วันที่ 3 เดือน 3 เทศกาลดอกท้อ หญิงสาวกลุ่มนั้นได้เตรียมหลุมใหญ่เอาไว้แล้ว รอเวลาที่เฟิ่งชิงเฉินจะกระโดดลงไป
หากเฟิ่งชิงเฉินหลงกลพวกนาง นางจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่
เดิมทีเรื่องนี้ตนก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยว แม้เมื่อวานเฟิ่งชิงเฉินจะเคยช่วยเขาไว้ แต่นางก็ทำให้เขาขุ่นเคือง ที่เขาไม่ฆ่านางก็นับว่าปรานีนางมากแล้ว
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ถึงอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ได้ช่วยเขาเอาไว้ เขาไม่สามารถทนมองเฟิ่งชิงเฉินตกลงไปในกองไฟได้
คนอย่างหลานจิ่วชิงต้องตอบแทนผู้ที่มีบุญคุณ
"เฟิ่งชิงเฉิน ข้า หลานจิ่วชิงไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะกับผู้หญิง บุญคุณที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ถึงอย่างไรข้าก็ต้องทดแทน" หลานจิ่วชิงกล่าวในใจ เขาหลับตาลง ไม่อยากมองหน้าเฟิ่งชิงเฉิน แล้วมองดูสถานการณ์รอบๆ
เฟิ่งชิงเฉินกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับบาดแผลของหลานจิ่วชิง หารู้ไม่ว่าในสมองของหลานจิ่วชิงตอนนี้ กำลังคิดเรื่องความโชคร้ายของนางที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันเทศกาลดอกท้อ
……
แม้ว่าบาดแผลของหลานจิ่วชิงจะไม่ได้ติดเชื้อ แต่ปากแผลก็เปิดออกกว้างมาก ด้ายเย็บแผลที่ใช้ไป นอกจากจะหลุดแล้วยังเปื้อนเข้าไปในเนื้ออีก
เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันครุ่นคิด นางอยากจะฟาดผู้ชายคนนี้เสียให้สิ้นเรื่อง แต่เหมือนถูกหลานจิ่วชิงบังคับ นางจึงต้องก้มหน้าก้มตาเลาะด้ายออกอย่างว่าง่าย
เนื่องจากหลานจิ่วชิงขอไว้ เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ใช้ยาสลบ นางลงมือทำแผลกับเนื้อสดๆที่มีเลือดไหลเยิ้มเช่นนั้นโดยตรง
เมื่อคีมปลายแหลมจิ้มที่แผล บางครั้งจะมีเสียงโอดครวญออกมาบ้าง เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่ามันเจ็บปวดเพียงใด แต่ชายชุดดำหน้ากากเงินกลับไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดแม้แต่น้อย
เมื่อจัดการกับเส้นด้ายที่หลุดลุ่ยเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ล้างแผลให้หลานจิ่วชิง แล้วเตรียมเอาเนื้อเน่าออกจากแผล เนื้อเน่าพวกนี้ ดูก็รู้ว่าเกิดจากแรงกระแทกของวัตถุมีคม
หลานจิ่วชิงไม่ได้พูดอะไรเลย เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่คิดที่จะถาม จรรยาบรรณของคนเป็นแพทย์ จะไปเซ้าซี้ให้มากความก็ไม่ดี โดยเฉพาะกับเรื่องที่นางก็ไม่อยากจะใส่ใจ
"อาจจะเจ็บหน่อยนะ อดทนหน่อย เจ็บแค่ไหนก็ห้ามขยับเด็ดขาด" เฟิ่งชิงเฉินกล่าว
ในฐานะที่นางเป็นหมอ เมื่อยามีไม่พอ การไม่ใช้ยาสลบจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ หมอในสมัยนั้นมักจะใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสนใจเรื่องอื่นแทน
แต่ว่าชายสวมหน้ากากผู้นี้ล่ะ?
เขากลับเอาแต่จ้องมอง ทำราวกับว่ามีดคมๆของเฟิ่งชิงเฉินนั้นจะไม่ได้ทิ่มลงมาบนร่างกายเขา
สำหรับคนเช่นนี้
เฟิ่งชิงเฉินนับถือหัวใจเขายิ่งนัก ความสามารถในการอดทนต่อความเจ็บปวดของชายคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา
แต่ก็แค่นับถือหัวใจเขาเท่านั้น
"ลงมือเลยสิ" หลานจิ่วชิงกล่าวหน้าตาเฉย ราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ในความเป็นจริง เขาเจ็บจนหน้าขาวซีด และมีเหงื่อออกท่วมหน้าผาก
เขาทำตามที่เฟิ่งชิงเฉินบอก เขากัดฟันทนต่อความเจ็บปวด
เขายอมเจ็บ แต่จะไม่ยอมให้ตัวเองนั้นเป็นอะไรไป
ความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นมาควบคุมชีวิตมันช่างแย่เหลือเกิน
"ก็กำลังจะลงมืออยู่นี่ไงล่ะ เร่งอยู่ได้!" เฟิ่งชิงเฉินแอบบ่นในใจ
คนเราไม่ว่าจะรักษาจรรยาบรรณของอาชีพได้ดีแค่ไหน เมื่อต้องมาเจอผู้ป่วยกวนประสาทเช่นนี้ ก็ต้องมีหลุดโมโหออกมาบ้าง
ผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาเลย
ไม่กลัวเจ็บหรือไงนะ?
ดี งั้นข้าจะทำแรงๆ เอาให้เจ็บเจียนตายไปเลยก็แล้วกัน
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มกริ่ม แล้วนำมีดผ่าตัดเบอร์ใหญ่สุดออกมา
แต่น่าเสียดายที่นางยิ้มเช่นนั้นได้ไม่นาน เมื่อเห็นมีดผ่าตัดในมือเฟิ่งชิงเฉินแล้ว หลานจิ่วชิงกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่ามัวลีลาอยู่เลยนะ เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนอารมณ์ร้อน"
นี่คือคำขู่
ผู้ป่วยขู่หมอ
แต่ทว่า......เฟิ่งชิงเฉินก็ตกเป็นเหยื่อของคำขู่นั้นไปตามระเบียบ
เฟิ่งชิงเฉินกดไหล่ของเขาไว้ มืออีกข้างก็หันไปวางมีดเบอร์ใหญ่ลง แล้วเปลี่ยนเป็นมีดผ่าตัดขนาดเล็กที่ปลายแหลมมากกว่าเดิม
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินหน้าเจื่อน แววตาของหลานจิ่วชิงก็แสดงอาการเยาะเย้ยออกมา
แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินหันกลับมา แววตาเช่นนั้นก็หายไป
คราวนี้มีทั้งมีดและคีม เฟิ่งชิงเฉินคีบเนื้อเน่าออกจากแผลอย่างเบามือ ทีละเล็กทีละน้อยอย่างใจเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ