นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 37

เมื่อการทำแผลของหลานจิ่วชิงสำเร็จลุล่วงแล้ว เขาก็จากไปโดยไม่ได้บอกกล่าว

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินไปทำความสะอาดคราบเลือดกลับมา ก็พบเพียงห้องที่ว่างเปล่า บนโต๊ะก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน

ไม่รู้ว่าหลานจิ่วชิงฉีดอะไรไว้ในห้อง ห้องที่มีกลิ่นคาวเลือด มาตอนนี้ถูกกลิ่นหอมละมุนเข้ามาแทนที่แล้ว

แต่จะเป็นกลิ่นหอมของอะไรนั้น ได้โปรดยกโทษให้กับประสาทรับกลิ่นที่ไม่เอาไหนของเฟิ่งชิงเฉินด้วย นางดมไม่ออก รู้แต่เพียงว่ากลิ่นหอมนี้ช่างรัญจวนใจเหลือเกิน ความเมื่อยล้าจากงานเมื่อครู่นี้ผ่อนคลายลงไปอย่างรวดเร็ว

นางจมูกไวเฉพาะต่อกลิ่นคาวเลือดเท่านั้น นางสามารถแยกแยะได้ว่ากลิ่นไหนเป็นกลิ่นเลือดคน กลิ่นไหนเป็นกลิ่นเลือดสัตว์ แม้กระทั่งเป็นเลือดสดหรือเลือดเก่า ส่วนกลิ่นหอมนั้น......ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของนางเลย

การทิ้งท้ายจากหลานจิ่วชิง เฟิ่งชิงเฉินถือว่าพอใจมาก แต่สิ่งเดียวที่นางไม่ประทับใจ ก็คือผู้ชายคนนี้ช่างไม่รู้ธรรมเนียมเอาเสียเลย

"จริงหรือนี่ ไม่จ่ายเงินค่ารักษากันเลยหรือ? นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ มันต้องมีค่าตอบแทนบ้างสิ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าก็ต้องเจ๊งน่ะสิ? กว่าจะมาเป็นหมออย่างเช่นทุกวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ"

เฟิ่งชิงเฉินกลัดกลุ้มอยู่ในใจ แต่ต่อให้จะกลัดกลุ้มเพียงใดก็ได้แต่อดทน เพราะเจ้าตัวหนีไปแล้วนี่นา

แต่ต่อให้เจ้าตัวยังอยู่นี่ นางก็ไม่กล้าเรียกค่ารักษาจากเขาหรอก นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจหากต้องพูดเรื่องเงินกับผู้ชายคนนี้

บรื๋อ......เฟิ่งชิงเฉินขนลุก นางสลัดภาพชายสวมหน้ากากออกไปจากสมอง เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ล้มตัวลงนอน และก่อนที่นางจะพักผ่อน ก็ไม่ลืมแปะกระดาษเอาไว้หน้าประตู บนกระดาษมีข้อความว่า "ห้ามรบกวน!"

และข้อความนี้ ทำให้โจวสิงได้แต่ยืนมองอยู่ที่หน้าประตู เขาลังเลอยู่นาน ก่อนจะล้มเลิกความคิดที่จะเคาะประตู แล้วเขาก็ได้เดินจากไป

ซูเหวินชิงยืนอยู่ที่หน้าประตูสักพัก เขาเองก็กำลังสับสน แต่สุดท้ายก็ต้องถอดใจ แล้วหันหลังเดินจากไป

หวังชีหรือหวังจิ่นหานถึงกับมากางโต๊ะหน้าประตู เขาดื่มชาไปได้ 3 กาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครเดินออกมาจากในห้อง เขาคิดจะเคาะประตูอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกโจวสิงคอยห้ามไว้

"พี่สาวข้าหงุดหงิดง่าย นางจะโมโหหากมีคนไปปลุกนาง ยกเว้นว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้น มิฉะนั้นแล้ว หากท่านกล้าไปรบกวนการนอนของนาง ท่านจะต้องพบกับผลลัพธ์อันน่าสยดสยอง อย่างเช่นข้าอย่างไรล่ะ"

โจวสิงหันใบหน้าด้านข้างให้เขาดู และเผยให้เห็นแขนที่บาดเจ็บไปเมื่อวาน

มีทั้งส่วนที่บวมแดง และส่วนที่เขียวเป็นจ้ำๆ มองดูก็รู้ว่าคนลงมือนั้นแรงเยอะแค่ไหน

ก็ได้ ไม่ไปรบกวนนางก็ได้

หวังชีถอนหายใจ

"โจวสิง ถ้าเฟิ่งชิงเฉินตื่นแล้ว ช่วยบอกนางทีว่าหวังชีมาหานาง"

หลังจากที่เขากลับไปเมื่อวานนี้ ก็ได้ให้คนไปคอยดูความเคลื่อนไหวของคนตระกูลซู และยังเรียกตัวซูเหวินชิงมาสอบถามซึ่งๆหน้าด้วย

เพราะเฟิ่งชิงเฉินได้ช่วยซูเหวินหาง น้องชายของเขาที่ถูกระบุว่าเสียชีวิตแล้ว

เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้หวังชีเชื่อมั่นในตัวเฟิ่งชิงเฉินมากขึ้น ไม่แน่ว่าเฟิ่งชิงเฉินอาจจะรักษาดวงตาของพี่ชายของเขาได้ ขอเพียงดวงตาพี่ชายเขาหายดี ตระกูลหวังก็จะรักษาศักดิ์ศรีได้ดียิ่งกว่าเดิม

หวังชีรู้ดีว่าตนเองมีความสามารถ แต่ก็สู้หวังจิ่นหลิงผู้เป็นพี่ชายของตนไม่ได้ ตระกูลหวังภายใต้การดูแลของตนก็มีสภาพดังเช่นทุกวันนี้ แต่หากได้พี่ชายมาดูแล จะต้องไปได้ไกลมากกว่านี้แน่นอน

ดังนั้น ต่อให้ความหวังจะริบหรี่เพียงใด เขาเองก็จะไม่ยอมแพ้

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปทางทิศตะวันตกแล้ว หวังชีรู้แล้วว่าวันนี้เฟิ่งชิงเฉินคงไม่ตื่นง่ายๆ เขาจึงตัดสินใจกลับไปก่อน

ระหว่างที่กลับไปก็แอบบ่นอยู่ในใจ

เฟิ่งชิงเฉินเมื่อชาติก่อนเกิดเป็นหมูหรือไงนะ?

นางนอนไป 2 วัน 2 คืน ตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นนอน

ถ้าหากไม่มองลอดหน้าต่างเข้าไปแล้วเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินนอนอยู่บนเตียงและพลิกตัวเป็นบางครั้ง เขาคงจะคิดว่าในห้องไม่มีใคร หรือไม่ก็คงไหลตายไปแล้ว

สิ่งที่หวังชีไม่รู้เลยก็คือ จังหวะที่เขาก้าวเท้าออกไปข้างนอกแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ตื่นนอนทันที สิ่งแรกที่ผู้หญิงคนนี้ทำหลังจากตื่นนอน คือการร้องตะโกนเสียงดัง "โจวสิง ข้าหิวแล้ว ข้าจะกินข้าว ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว"

เฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้ไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าหลงเหลืออยู่อีกแล้ว นางตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น แก้มแดงๆของนางสีเดียวกันกับผลแอปเปิล ท่ามกลางอากาศที่ไม่ร้อนไม่หนาว นางสวมใส่เสื้อผ้าเพียงตัวเดียว

สำหรับคนที่เห็นบ่อยแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก โจวสิงยกของกินเข้ามาให้ เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินในสภาพเช่นนั้นก็รีบหันหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

เฟิ่งชิงเฉินล้างหน้าล้างตาแล้วมาจัดการกับอาหารตรงหน้า ข้าว 3 ชามลงท้องเสร็จสิ้นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็วางตะเกียบลงอย่างอิ่มหนำสำราญ

โจวสิงเก็บถ้วยไปก็บ่นไป

เฟิ่งชิงเฉินอยากช่วย แต่นางเกือบทำถ้วยหลุดมือ

"พี่......ถือว่าข้าขอร้องล่ะ ท่านอย่าจับนู่นทำนี่เลยนะ ให้ข้าจัดการเองเถอะ" เมื่อโจวสิงเห็นนิ้วมืออันเรียวสวยและขาวผ่องของเฟิ่งชิงเฉินก็รีบผลักแขนนาง เพราะกลัวว่ามือสวยๆจะเสียโฉม

มือสวยๆแบบนี้ หากเป็นอะไรไปคงน่าเสียดายแย่

มือของเฟิ่งชิงเฉินถูกสร้างมาเพื่อจับมีดทำแผล จะมาใช้ล้างถ้วยล้างชามได้อย่างไร

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเกรงใจ แต่ก็จำต้องวางมือก่อน "โจวสิง ถ้าข้าไม่มีเจ้าข้าจะทำอย่างไร ที่ข้าพาเจ้าเข้ามาอยู่ที่จวนเฟิ่งแห่งนี้ ช่างเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจริงๆเลย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ