นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 410

เฟิ่งชิงเฉินสะพายกล่องยาพิเศษไว้บนหลังของนางและตามคนของเสด็จอาเก้าไปยังเรือนหลังหนึ่งในเมืองหลวง เป็นสถานที่อย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้แน่ชัด เมืองหลวงนั้นใหญ่มาก มีหลายที่ที่นางยังไม่เคยไปและไม่คุ้นเคย

หลังจากเข้าไปแล้วก็เห็นเสด็จอาเก้ากับชายหนุ่งรูปงามผู้หนึ่งอยู่ในห้อง ได้ยินข้ารับใช้ด้านหลังบอกว่าชายรูปงามผู้นั้นก็คือซีหลิงเทียนอวี่ องค์ชายรองแห่งแคว้นซีหลิง

เดิมเสด็จอาเก้าก็มีบุคลิกท่าทีที่สูงส่งและหล่อเหลาไม่ธรรมดา แต่ชายที่อยู่ข้างเขาก็ยังได้ชื่อว่ารูปงามอย่างยิ่ง เพียงคิดก็รู้ว่าซีหลิงเทียนอวี่จะจะหล่อเหลาเพียงใด แม้แต่ยามที่เฟิ่งชิงเฉินได้พบเขาก็ตกใจมาก

เขามีรูปลักษณ์หล่อเหลา ผิวขาวสะอาดสะอ้าน ใบหน้าซูบซีด หว่างคิ้วมีร่องรอยของการความอึดอัด แตกต่างจากความบ้าคลั่งโอหังของซีหลิงเทียนเหล่ย ซีหลิงเทียนอวี่ดูเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย ร่างที่ปกคลุมด้วยอาภรณ์ชั้นดีนั่งอยู่บนรถเข็น นิ่งสงบราวกับสาวพรหมจารีโดยไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด

"อ่ะแฮ่ม… เฟิ่งชิงเฉิน" ต่อหน้าเขา นางมองชายอีกคนเสียจนใจลอย ความกล้าหาญของนางนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เสด็จอาเก้าโกรธ แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจแสดงออกได้อย่างชัดเจนนัก นอกจากเขาแล้วคนอื่นก็ไม่มีใครรู้

เฟิ่งชิงเฉินกลับมาได้สติอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่านางหยาบคาย นางก้มตัวลงอย่างสงบและโค้งคารวะ "เสด็จอาเก้า องค์ชายรอง"

การมองเห็นถูกโจมตีอย่างรุนแรงเกินไป เป็นเรื่องปกติที่จะไม่ได้สติไปชั่วขณะ ไม่โทษว่านางไม่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคงพอ ต้องโทษว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก

"ลุกขึ้นเถอะ" ยามปกติเสด็จอาเก้าจะไม่ยอมให้เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าคำนับ ซีหลิงเทียนอวี่ก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน ด้วยสติปัญญาของเขาแล้ว เขาย่อมรู้ว่าทั้งสองคนต้องมีอะไรกันแน่ เห็นแก่หน้าของเสด็จอาเก้า เขาจึงย่อมไม่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องลำบาก

"แม่นางชิงเฉินไม่ต้องเกรงใจไป" น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลและอ่อนหวานทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีด้วย

"ขอบพระทัยเพคะ เสด็จอาเก้า องค์ชายรอง" แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินย่อมไม่เกรงใจและยืนขึ้นทันที ตรงนี้แสดงให้เห็นได้ว่านางเกลียดการคารวะผู้อื่นเพียงใด

วันนี้เสด็จอาเก้ามาเพื่อดูละครฉากสนุกโดยเฉพาะ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับ "ความบ้าผู้ชาย" ของเฟิ่งชิงเฉินเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมาและสั่งให้เฟิ่งชิงเฉินรักษาซีหลิงเทียนอวี่ทันที

เฟิ่งชิงเฉินไม่พูดอะไรมาก นางเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง การแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการวินิจฉัยโรคโดยการมอง ดม ถามและการจับชีพจร ความจริงแล้วการแพทย์แผนตะวันตกก็ให้ความสำคัญกับการมองเช่นกัน ความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยกับคนปกตินั้นชัดเจนมาก

แม้ว่าซีหลิงเทียนอวี่จะมีหน้าตาที่ซีดป่วย แต่มองไม่ออกเลย เขาดูเหมือนป่วยหนัก ลักษณะหน้าที่ป่วยของเขาเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ถูกแสงอาทิตย์มาหลายปีทำให้หดหู่จนเกิดเป็นโรค เมื่อมองเขานั่งรถเข็น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าปัญหาของเขาอยู่ที่ตรงไหน

เฟิ่งชิงเฉินกวาดตามองซีหลิงเทียนอวี่ แววตาของนางทอดลงมองขาทั้งสองของเขา "องค์ชายรองมีปัญหาที่ขา?"

"ใช่" ซีหลิงเทียนอวี่ยิ้มบางๆ แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับเห็นความเหงาหงอยเศร้าสร้อยในดวงตาของเขาตลอดจนร่องรอยแห่งความโกรธและความอับอาย

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ใส่ใจ ผู้ป่วยจำนวนมากก็เป็นแบบนี้ เมื่อไม่มีความหวังในการรักษา หัวใจของพวกเขาจะบิดเบี้ยวอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง อันที่จริงแล้วสภาพของซีหลิงเทียนอวี่นั้นคล้ายคลึงกับหวังจิ่นหลิงมาก แต่หวังจิ่นหลิงเป็นคนใจกว้าง ร่าเริงและเป็นกันเองกว่ามาก

แม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะมองไม่เห็น แต่เขาก็คงยังรักชีวิตและใช้ชีวิตได้อย่างดีโดยไม่โทษสวรรค์หรือผู้ใดและยิ่งไม่โทษความอยุติธรรมของโชคชะตา หวังจิ่นหลิงรู้เสมอว่าจะทำอย่างไรจึงจะดีที่สุดสำหรับตัวเอง เขารู้วิธีอยู่อย่างมีความสุขอยู่เสมอ

แต่ซีหลิงเทียนอวี่นั้นไม่เหมือนกัน เฟิ่งชิงเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกและไม่เต็มใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีแววแห่งความเบื่อโลก นี่เป็นสภาวะจิตใจปกติของผู้ป่วย เพียงแต่มีคนที่สงบนิ่งและเป็นตัวของตัวเองเช่นหวังจิ่นหลิงอยู่ ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉิน ซีหลิงเทียนอวี่จึงด้อยลงมาหน่อย

"องค์ชายรอง ตอนนี้ข้าจะตรวจร่างกายท่าน ไม่ทราบว่าท่านสะดวกหรือไม่" เฟิ่งชิงเฉินวางกล่องไว้บนโต๊ะแล้วเอ่ยถาม

ซีหลิงเทียนอวี่กำลังจะปฏิเสธ แต่เสด็จอาเก้ากลับเอ่ยขึ้นในเวลาที่เหมาะสม "เทียนอวี่ ให้นางดูหน่อยเถอะ"

จากคำเรียกของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินจึงเข้าใจว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซีหลิงเทียนอวี่จะสามารถมาปรากฏตัวที่ตงหลิงในเวลานี้ ที่แท้ก็มาช่วยเสด็จอาเก้ารับมือซีหลิงเทียนเหล่ยนี่เอง

"เชิญแม่นางชิงเฉิน" แม้ว่าจะรับปากแล้ว แต่เฟิ่งชิงเฉินก็สามารถได้ยินแววไม่พอใจในน้ำเสียงของอีกฝ่าย นางทำเพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้และย่อตัวนั่งลงที่ด้านข้างขาของซีหลิงเทียนอวี่อย่างเป็นธรรมชาติ

ตั้งแต่เฟิ่งชิงเฉินเข้ามา ดวงตาของเสด็จอาเก้าก็จับจ้องอยู่บนร่างกายของนางโดยตลอด มั่นใจ เข้มงวดและสงบนิ่ง เฟิ่งชิงเฉินมักจะมีท่าทางเช่นนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย แม้ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของนางก็ตาม นางก็นิ่งเฉยราวกับว่านางไม่มีความรู้สึกที่ไม่จำเป็น

เห็นได้ชัดว่านางเกลียดการคุกเข่าคำนับ แต่เมื่อนางต้องการตรวจดูโรคที่ขาของซีหลิงเทียนอวี่ นางก็นั่งยองลงใกล้ขาของเขาก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใด เห็นได้ชัดว่าท่าทางต่ำต้อยเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินกลับสามารถทำได้และทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเหยียดหยาม

ช่างเป็นสตรีที่มีความขัดแย้งอะไรเช่นนี้

"ออกไปก่อน" เสด็จอาเก้ารู้ว่าซีหลิงเทียนอวี่ไม่ชอบที่คนจำนวนมากเกินไปรู้เรื่องโรคที่ขาของเขา ดังนั้นเขาจึงไล่ทุกคนในห้องออกไป

เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดว่ามีอะไร ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องห้ามไม่ให้คนนอกรู้เรื่องการบาดเจ็บมากขึ้นเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินดึงกางเกงของซีหลิงเทียนอวี่ขึ้น มือของนางชะงักไปแต่นางก็กลับมามีสติได้อย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ