นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 332

ความโมโหของเสด็จอาเก้าเห็นได้ชัดเจนเหลือเกิน ทั้งหมอหลวงและหมอหญิงพากันคุกเข่าต่อหน้าเสด็จอาเก้า ท่าทางคำพูดตะกุกตะกัก ตัวสั่นงันงก

เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองแล้วกล่าวอย่างประชดประชันว่า "หากบาดแผลไม่ลึก เหตุใดจึงเลือดไหลมากเพียงนั้น เจ้าคิดว่าข้ามีเลือดมากหรืออย่างไร!"

บาดแผลของนางบาดเจ็บมากขึ้นทั้งสองครั้งล้วนเป็นเพราะเสด็จอาเก้า จะไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกรำคาญใจได้อย่างไร

ดวงตาของเสด็จอาเก้าเริ่มมืดมนลง แต่เมื่อมองไปยังเฟิ่งชิงเฉินที่สงบนิ่งราวกับสายน้ำไหลฤดูใบไม้ร่วง ในใจเขาก็รู้สึกปวดร้าว

เพราะเขาเป็นคนทำร้ายนาง!

เสด็จอาเก้าถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง พยายามสงบสติอารมณ์กลับคืนสู่ความนิ่งเงียบและห่างเหิน "หมอหลวงอันลุกขึ้นเถิด ข้ารู้ว่าท่านมีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาบาดแผล ข้าขอฝากคุณหนูเฟิ่งกับท่านด้วย ข้าต้องการให้คุณหนูเฟิ่งหายดีเป็นดั่งก่อน"

สีหน้าของหมอหลวงดูขมขื่นทันใด แต่ก็ทำได้เพียงตอบรับ ทว่าในใจกลับรู้สึกโศกเศร้า บาดแผลลึกเช่นนี้จะทำให้เหมือนเดิมได้อย่างไร? แต่เสด็จอาเก้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ หลังจากที่เขากล่าวจบก็ได้เดินตรงออกไปจากตำหนักทันที ฝีเท้าของเขาดูเร่งรีบราวกับบ้านลืมเรื่องสำคัญใดไป

เฟิ่งชิงเฉินมองตามหลังของเสด็จอาเก้าไปแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหลับตาเพื่อซ่อนความเสียดสีในดวงตาของตน

เกิดเรื่องขึ้นแล้วค่อยแสดงความห่วงใย ไม่สายไปหน่อยหรือ?

ตอนที่เสด็จอาเก้าอยู่ในเรือนแยก ใช้นางเป็นแพใบลานก็ควรจะคิดว่าสักวันหนึ่ง วันนี้ก็ต้องมาถึง หากต้องการจะสลัดเรื่องราวออกไปจะง่ายเช่นนั้นเชียวหรือ

เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก และพยายามระงับความโกรธในใจของนางลง "หมอหลวงอัน อย่าได้ใส่ใจคำพูดของเสด็จอาเก้า อาการบาดเจ็บของข้า ข้านั้นเข้าใจดี ท่านควรจะจัดการเช่นไรก็ทำเถิด ต่อให้มีรอยแผลเป็นก็เป็นเรื่องของข้า"

สำหรับอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของนางนี้ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เพียงแค่นำผมมาปิดเอาไว้ก็พอ อย่างน้อยก็เป็นแผลเป็นที่ศีรษะไม่ใช่ใบหน้าสักหน่อย

อีกอย่าง ไหนๆ ก็บาดเจ็บไปแล้ว ต่อให้รักษาจนกลับไปเป็นดังเดิม ทว่าอาการบาดเจ็บนั้นก็ยังมีร่องรอยอยู่ ต่อให้เป็นหมอที่เก่งกาจเพียงใดก็ไม่อาจทำให้เหมือนกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนได้

หมอหลวงอันยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อย่างน้อยก็มีคนที่มีสติพอ

......

เสด็จอาเก้าเร่งรีบออกไปเช่นนั้นเพื่อไปหาหมอหลวงรักษาแก่เฟิ่งชิงเฉินหรือ? เขายังทำอะไรอีก? จักรพรรดิครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง แม้ในบัดนี้องค์จักรพรรดิก็ยังไม่เชื่อว่าเสด็จอาเก้าวมีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อเฟิ่งชิงเฉิน

ขันทีในชุดสีเทาคุกเข่าอยู่ตรงกลางห้องโถง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า "ทูลฝ่าบาท เสด็จอาเก้านอกเหนือจากหาหมอหลวงมารักษาอาการของคุณหนูเฟิ่งแล้วก็ไม่ทำเรื่องราวใดอีก เว้นแต่ให้คุณหนูเฟิ่งอาบน้ำในอ่างอาบน้ำด้วย"

อ่างนั้นเป็นสถานที่ล้ำค่าของเสด็จอาเก้า เนื่องจากเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ น้ำพุร้อนธรรมชาตินั้นดีต่อร่างกายยิ่งนัก องค์รัชทายาทเองเคยเอ่ยปากจะขออาบน้ำในอ่างนั้นแต่กลับถูกเสด็จอาเก้าปฏิเสธอย่าอ้อมค้อม

"มองดูแล้วเจ้าก้าวจะมีใจจริงๆ" เมื่ออยู่ลับหลังผู้อื่น องค์จักรพรรดิไม่จำเป็นจะต้องปิดบังความรู้สึกรังเกียจของตนที่มีต่อ ตงหลิงจิ่ว "เรื่องนี้กระหม่อมก็กล่าวยาก เพียงแต่คิดว่าการกระทำเช่นนี้ของเสด็จอาเก้าบางทีอาจจะรีบร้อนหรือบางทีอาจจะจงใจ" ขันทีผู้นี้เป็นขันทีคนสนิทขององค์จักรพรรดิ เขารู้ถึงความคิดในใจขององค์จักรพรรดิดี จึงได้แสดงทัศนคติออกมาทันที

"น้องเก้าของข้าคนนี้เป็นคนฉลาดเฉลียวมาโดยตลอด จริงหรือเท็จเท็จหรือจริง ข้าเองก็บอกไม่ได้" องค์จักรพรรดิหวังว่า ตงหลิงจิ่วจะชื่นชอบเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาจริงๆ แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีนางหนึ่งสามารถทำให้เสด็จอาเก้าทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ได้

หลายปีที่ผ่านมา คงจักรพรรดิไม่อาจพบจุดอ่อนใดๆ ของเสด็จอาเก้าเลย เฟิ่งชิงเฉินนับว่าเป็นอย่างแรกที่ตงหลิงจิ่วเผยออกมาว่าเป็นจุดอ่อนของตน แต่จุดอ่อนนี้ช่างเปิดเผยอย่างชัดเจนเหลือเกิน ชัดเจนเสียจนเขาเองไม่อยากจะเชื่อ

ขันทีผู้นั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ได้แต่ก้มหน้าลงไป เสด็จอาเก้านับได้ว่าเป็นขวากหนามขององค์จักรพรรดิ ที่ทรงอยากจะกำจัดทิ้งสักที แต่ไม่อาจหาโอกาสดีๆ ได้เลย

ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินเป็นโอกาสที่ดีก็จริง แต่องค์จักรพรรดิไม่อยากจะเชื่อว่าเสด็จอาเก้าจะกระทำการใดโดยไม่คิดเพียงเพราะเพื่อสตรีนางหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ