นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 345

เพียงแค่ทงจือและทงเหยาได้สติกลับมา พลันจะวิ่งตามเฟิ่งชิงเฉินวิ่งเข้าไปในกองเพลิง จู่ๆ ประตูเรือนก็พลันตกลงมาทับในทันที สาวใช้ทั้งสองต่างก็ตื่นตระหนกยิ่งนัก สุดท้ายแล้ว พวกนางก็ได้แต่เห็นหลังไว ๆ ของเฟิ่งชิงเฉินที่วิ่งเข้าไปในกองเพลิงแทน

สาวใช้ทั้งสองได้แต่ตะโกนตามหลังอย่างสุดเสียง "คุณหนู"

เฟิ่งชิงเฉินพลันหยุดฝีเท้าลง พร้อมกับเอียงหน้ามองมา ใบหน้าที่อยู่ภายใต้กองเพลิงนั้น กลับงดงามราวกับดอกกุหลาบที่กำลังผลิบานด้วยความกรุ่นโกรธในกองเพลิง "ไม่ต้องห่วงข้า พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะตามพวกเจ้าออกไปเอง"

พูดจบ เฟิ่งชิงเฉินก็วิ่งเข้ากองเพลิงไปโดยไม่หันกลับมามองพวกนางอีกเลย ทั้งคานไม้และเสาไม้ ต่างพากันค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมา เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้ ราวกับนักรบผู้กล้าหาญที่ตกอยู่ในกองเพลิงก็ไม่ปาน นางวิ่งเข้าไปโดยไม้สนแม้แต่สิ่งกีดขวางที่อยู่เบื้องหน้า นางเอาแต่มุ่งหน้าเข้าไปด้านในเท่านั้น

สาวใช้ที่ได้แต่มองตามหลัง ในยามนี้หัวใจของพวกนางราวกับตกลงไปบนตาตุ่มยิ่งนัก ทว่า ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้ว่านางจะตกอยู่ในกองเพลิง แต่นางก็รู้จักวิธีหลบหลีกสิ่งอันตรายได้เป็นอย่างดีราวกับรับรู้ได้ล่วงหน้า

ช่างน่าขันยิ่งนัก หากนางวิ่งไปมาทั่วกองเพลิงเช่นนี้ แล้วไม่รู้จักหลบหลีกอันตรายละก็ นางคงตายไปนับพันครั้งได้แล้วกระมัง

"คุณหนู อย่านะเจ้าคะ" สาวใช้ทั้งสองพลันกัดไฟวิ่งเข้าไป โดยไม่สนสิ่งใดในทันที ทว่า กลับถูกหลี่ซุนเอ่ยห้ามขึ้นมาเสียก่อน "แค่ก แค่ก พวกเจ้าทั้งสองคนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร เหตุใดยังไม่หนีออกไปอีก"

ใบหน้าของหลี่ซุนพลันแดงเป็นปื้นเนื่องจากถูกไอความร้อนจากกองเพลิง ในยามนี้ทั่วทั้งจวนเฟิ่งต่างถูกเพลิงไหม้ล้อมรอบเอาไว้หมดแล้ว การจะดับเพลิงไหม้นั้น เกรงว่าจะเป็นไปได้ยากยิ่งนัก ในยามนี้ สิ่งที่สำคัญคือต้องช่วยผู้คนออกมาให้ได้มากที่สุด

"ไม่ได้ พวกข้าไปไม่ได้ คุณหนู คุณหนูยังอยู่ด้านใน" สาวใช้ทั้งสองพลันกระโดดไปมาด้วยความร้อนรน หลี่ซุนเพียงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย พร้อมกับออกคำสั่งเสียงเข้มออกมาว่า "พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเข้าไปช่วยเฟิ่งซิ่วเอง"

หลี่ซุนพลันหันไปหยิบถังน้ำที่นายทหารนำมาให้ พร้อมกับเทราดตัวไปในทันที "ทีนี้ พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไปพาเฟิ่งซิ่วออกมา"

พูดจบ หลี่ซุนพลันมุ่งหน้าเข้าไปในกองเพลิงในทันที

ทงจือและทงเหยาเองหาได้มีท่าทีลังเลอันใดไม่ พร้อมกับวิ่งตามเข้าไปด้านใน ที่มีเพลิงไหม้ลุกลามราวกับกำลังจะเผาไหม้พวกนางทั้งเป็น ยามที่หลี่ซุนรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่ด้านหลังของเขานั้น พลันพบว่าเป็นทงจือกับทงเหยาเช่นเดิม เขาพลันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าในทันที "พวกเจ้าเข้ามาทำไมกัน? พวกเจ้าสามารถอุ้มเฟิ่งซิ่วหนีออกมาจากกองเพลิงนี้ได้หรืออย่างไร?"

จู่ ๆ ทั้งทงจือและทงเหยาต่างก็พากันนึกขึ้นมาได้ว่า ผู้คนภายนอกยังคิดว่าเฟิ่งซิ่วนอนสลบไสลมิได้สติอยู่ "พวกข้าคือสาวใช้ หากคุณหนูต้องมาตายอยู่ในกองเพลิงด้านใน พวกข้าก็ต้องตายตามคุณหนูไปเช่นกัน"

สาวใช้ทั้งสองไม่พูดอันใดให้มากความ เพียงแค่วิ่งตามหลังหลี่ซุนเข้ามา เพื่อหลีกเลี่ยงคานไม้ที่ตกลงมาอย่างระมัดระวัง เมื่อหลี่ซุนเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ต้องให้พวกนางตามเขาเข้ามาแทน ยามที่หลี่ซุนมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของเฟิ่งชิงเฉินนั้น สาวใช้ทั้งสองก็พลันปลีกตัวไปอีกห้องหนึ่ง

ยามที่หลี่ซุนบุกเข้าไปในห้องนั้น เตียงนอนที่อยู่ภายในห้องก็ได้ถูกมอดไหม้ไปแล้ว เพลิงไหม้ที่ลุกขึ้นมามากมายนั้น ทำให้เป็นการยากที่จะรู้ได้ว่าบนเตียง มีร่างคนนอนอยู่หรือไม่ หรือร่างนั้นได้ถูกเผาไหม้จนเกรียมไปแล้ว

หลี่ซุนพลันตกใจเสียงหัวใจแทบจะหยุดเต้นไปในทันที พร้อมทั้งรีบชักดาบออกมาเพื่อกวาดไปยังบนเตียงนอน ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้เฟิ่งซิ่วรอดตายจากหายนะในครานี้ด้วยเถิด เพียงแค่เขาตวัดดาบออกไป ก็รับรู้ได้ว่า บนเตียงนั้นมีแต่ความว่างเปล่า

"เฟิ่งซิ่วไม่อยู่" หลี่ซุนได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยามที่หันหลังกลับไปมองนั้น ก็พลันพบว่าสาวใช้ทั้งสองนางไม่ได้ตามเขาเข้ามาด้วย หลี่ซุนพลันย่นคิ้วลงเล็กน้อย หากแต่มิได้คิดอันใดมาก เขาเข้าใจว่าทั้งสองอาจจะถูกกองเพลิงขวางทางมาอยู่ก็เป็นได้ ภายในใจแอบก่นด่าทั้งสองนาง ที่ทำให้เขาต้องมาเผชิญกับความลำบากมากกว่าเดิม หลี่ซุนพลันคิดว่าค่อยตามหาพวกนางในภายหลัง เขาไม่อาจรอช้าในการตามหาเฟิ่งซิ่วไปได้อีก

ห้องตำราที่จวนอื่นอาจจะคิดว่ามันเป็นห้องที่สำคัญมากที่สุด แต่ทว่า ภายในจวนเฟิ่งนั้น ห้องตำราเป็นห้องที่ไร้ประโยชน์ที่สุด แม้ว่าห้องตำราจวนตระกูลเฟิ่งจะเปิดกว้างมากนัก แต่เฟิ่งชิงเฉินก็มาที่ห้องตำราน้อยครั้งได้

ผู้คนส่วนมาก ล้วนแต่คิดว่าห้องตำราของเฟิ่งชิงเฉินมีไว้เพียงประดับตกแต่งเท่านั้น แต่หาได้รู้ไม่ว่า เฟิ่งชิงเฉินใช้เป็นที่เก็บสิ่งของที่ล้ำค่ามากที่สุดเอาไว้

ยามที่เฟิ่งชิงเฉินบุกเข้ามาในห้องตำรานั้น ภายในห้องตำราเองหาได้มีเพลิงไหม้ลามมาถึงไม่ มีเพียงแค่อุณหภูมิภายในห้องที่กำลังเพิ่มขึ้นสูง เฟิ่งชิงเฉินจึงรีบร้อนดึงลิ้นชักลับออกมาในทันที พร้อมกับหยิบกล่องไม้สีดำของตนออกมา

หากพูดว่ามันเป็นกล่องไม้นั้น แท้จริงแล้วกลับคล้ายท่อนไม้เสียมากกว่า กล่องไม้ที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือนั้น กลับปล่อยไอเย็นออกมา บนกล่องไม้หาได้มีช่องว่างไม่ แต่ด้านในตรงกลางกลับมีช่องโหว่ เฟิ่งชิงเฉินเคยคิดอยากจะแกะมันออกมาเปิดดู แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็เปิดไม่ออก จึงได้แต่ทิ้งมันเอาไว้ในห้องตำราด้านในลิ้นชักลับแทน

ยามที่เกิดเพลิงไหม้ขึ้นนั้น เฟิ่งชิงเฉินหาได้นึกถึงสิ่งใดไม่ นอกจากกล่องไม้ชิ้นนี้ที่นางอยากจะนำมันออกมาไปด้วย ในความทรงจำของนางนั้น กล่องไม้กล่องนี้คงจะเป็นของที่มารดาของนางให้มากระมัง มันเป็นของที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตของนางเสียอีก นางไม่อาจขาดมันไปได้

ยามที่เฟิ่งชิงเฉินหยิบกล่องไม้ใส่มือเข้ามานั้น ฝ่ามือราวกับถูกแข็งค้างไปในทันที อีกนิดเดียวนางเกือบจะทำกล่องไม้ร่วงลงไปเสียแล้ว แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับคว้ามันเอาไว้ได้ทัน พร้อมทั้งนำกระดาษสองแผ่นห่อมันเอาไว้ แล้วนำไปซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ ยามที่กำลังจะหันกายเดินออกไปนั้น สายตาพลันไปสะดุดกับสิ่งของอะไรบางอย่างที่มุมโต๊ะหนังสือด้านล่าง

"ถุงหอม? ที่แท้อยู่ที่นี่งั้นหรือ" แต่เดิมนางหามันไปทั่วทุกที่ ในยามนี้ไม่อยากจะหา กลับต้องมาเจอมันที่นี่เสียได้ ช่างน่าขันยิ่งนัก!

เฟิ่งชิงเฉินพลันกระตุกมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับเผยให้เห็นรอยยิ้มที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในทันที พลางเอาแต่เหม่อมองถุงหอมอยู่เช่นนั้น โดยมิได้ขยับไปที่ใด

"จะเอาไปด้วยหรือไม่เอาไปดีนะ เหตุใดท่านมิคิดจะปล่อยข้าไปเสียที นี่มิใช่ชีวิตหรือ? ทุกครั้งยามที่ข้าคิดจะปล่อยมือจากท่าน ท่านก็มักจะมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าในทุก ๆ อย่างเสมอ ทำให้ข้าต้องอดลังเลใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้"

เฟิ่งชิงเฉินยังคงยืนเหม่อมองอยู่ภายในห้อง จนกระทั่งสาวใช้ทั้งสองบุกกองเพลิงเข้ามา "ซิ่ว ซิ่วอยู่ที่ใดเจ้าคะ? ซิ่ว"

เสียงตะโกนที่เล็กแหลม พลันลอยมาตามลมเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินชะงักไปในทันที พร้อมทั้งรีบร้อนดึงสติตนเองกลับมา แววตาพลันตกอยู่ในความสับสนมากมาย นางจึงค่อย ๆ หลับตาลง แล้วเดินกัดฟันออกไป

ถุงหอมของเสด็จอาเก้านั้น นางไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาไปด้วย เช่นนั้นก็ให้มันมีสภาพเดียวกันกับจวนเฟิ่งเสียเถอะ มอดไหม้ไปพร้อม ๆ กัน!

มิทันไร ยามที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะวิ่งออกไปนั้น "ปั้ง" คานไม้พลันพลัดตกลงมาขวางทางประตูปิดทางหนีของเฟิ่งชิงเฉินในทันที

เฟิ่งชิงเฉินพลันก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณของตน แต่มิคิดว่าตนเองจะเผลอลื่นเสียได้ ทั่วร่างของนาง ยามที่กำลังจะล้มลงไปด้านหลังนั้น ในขณะเดียวกัน บานประตูของห้องตำราก็กำลังจะล้มทับนาง

อ๊าย สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลันแปรเปลี่ยนไป พร้อมทั้งพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ของตนเองลง แล้วจึงค่อย ๆ เอนตัวของตนไปด้านหลัง พร้อมกับงอขาลงเล็กน้อย แล้วจึงบิดตัวของตนเองไปทางด้านซ้ายสองก้าว เพื่อไม่ให้โดนประตูล้มทับใส่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ