นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 362

ที่ประตูเมือง ทุกคนรวมตัวกันเป็นกลุ่มสามถึงห้าคนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาไม่กล้าเอ่ยชื่อเสด็จอาเก้าจึงพูดได้แต่เพียงเรื่องของเฟิ่งชิงเฉินผู้มีชื่อเสียงเสื่อมเสีย

คำว่าไร้กฎเกณฑ์นั้น เมื่อกล่าวถึงบุรุษย่อมเป็นคำชมเชยอย่างแน่นอน ชายชาตรีที่แท้จริงคือบุรุษไร้กฎเกณฑ์ แต่ตอนนี้เมื่อกล่าวถึงหญิงสาวกลับแฝงไปด้วยแววเสียดสี

ต้องรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีชื่อเสียงในการเป็นบัณฑิตหรือมีมารยาทงามมาก่อน แต่นางอาศัยความสัมพันธ์ที่มีต่อเสด็จอาเก้า คุณชายใหญ่และแม่ทัพอวี่เหวินกระทำเรื่องต่างๆ จนมีชื่อเสียง ชื่อเสียงดังกล่าวไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหญิงสาวอย่างแน่นอน

มีชายที่ฉลาดสองสามคนในหมู่ฝูงชนที่เดิมกำลังจะออกจากเมืองไป แต่หลังจากได้ยินบทสนทนานี้แล้ว พวกเขาก็ก้าวถอยหลังไปอย่างเงียบเชียบพลางสบตากับคนอีกผู้ในระยะไกลเล็กน้อยและทำท่าทางส่งสัญญาณอย่างไร้ร่องรอยจากนั้นก็ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแทรกตัวไปในกลุ่มฝูงชนเตรียมออกจากเมืองไป

การส่งสัญญาณลับของพวกเขาไม่อาจเล็ดลอดจากสายตาของตี๋ตงหมิงไปได้ เขาได้รับการตักเตือนอย่างเสด็จอาเก้าและรู้ว่าในเมืองไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่อะไร เรื่องที่เขาปิดประตูเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น หากถูกผู้ไม่หวังดีนำไปฟ้ององค์จักรพรรดิแล้ว เขาก็คงไม่สามารถหนีการลงโทษไปได้ แต่หากเขาสามารถใช้โอกาสนี้จับสายลับได้สักสองสามคนก็จะเป็นการสร้างผลงานลบล้างความผิดไปได้

ตี๋ตงหมิงยิ้มเย็น สั่งคนข้างกายสองสามคำและยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างมองไปยังประตูเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน

เมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองนั้นเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำอันตราย หลังจากที่เสียงนั้นดังขึ้น ทั่วทั้งเมืองหลวงก็เข้าสู่อีกสถานการณ์หนึ่ง ฝ่าบาททรงปิดข่าวในทันทีและเรียกให้องค์ชายและขุนนางผู้มีคุณสมบัติเข้าวัง แม้กระทั่งหวังจิ่นหลิงผู้ซึ่งไม่มีตำแหน่งทางการก็ไม่ได้ถูกละเว้น

จักรพรรดิมีพระราชโองการชี้ว่าห้ามใครกล้ามาสาย แต่กลับมีคนผู้หนึ่งที่มาสาย จักรพรรดิมองไปยังที่นั่งว่างด้วยสายตาเย็นชา แม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็จงใจเอ่ยถามออกมา "อ๋องเก้าเล่า?"

"กราบทูลฝ่าบาท คนที่จวนอ๋องเก้าบอกว่าเขาออกจากเมืองไปยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีเป็นผู้มีสายตาเฉียบแหลม เขาจึงประกาศความผิดของเสด็จอาเก้าออกมาทันที

"ออกนอกเมือง? ออกไปเมื่อไหร่?" จักรพรรดิมีพระพักตร์บึ้งตึง ที่ขมับมีผมหงอกแซม การตายของหลี่เซี่ยงส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเขา

ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิพึ่งพาระเบิดเทียนเหล่ยในมือของหลี่เซี่ยงเพื่อปราบปรามสามแคว้นเก้าเมืองจนพวกเขาไม่กล้าเหิมเกริม เขามีท่าทางเหมือนเป็นเจ้าโลกา แต่หลี่เซี่ยงกลับเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันและที่สำคัญที่สุดคือระเบิดเทียนเหล่ยยังคิดค้นออกมาไม่สำเร็จ

หากปราศจากอาวุธที่สามารถขู่ขวัญสามแคว้นเก้าเมืองได้ ชาวสามแคว้นและเก้าเมืองเหล่านั้นจะยอมอดกลั้นได้อย่างไร พวกเขาจะระบายความโกรธแค้นที่พวกเขาได้รับต่อตงหลิงออกมาอย่างแน่นอน

ไม่ว่าความตายของหลี่เซี่ยงจะเกิดจากฝีมือมนุษย์หรือความประสงค์ของสวรรค์ จักรพรรดิก็ไม่ต้องการสอบสวนและไม่กล้าไปสอบสวน นอกจากนี้เขายังรู้เรื่องข่าวลือในเมืองหลวงอยู่บ้าง ข่าวลือนั้นแพร่กระจายออกมาจากปากของอาจารย์ที่น่าเคารพนับถือว่าหลี่เซี่ยงตายเพราะ "เพลิงสวรรค์" องค์จักรพรรดิเพียงหวังว่าทุกคนจะลืมหลี่เซี่ยงไป

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือการแก้ปัญหาที่เกิดจากการตายของหลี่เซี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อตงหลิง ผู้คนในสามแคว้นเก้าเมืองไม่ใจดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขากำลังกล้ำกลืนความโกรธแค้นต่อเมืองหลวงแห่งตงหลิง ยามนี้เมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องเอาคืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ

ผู้ที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ดีที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเสด็จอาเก้า ช่างบังเอิญนักที่เสด็จอาเก้าได้ทำผิดพอดี หากเขาไม่ใช้โอกาสนี้เตะเสด็จอาเก้าออกไปนับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง

ขันทีหน้าซีดลงเพราะรู้ว่าความโกรธของจักรพรรดิไม่ได้มุ่งมาที่เขา แต่ความโกรธของโอรสสวรรค์มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นทันทีและพูดอย่างสั่นเทา "เมื่อ เมื่อบ่ายวานนี้มีคนเห็นรถม้าของจวนอ๋องเก้าออกจากเมืองและมุ่งหน้าไปยังจวนพักตากอากาศของเขาพ่ะย่ะค่ะ"

"ออกจากเมืองหรือ? ออกนอกเมืองโดยพลการโดยไม่รอให้ข้าอนุญาตก่อน อ๋องเก้าอาจหาญยิ่งนัก ทหาร ไป... พาตัวเขาเข้าวังมาเสีย" จักรพรรดิตบเก้าอี้มังกรเพื่อแสดงว่าเขากำลังโมโห

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ