นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 335

หนิงกั๋วกงซื่อจื่อฮูหยินปลอดภัยดีทั้งแม่และลูก แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้น เดิมทีร่างกายของนางก็ได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับการที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตัวนางเองแทบจะอ่อนโรยไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว

สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินอยากทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเอนกายลงบนที่นอนแล้วหลับตาลง

แต่นางเป็นนักโทษที่มีความผิด ต่อให้คนจากหนิงกั๋วกงพยายามจะรั้งนางเอาไว้ นางก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อเนื่องนาน ก่อนที่แสงตะวันจะเข้ามาแทรกแซงท้องฟ้าอันมืดมิด เฟิ่งชิงเฉินพยายามพาร่างกายอันอ่อนล้าของนางขี่ม้ากลับไปที่จวนเฟิ่ง

หัวหน้าหน่วยราชองครักษ์อยู่ข้างกายเฟิ่งชิงเฉินตลอดเวลา เมื่อเห็นร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินนางโอนเอนอยู่บนหลังม้า ดูเหมือนจะล้มลงมาได้ทุกเมื่อ หัวใจของเขาก็ตุ้มๆ ต่อมๆ พยายามเข้าไปอยู่ข้างกายของนาง เผื่อว่านางล้มลงมาเขายังพอเข้าไปประคองไว้ทัน

แต่จนกระทั่งเดินทางมาถึงจวนเฟิ่ง เฟิ่งชิงเฉิน ก็ไม่ได้หล่นลงมาจากหลังม้า หัวหน้าหน่วยราชองครักษ์ต้องยอมรับว่าทักษะการขี่ม้าของเฟิ่งชิงเฉินเก่งกาจเหลือเกิน เขารู้สึกคันขยุกขยิกในใจ และคิดว่าภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ควรจะหาเวลาว่างมาเรียนรู้วิธีการขี่ม้าจากเฟิ่งชิงเฉินเสียแล้ว

เนื่องจากว่าเฟิ่งชิงเฉินใช้ทักษะควบคุมม้าได้อย่างเป็นเลิศนี้ แสดงออกมาในสนามสัตว์หลวง ทำให้ฝ่าบาทชื่นชอบยิ่งนัก ดังนั้นจึงได้แต่งตั้งตำแหน่งของบิดามารดานาง การที่จะเรียนรู้กับเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย

เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ก่อนหน้านี้นางเองก็เคยทำงานพร้อมบาดแผล แต่ไม่เคยเป็นดังเช่นครั้งนี้มาก่อน หากไม่ใช่เพราะความมุมานะของนางอันยิ่งใหญ่ คาดว่านางคงจะล้มเอนกายหมดสติไปนานแล้ว

เมื่อได้ยินคนข้างกายกล่าวว่าถึงจวนเฟิ่งแล้ว กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดของนางก็ผ่อนคลายลงทันที มือของนางคู่นั้นปล่อยแส้บังคับม้าออก นางเอนกายฟุบไปที่ด้านหน้า

"คุณหนูเฟิ่ง ระวัง!" หัวหน้าหน่วยราชองครักษ์ตกใจเสียจนกระโดดขึ้น เขาต้องการเอื้อมมือเข้าไปพยุงเอาไว้ แต่พบว่าตัวเขายังอยู่บนหลังม้า จึงได้รีบกระโดดลงไปจากหลังม้าทันที

มือทั้งคู่ของเฟิ่งชิงเฉินจับเอาไว้ที่อานม้า นางลุกขึ้นอีกครั้งแล้วกล่าวว่า "ข้าไม่เป็นไร"

ไม่เป็นไรคงจะแปลก

แม้ว่าจะถึงเวลาใกล้รุ่งแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดมิดไปทั่ว หัวหน้าราชองครักษ์มองไม่ชัดเจนนักถึงใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน หากว่าบัดนี้เขาจุดตะเกียงขึ้นละก็คงจะพบว่าบัดนี้เฟิ่งชิงเฉินร้อนผ่าวดั่งกับกุ้งลวก ร่างกายที่โผล่ออกมาจากเสื้อผ้าร้อนระอุ

เฟิ่งชิงเฉินเคาะไปที่ศีรษะของนางแล้วรู้สึกว่าปวดหัวเสียจนไม่เป็นตัวเอง บัดนี้ศีรษะนางหนักมาก แต่ขาช่างเบาโหวง นางยื่นมือออกมาสัมผัสศีรษะอีกครั้ง "เป็นไข้เสียแล้ว"

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น

ฝนตกหลังคารั่วเสียจริง บัดนี้ฝ่าบาทลงโทษนางให้กักบริเวณและไม่ให้คนภายนอกเข้ามาเยี่ยม หากต้องการจะเชิญหมอเข้ามาตรวจอาการก็ต้องรายงานต่อองค์จักรพรรดิ ขั้นตอนเหล่านี้ไปๆ มาๆ กว่าจะได้รักษานางคงจะหมดสติไปเสียก่อน

"เมื่อกลับไปคงจะต้องกินยาลดไข้" เฟิ่งชิงเฉินได้แต่กำชับตนเองอยู่ในใจ

"คุณหนูเฟิ่งลงจากรถม้าเถิด" หัวหน้าหน่วยราชองครักษ์เห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่บนรถม้าไม่ขยับเขยื้อนจึงได้เอ่ยปากเตือนขึ้น

"อืม" เฟิ่งชิงเฉินตอบกลับด้วยท่าทางอันไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะก้าวขาหนักอึ้งออกไปเพื่อต้องการลงจากรถม้า แต่คิดไม่ถึงว่า......

"พลั่ก!......" เฟิ่งชิงเฉินร่วงลงมาจากหลังม้าทันควัน แต่ขาของนางยังคาอยู่

หัวหน้าราชองครักษ์เห็นดังนั้นก็ตกอกตกใจ บัดนี้เขาไม่มีเวลาไปสนใจข้อห้ามแตะเนื้อต้องตัวของชายหญิงแล้ว ได้แต่รีบก้าวเข้าไปอุ้มเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมกอด เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะต่อต้านเขา

"เหตุใดร่างกายจึงร้อนผ่าวเช่นนี้?" หัวหน้าราชองครักษ์ตื่นตระหนกขึ้นมา เขาอุ้มเฟิ่งชิงเฉินแล้วรีบก้าวเข้าไปในจวนเฟิ่ง

"เร็วเข้าเถิด เข้าไปทูลต่อฝ่าบาทว่าคุณหนูเฟิ่งป่วย!"

"ขอรับ!"

"รีบไปตามบ่าวรับใช้ของคุณหนูเฟิ่งมาให้พวกนางมาดูแลคุณหนูเฟิ่ง" หัวหน้าหน่วยราชองครักษ์กำชับอย่างรวดเร็ว ส่วนบรรดาลูกน้องก็รีบเร่งลงมือทำตามคำสั่งโดยไม่มีใครกล้ารีรอ

ตอนที่เสด็จอาเก้ารับรู้เรื่องราวนี้ท้องฟ้าก็สว่างขึ้นแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ