น้ำเสียงของเสด็จอาเก้าก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย เขาลุกขึ้นนั่งแล้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินด้วยท่าทางงุ่มง่าม "เป็นผู้หญิงของข้าไม่ดีหรือ?"

ในโลกใบนี้มีสตรีมากมายนับไม่ถ้วนที่อยากจะได้คำเรียกนี้จะเขา แต่เพราะเหตุใดกันเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ยินยอม เรื่องนี้เสด็จอาเก้าไม่เข้าใจเอาเสียเลย

ในโลกใบนี้ไม่ว่าสตรีผู้ใดจะสูงส่งหรือเก่งกาจสักแค่ได้ ก็ล้วนจำเป็นต้องมีชายให้พึ่งพิง เขาไม่ดีพอหรือไร?

"ไม่ ไม่ดี มีอะไรดีกัน! ผู้หญิงของเสด็จอาเก้าอาจมีมากมายหลายพันหลายหมื่นคน เหตุใดข้าจึงต้องเป็นหนึ่งในนั้น เฟิ่งชิงเฉินจะไม่เป็นหนึ่งในนั้น!" นางต้องการเพียงแค่คนเดียว เป็นภรรยาเพียงคนเดียวและคนรักในใจเพียงแค่คนเดียว

เสด็จอาเก้าไม่อาจให้นางได้

"เจ้าคือผู้หญิงคนแรกที่ข้ายอมรับ!"

"ก็แค่คนแรกเท่านั้น ไม่ใช่เพียงคนเดียว เจ้ารับประกันได้หรือไม่ว่าจะมีข้าเพียงคนเดียว!" เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นแล้วยกมือเช็ดน้ำตาจากดวงตาของนางด้วยแขนเสื้อ มองตรงไปที่สายตาของเสด็จอาเก้า ดวงตาที่ถูกชะล้างด้วยน้ำตาเป็นประกาย แววตานั้นแข็งแกร่งและดื้อรั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่มีอยู่ก็คือความหวัง......

เสด็จอาเก้าเม้มริมฝีปากและไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา คำตอบนั้นทุกคนล้วนรู้ดีหากกล่าวออกมาจะเจ็บเปล่าๆ

เสด็จอาเก้าไม่ได้กล่าวสิ่งใด ไม่ได้หมายความว่าเฟิ่งชิงเฉินจะกล่าวไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินเยาะเย้ยตัวเองว่า "ไม่ได้ เสด็จอาเก้าไม่อาจรับประกันได้หรอกว่าข้าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของเจ้า และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายเท่านั้น"

"หลังจากที่เจ้ากล่าวว่าเมื่อคืนนี้เราอยู่ด้วยกัน แต่เจ้าไม่อาจแต่งงานกับข้าได้ หรือที่จริงควรจะกล่าวว่าเจ้าไม่เคยคิดจะแต่งงานกับข้าต่างหาก เพราะข้ามีชื่อเรื่องอื้อฉาวว่าสูญเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน ประกอบกับคำพูดนี้ของเจ้าเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าข้าประพฤติตัวไม่ดีจึงไม่มีคุณสมบัติเป็นภรรยาของเจ้า!"

"เฟิ่งชิงเฉิน ในใจของเจ้าข้าเป็นเช่นนี้หรือ หากข้าต้องการรับเจ้าเป็นอนุภรรยา คิดว่าเจ้าปฏิเสธได้อย่างนั้นหรือ?" เมื่อเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าโมโหยิ่งนักแล้วรีบยกมือขึ้นกระแทกไปที่ผนังรถม้าที่ด้านหลังเฟิ่งชิงเฉิน

แม้ว่าเขาจะมีความรอบคอบมากมาย แต่อนุภรรยาก็เป็นเพียงแค่ของเล่น ไม่จำเป็นต้องจริงจังและไม่มีใครจะมาสนใจว่า เขาทำอะไร หากเขารับเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปที่จวนจิ่วอ๋องก็คงไม่มีใครเข้ามาขัดขวางและไม่มีใครกล้ากล่าวสิ่งใดมาก

แต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉินน่ะหรือ? ในระยะเวลาอันสั้นนี้คงเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากเฟิ่งชิงเฉินมีชื่อเสียงอื้อฉาว แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือเฟิ่งชิงเฉินเคยเป็นคู่หมั้นของตงหลิงจื่อลั่วมาก่อน และตงหลิงจื่อลั่วคือหลานชายของเขา

ต่อให้เขาไม่เห็นใครในสายตาและไร้มารยาทเพียงใด เรื่องบางเรื่องเขาก็ไม่ควรทำให้เกิดเหตุ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ใช่เขาที่จะถูกทุกคนด่า แต่กลับเป็นเฟิ่งชิงเฉินที่จะถูกโลกคนทั้งโลกนี้รุมตำหนิ เพราะโลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรมกับสตรี การที่อาจะแต่งงานกับภรรยาของหลาน ต่อให้เป็นเพียงแค่อดีตคู่หมั้นก็ไม่สมเหตุผลเช่นกัน

อีกอย่างบัดนี้เขาเองก็ไม่เหมาะสมที่จะแต่งภรรยา ตัวเขาก็มีเหตุผลของเขา

เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึง

เสด็จอาเก้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว หากว่าเขาต้องการจะรับนางเป็นอนุภรรยานางไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเสียด้วยซ้ำ อนุภรรยาแตกต่างจากภรรยา อนุภรรยาเป็นเพียงแค่ของเล่นซึ่งเก็บไว้ในเรือนหลังบ้าน ไม่มีใครไปสนใจว่าเสด็จอาเก้าจะรับใครเข้าเป็นอนุภรรยา

แต่ว่า......

"เสด็จอาเก้า สิ่งที่เจ้ากล่าวในเรือนแยกนั้นหมายความว่าอะไร?" น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินดูอ่อนลง นางไม่ใช่สตรีขี้โวยวาย หรือบางทีอาจจะกล่าวได้ว่านางไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปโวยวาย นางรู้ดีถึงจุดยืนของตนเองและจะไม่เอ่ยขอสิ่งที่เกินตน

"สิ่งที่ข้ากล่าวมานั้นเป็นความจริง เมื่อคืนนี้ข้าอยู่กับเจ้า เจ้าจะหักล้างหรือไม่? เฟิ่งชิงเฉิน อย่าได้สนใจว่าข้ากล่าวสิ่งใดออกไป เพียงแค่เจ้าจงจำเอาไว้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นจะต้องเชื่อข้า" น้ำเสียงของเสด็จอาเก้าดูหนักแน่น ในตาของเขาปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ทำให้ยากต่อการคาดเดาว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ