นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 344

ในวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้น ทุกคนพลันกล่าวว่าเด็กคนนี้ถือเป็นเด็กที่สรวงสวรรค์ประทานพรลงมา เพื่อมอบให้กับฝ่าบาท แม้ยังมิทันได้เกิดออกมาก็ถือได้ว่าเป็นแก้วตาดวงใจของพระองค์แล้ว ถ้าหากว่าองค์ชายได้เป็น

ฮึ ฮึ ในอนาคตข้างหน้าองค์ชายผุ้นี้ ยิ่งแต่จะมีอำนาจมากยิ่งขึ้น นอกจากบัลลังก์มังกรแล้ว ยังจะมีสิ่งใดได้อีก?

หากหลี่เซี่ยงรู้ว่า ซึ่งที่เขายุ่งยากมาเป็นครึ่งวันกลับถูกตระกูลเซี่ยเอาความดีความชอบไปจนหมดนั้น มิรู้ว่าจะรู้สึกโมโหเพียงใดกัน

เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ฝ่าบาทปลื้มปีติยิ่งนัก พร้อมทั้งมอบรางวัลให้กับเซี่ยกุ้ยเฟยในทันที ทั้งยังสถาปนาเซี่ยกุ้ยเฟยขึ้นเป็นหวางกุ้ยเฟย ทั้งยังให้ข้ารับใช้ไปนำเกี้ยวมังกรมามอบให้ที่ตำหนักของเซี่ยกุ้ยเฟยอีก และอวยพรพระนางให้รักษาตัวดี ๆ

เกี้ยวมังกร สถาปนาเป็นหวางกุ้ยเฟย นี่ฐานะยิ่งกว่าฮองเฮาเสียอีก ถึงแม้ว่ามารดาจะมีน้ำหนักมากกว่าบุตรชาย ถึงอย่างไรบุตรชายย่อมต้องมีน้ำหนักในใจของฝ่าบาทมากกว่ามารดาตนเองอยู่ดี เมื่อถึงเวลานั้น บุตรของฮองเฮาจะมาเทียบเทียมบุตรของเซี่ยกุ้ยเฟยได้งั้นหรือ?

หากบุตรของหวางกุ้ยเฟยมีเกียรติมากกว่า บุตรของนางสนมกุ้ย เต๋อ ซูเช่นนี้ หากเป็นดั่งที่ใต้เท้าเซี่ยคาดเดาไว้ละก็ บุตรของเซี่ยกุ้ยเฟ้ยมาทันเวลาพอดีจริงเชียว

แม้ว่าเจ้าก้อนเลือดในครรภ์ของเซี่ยกุ้ยเฟย ยังสามารถทำให้ฝ่าบาทให้ความสำคัญมากมายเช่นนี้ได้ ถ้าหากคลอดออกมาแล้วเล่า องค์ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อมไม่มีทางให้เดินเป็นแน่

งานเลี้ยงในวันราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้น นอกจากฝ่าบาทและเซี่ยกุ้ยเฟยแล้ว หาได้มีผู้ใดรู้สึกมีความสุขไม่ ยามที่เป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนตั้งใจจะใช้โอกาสในวันงานพระราชสมภพขอแต่งงานกับองค์หญิงอันผิงนั้น เมื่อพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่กะจิตกะใจจะพูดคุยถึงเรื่องงานมงคลเลยแม้แต่น้อย

ทว่า สถานการณ์ในยามนี้ บรรยากาศราวกับใกล้จะพังทลายลงมาแล้ว ยังจะมีผู้ใดมีใจกินข้าวชมจันทร์อีกงั้นหรือ

ในยามที่ฝ่าบาทกำลังกินเลี้ยงกับเหล่าบริวารในอุทยานดอกไม้นั้น เฟิ่งชิงเฉินต้องมานั่งฝึกคัดอักษรภายในห้อง ตัวอักษรของนางน่าเกลียดยิ่งนัก เมื่อรวมไปถึงอารมณ์ที่ว้าวุ่นภายในใจแล้วนั้น ตัวอักษรที่ถูกเขียนออกมาราวกับทูตผีก็ไม่ปาน

"ปัก" เฟิ่งชิงเฉินพลันเขวี้ยงพู่กันของตนเองทิ้ง พร้อมกับนั่งพิงลงบนเก้าอี้

"มิรู้ว่าอวี่เหวินหยวนฮั่ว จะสามารถช่วยข้าผ่านพ้นความยากลำบากนี้ไปได้หรือไม่ หากไม่ได้ละก็ ข้าคงได้แต่ต้องแสร้งทำเป็นป่วยเช่นนี้ จนกว่าองค์ชายพวกนั้นจะกลับเมืองของตนเองไปแน่ "

"อวี่เหวินหยวนฮั่วอาอวี่เหวินหยวนฮั่ว ตอนนี้ข้าคงต้องได้แต่พึ่งพาเจ้าแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่เคยพบองค์ชายพวกนั้นมาก่อน หากมองดูจากนิสัยของตงหลิงจื่อลั่วแล้วนั้น ข้าก็พอจะเข้าใจได้ ว่าองค์ชายพวกนั้น ต้องจ้องจะกินเลือดกินเนื้อของข้าอย่างแน่นอน เพื่อปกป้องชีวิตของข้าแล้วนั้น จึงต้องผลักเขาออกไปเป็นไม้กันหมาเช่นนี้ เกรงว่า พวกเขาคงจะโกรธเกลียดข้าเป็นอย่างมากกระมัง แม้ว่าจะต้องกลับไปที่เมืองของตนเอง ก็คงจะไม่ปล่อยข้าไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน"

ตั้งแต่เหตุการณ์วางยาพิษในครานี้ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจได้ดีเลยว่า ผู้ที่ต้องการให้นางตายมีไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมิได้มีผู้คนลงมือ แต่หากว่าโอกาสอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้วนั้น พวกเขาก็ย่อมทำทีพายเรือไปตามน้ำ ถึงอย่างไรนางที่เป็นเด็กไร้กำพร้าเช่นนี้ ตายไปก็หาได้มีผู้ใดสนใจไม่ แม้ตายไปก็ไม่อาจส่งผลกระทบอันใดมากนัก

เพื่อปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของตนเอง เฟิ่งชิงเฉินมีแต่ต้องตอบโต้กลับ แต่ทว่าอำนาจในมือของนางมีไม่มากนัก นางมีแต่ต้องหยิบยืมอำนาจของผู้อื่นแทน

แม้แต้เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงก็ไม่อาจช่วยได้ ทั้งสองคนนั้น ล้วนแต่อยู่ภายใต้สายตาของฝ่าบาทอยู่ตลอดเวลา การที่ไปหาพวกเขาเพื่อขอความช่วยเหลื อรังแต่จะนำพาปัญหาไปให้กับพวกเขา เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่นาน ถึงได้เลือกขอความช่วยเหลือจากอวี่เหวินหยวนฮั่ว

ก่อนที่อวี่เหวินหยวนฮั่วจะออกจากเมืองหลวงไปนั้น เขาเคยบอกกับนางว่า ถ้าหากพบเจอกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ก็ให้ส่งจดหมายไปหาเขา เขาที่อยู่แดนไกลเช่นนั้น ย่อมไม่มีผู้ใดควบคุมเขาได้ การเคลื่อนไหวของเขาย่อมมีอิสระมากกว่านางนัก

กอดม้าเอาไว้เพื่อไปหาหมอรักษา เฟิ่งชิงเฉินจึงหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายอีกครั้ง พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่นางต้องประสบพบเจอลงไป เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจให้กับอวี่เหวินหยวนฮั่วว่า เขาพอจะมีวิธีการใดช่วยให้นางหลุดพ้นกับความทุกข์นี้ได้บ้าง แน่นอนว่า ถ้าหากเขาไม่อาจทำได้ก็ไม่เป็นอันใด นางจะลองคิดหาทางดูด้วยตนเองแทน

เมื่อใช้วิธีการพิเศษนั้น เฟิ่งชิงเฉินถึงได้สามารถส่งจดหมายออกมาได้ ให้หลังสิบวันต่อมา นางก็ได้รับจดหมายของอวี่เหวินหยวนฮั่วในทันที ในจดหมายพลันเขียนไว้ว่า ให้นางมิต้องกังวล เขาจะเป็นคนจัดเตรียมของขวัญสุดพิเศษให้กับฝ่าบาทเอง หากฝ่าบาทได้เห็นของขวัญเขาแล้ว พระองค์จะต้องออกหน้าช่วยเจ้าอย่างแน่นอน

คำพูดที่มีคารมคมคายเช่นนี้ของอวี่เหวินหยวนฮั่ว แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะรู้ดีว่า อวี่เหวินหยวนฮั่วหาใช่เป็นคนพูดจาคำใหญ่คำโตไม่ แต่ภายในใจลึก ๆ นางก็แอบเป็นกังวลยิ่งนัก ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นของขวัญแบบใดกันแน่ ถึงทำให้ฝ่าบาทสามารถปลดปล่อยนางไปได้?

ฝ่าบาทหาใช่บุคคลที่ตกลงอันใดได้ง่าย ๆ ไม่ หากเรื่องนี้ทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจในตัวอวี่เหวินหยวนฮั่วแล้วละก็ นั่นถึงคราวซวยอย่างแท้จริง

ภายหลังต่อมา หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินได้พบกับอวี่เหวินหยวนฮั่วแล้วนั้น ถึงได้รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากที่ใดกัน ที่แท้ของขวัญที่อวี่เหวินหยวนฮั่วมอบให้ฝ่าบาทนั้น ก็คือแผนที่ทางการทหารของหนานหลิง ซีหลิงและเป่ยหลิง

แผนที่นี้มาจากที่ใด หาได้มีคนล่วงรู้ไม่ รู้เพียงแค่ว่าเพราะแผนที่ทั้งสามผืนนี้ ทำให้จักรพรรดิมีใจแน่วแน่ ที่คิดจะตีแคว้นทั้งสามขึ้นมามากขึ้น

เฟิ่งชิงเฉินที่นั่งอยู่ภายในห้องตำรานั้น กำลังคิดวางแผนกับตนเองอยู่ว่า หากอวี้เหวินหยวนฮั่วไม่อาจช่วยนางได้แล้วไซร้ นางควรจะต้องรับมือเช่นไรดี จู่ ๆ ทั่วฟ้าพลันมีเสียงดังสนั่นออกมา เฟิ่งชิงเฉินชะงักไปในทันที พร้อมกับเดินไปที่หน้าต่าง พร้อมกับเปิดหน้าต่างออกมา

"ดอกไม้ไฟ? ตงหลิงมีดอกไม้ไฟตั้งแต่เมื่อใดกัน? ทั้งยังเป็นดอกไม้ไฟหลากสีด้วย หรือว่านี่เป็นฝีมือของหลี่เซี่ยง เขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่?" สำหรับหลี่เซี่ยงนั้น เขามองเฟิ่งชิงเฉินเสมือนกับหนามตำใจของเขา หากหลี่เซี่ยงมิตายไปเฟิ่งชิงเฉินย่อมใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้อย่างยากเย็น ในขณะเดียวกัน หากเฟิ่งชิงเฉินไม่ตาย ชีวิตของหลี่เซี่ยงก็ย่อมตกอยู่ในความลำบากเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ