ชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินล้วนแต่ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทำเอาผู้คนที่รอฟังข่าวคราวของนางนั้น ถึงกับหมดความอดทนไปในทันที ครึ่งเดือนแรกยังพอจะมีผู้คนจดจำชื่อของนางได้ พร้อมทั้งพูดคุยเกี่ยวกับความประสบเคราะห์ร้ายที่นางต้องพบเจออย่างน่าสงสารเป็นครั้งคราว
ทั้งจิ้นหยางโหวฮูหยินและหนิงกั๋วกง ต่างก็พากันยื่นป้ายเข้าวัง เพื่อขอเข้าเฝ้าฮองเฮา เนื่องจากพวกนางอยากจะเข้าไปเยี่ยมเยียนเฟิ่งชิงเฉินสักครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธจนคอตกกลับมาแทน
อันผิง เหยาหวาและซูหว่านเอง ต่างก็อดที่จะพูดถึงเฟิ่งชิงเฉินด้วยความเห็นอกเห็นใจไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมิได้ออกมาให้เห็นภายในเมืองหลวง แต่ชื่อของนางกลับติดอยู่ในหูของผู้คนอยู่ตลอดเวลา
เมื่อมาถึงครึ่งหลังของเดือนแล้วนั้น ก็ไม่มีผู้ใดจดชื่อของเฟิ่งชิงเฉินได้อีกต่อไป เนื่องจากว่า งานวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิมาถึงแล้ว ไม่ว่าจะรู้สึกสุขสงบหรือไม่ ในยามนี้ก็จะต้องแสดงออกมาว่ามีความสุขยิ่งนัก มิสมควรขัดพระราชโองการขององค์จักรพรรดิเป็นอันขาด
องค์ชายที่ถูกส่งตัวไปอยู่ต่างเมืองนั้น จะมีโอกาสเพียงแค่ช่วงวันพระราชสมภพของฝ่าบาทที่จะได้กลับมาอยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งในหนึ่งปียังมีโอกาสอยู่ภายในเมืองหลวงได้เพียงแค่หนึ่งเดือนอีกด้วย แม้ว่าพวกเขาจะทำตัวลอยตามคลื่นลม แต่ยามที่พวกเขาได้กลับเข้ามานั้น ก็จะเรียกตัวขุนนางเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้รู้ว่าคลื่นลมภายในเมืองหลวงในยามนี้เป็นเช่นไร
ในอดีต แม้ว่าฝ่าบาทจะทำตัวปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่พวกองค์ชายเองก็มิกล้าเคลื่อนไหวให้เอิกเกริกนัก
องค์ชายรองหย่งอ๋อง องค์ชายสามเหิงอ๋อง องค์ชายสี่ฉีอ๋อง องค์ชายห้าโจวอ๋อง และยังมีองค์ชายที่ประจำชายแดนของซีหลิงเช่นองค์ชายหกชิงอ๋องอีก แม้ยังมิทันได้เข้าเมืองหลวง ก็ทำตัวคล้ายกับลูกแมวเชื่องยิ่งนัก มิได้ไปทำการพูดคุยกับขุนนางผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่ง ยังออกจากจวนน้อยครั้งด้วยเช่นกัน นอกจากยามที่ต้องเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วนั้น พวกเขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนไม่ออกไปที่ใด
เมื่อเห็นองค์ชายทำตัวเชื่อฟังเช่นนี้ ฝ่าบาทพลันรู้สึกพอพระทัยยิ่งนัก ทั้งยังปฏิบัติตัวกับองค์ชายด้วยความรักใคร่ ถึงแม้ว่าเหล่าองค์ชายจะแสดงออกว่าดีใจยิ่งนัก แต่แท้จริงแล้ว ภายในใจของพวกเขากลับรู้สึกระแวดระวังตัวมากกว่าเดิม ทั้งยังต้องเก็บหูเก็บหางของตนให้มิดชิดเข้าไปอีก ภายในใจได้แต่ก่นด่าเฟิ่งชิงเฉินไม่หยุด การกระทำของเฟิ่งชิงเฉินคือการเอาพวกเขาไปเป็นไม้กันหมา แล้วตนเองก็เข้าไปกอดแข้งกอดขาขององค์จักรพรรดิเสียเอง
มิทันไร เฟิ่งชิงเฉินกลับกลายมาเป็นศัตรูขององค์ชายทั้งหมดเสียได้
หลี่เซี่ยงยามที่รักษาตัวกินดีอยู่ดียิ่งนัก สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก หากแต่บาดแผลของเขากลับน่าประหลาดใจยิ่งนัก ยามที่มันใกล้จะสมานกันนั้น วันรุ่งขึ้นแผลก็จะถูกปริแตกออกมาเช่นเดิม ล้วนแต่เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ในยามนี้ หลี่เซี่ยงจึงได้แต่พูดประโยคง่าย ๆ ออกมาเท่านั้น
"หมอต้มตุ๋น เจ้าพวกหมอต้มตุ๋น" เมื่อบาดแผลไม่มีวี่แววว่าจะหายขาดนั้น หลี่เซี่ยงจึงได้โวยวายโยนข้าวของลงอยู่ภายในวัง เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของฝ่าบาทนั้น ฝ่าบาทพลันเรียกซุนเจิ้งเต้าเข้าไปสอบสวนในทันที
"ท่านหมอหลวงซุน อาการของหลี่เซี่ยงเป็นอย่างไรกันแน่?" เนื่องจากฝ่าบาทล่วงรู้มาว่า ทั้งซุนเจิ้งเต้าและเฟิ่งชิงเฉินมีความสนิทสนมกัน แต่พระองค์รู้จักนิสัยของซุนเจิ้งเต้าผู้นี้ดี ว่าเขาเป็นคนตรง ๆ และซื่อสัตย์และมีวิชาการแพทย์ยอดเยี่ยมยิ่งนัก อีกทั้งซุนเจิ้งเต้าเองหาได้มีความแค้นต่อหลี่เซี่ยงไม่ เขาจะกล้าสร้างความลำบากให้กับหลี่เซี่ยงได้อย่างไร
ในยามที่ซุนเจิ้งเต้ามิได้แย้มยิ้มออกมานั้น ใบหน้าของเขาจะดูดุดันยิ่งนัก ทั้งยังแสดงสีหน้าออกมาอย่างข่มขื่นอีก ซุนเจิ้งเต้าพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทางหนักใจว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมิอาจเข้าใจถึงอาการบาดเจ็บของคุณชายหลี่ได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ยามที่บาดแผลกำลังจะสมานกันนั้น อีกวันก็มักจะเกิดอาการปริแตกออกมาเสมอ แม้ว่าอาการบาดแผลของคุณชายหลี่หาได้ถึงชีวิตไม่ แต่กระหม่อมก็ไม่ทราบว่า บาดแผลของคุณชายหลี่จะหายดีเป็นปริดทิ้งได้เมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ"
แววตาของซุนเจิ้งเต้าช่างใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่งนัก แม้แต่ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับการบีบบังคับของฝ่าบาท ซุนเจิ้งเต้าก็หาได้หลบสายตาไม่
ราวกับจะสื่อว่า เขารักษาบาดแผลให้กับหลี่เซี่ยงด้วยพละกำลังที่ตนเองมี หาได้คิดตุกติกอันใดไม่ เรื่องทุกอย่างฝ่าบาทล้วนแต่สามารถรีบหาความจริงได้ เขามีความจริงใจมากพอ
ฝ่าบาทเชื่อใจในตัวของซุนเจิ้งเต้ายิ่งนัก แต่ก็ยังแอบส่งคนไปสืบเรื่องราวมาอยู่ดี ซุนเจิ้งเต้าหาได้พูดโกหกไม่ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถในการรักษาบาดแผลให้กับหลี่เซี่ยงแล้ว แต่ทว่า บาดแผลไม่อาจฟื้นฟูให้ดีขึ้นได้ จักรพรรดิเองก็ไม่สามารถทำอันใดได้เช่นกัน
"หมอหลวงซุน เจ้าไปตามหาหมอหลวงที่เชี่ยวชาญบาดแผลภายนอกมาดูบาดแผลให้กับหลี่เซี่ยงหน่อยเถิด เจิ้นต้องการให้อาการของเขาดีขึ้นโดยไว" หากว่าหลี่เซี่ยงอาการยังไม่ดีขึ้นละก็ เขาย่อมไม่อาจบอกความลับของระเบิดเทียนเหล่ยออกมาได้
ฝ่าบาทรู้ดีว่าหลี่เซี่ยงชื่นชอบสาวงาม ในยามนี้ ฝ่าบาทจึงเลือกใช้กลยุทธ์สาวงามมากมายนัก ภายใต้การใช้มารยาของสาวงามทั้งหลายนั้น เพื่อให้หลี่เซี่ยงได้เปิดเผยความลับอะไรบางอย่างออกมา แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่คอ จึงทำให้เขาไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้มากนัก ฝ่าบาทจึงได้รับข้อมูลที่มิค่อยปะติดปะต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...