นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 425

นกในป่าตกใจกลัวกระพือปีกบินออกมา ทันใดนั้นทั้งคนและต้นไม้ทั่วทั้งป่าก็ส่งเสียงกระหึ่ม กิ่งก้านแกว่งไกว เสียงใบไม้สั่นไหว เมื่ออาศัยแสงจันทร์มองไปก็ให้รู้สึกราวกับว่าปีศาจกลุ่มหนึ่งกำลังร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันชายชุดดำก็กระโดดออกมาจากสองข้างทางทีละคน

“ฆ่า!” ชายชุดดำเหล่านั้นตรงไปตรงมายิ่ง หลังจากกระโดดออกมาจากพงหญ้าแล้วก็ยกมีดมุ่งหน้าตรงมาฟันขาม้า

“ปกป้องนายท่าน” องครักษ์ทั้งเจ็ดล้อมเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินอย่างรวดเร็ว องครักษ์ของเสด็จอาเก้าได้รับการฝึกฝนอย่างดี เมื่อพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด เมื่อปลอบขวัญม้าที่ตนเองขี่ม้าได้แล้วก็ถือดาบเข้าห้ำหั่นกับผู้ลอบสังหารทันที

ไม่เพียงแต่องครักษ์ทั้งเจ็ดจะไม่พ่ายแพ้แก่มือสังหารกว่าสามสิบคน แต่พวกเขาดูเหมือนจะยังได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ

องครักษ์ของเสด็จอาเก้านั้นไม่ธรรมดาเลย เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่มือซ้ายของนางก็ยังคงกดลงที่หน้าไม้ลับในแขนเสื้อและรักษาระดับความตื่นตัวไว้อย่างยิ่งยวด

“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่ที่นี่” เสด็จอาเก้าควบม้าเข้ามาใกล้เฟิ่งชิงเฉิน

“ข้าไม่ได้กลัว” นางไม่ได้กลัว นางเพียงแต่ป้องกันไว้ก่อน เป็นเรื่องปกติที่จะมีประสาทตื่นตัวเมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าคิดหวังว่าคนอื่นจะมาปกป้องนางได้ตลอดเวลา

หลังจากแน่ใจว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่กลัวจริงๆ เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ขี่ม้าไปข้างหน้าเพื่อปกป้องนางไว้ด้านหลัง มือสังหารโจมตีอยู่นาน แต่ก็ไม่อาจฝ่าแนวป้องกันของเสด็จอาเก้าเข้ามาได้ ยามนี้พวกเขาจึงรู้สึกร้อนใจยิ่ง

“มือธนู ออกมา!” หัวหน้ามือสังหารออกคำสั่ง กอหญ้าที่เพิ่งสงบลงก็เกิดการเคลื่อนไหวอีกครั้งและมีเหล่าชายชุดดำอีกกลุ่มพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

เมื่อมองไปที่เงาร่างที่เคลื่อนไหวในพงหญ้า เฟิ่งชิงเฉินอยากจะถามจริงๆ ว่ามีมือสังหารกี่คน นี่มันเยอะเกินไปหรือไม่ จะต้องเกลียดชังเสด็จอาเก้าเพียงใดจึงจะยอมลงทุนมหาศาลเช่นนี้

“ส่งสัญญาณ” เดิมเสด็จอาเก้าไม่ได้ตั้งใจจะขอให้กำลังเสริมมาช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเตรียมตัวมากอย่างดีจนเขาต้องขอกำลังเสริม

“พ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในองครักษ์ที่อยู่ใกล้เสด็จอาเก้าที่สุดหยิบสัญญาณไฟออกมา เมื่อได้ยินเสียง "วี๊ด" ก็มีแสงวาบสว่างทั่วทั้งนภา เปรี๊ยะ… จากนั้นมันก็กลายเป็นควันขาว

เฟิ่งชิงเฉินน้ำตาแทบไหล การไม่มีสัญญาณโทรคมนาคมเป็นโศกนาฏกรรมโดยแท้ แม้ว่าสัญญาณไฟเช่นนี้จะสามารถเรียกเพื่อนมาได้และก็ดึงดูดฝ่ายศัตรูได้เช่นกัน

“ยิงธนู!” มือสังหารไม่ปรานี เมื่อพลธนูเตรียมตัวพร้อมแล้ว เขาก็สั่งทันที

"ฟิ้วๆๆ..."

ลูกศรอันแหลมคมพุ่งฝ่าท้องฟ้ายามราตรี หัวลูกศรสีดำเปล่งประกายเย็นเยียบเย็นออกมาและพุ่งเข้าหาเฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้า

"เคร้งๆๆ..." เสด็จอาเก้าสะบัดดาบปัดป้องลูกธนูทีละอัน

คลื่นลูกแรกยังดี ลูกธนูมีไม่มากนัก แต่เมื่อห่าธนูคลื่นที่สองมาถึง จำนวนลูกธนูที่แหลมคมก็เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อปัดป้องลูกธนูที่อยู่ข้างหน้า ลูกธนูก็พุ่งเข้ามามากขึ้นอีก มือสังหารแบ่งพลธนูออกเป็นสามกลุ่มประสานยิงอย่างไร้การชะงัก ฝนธนูยิงออกมาเป็นระลอก ถึงแม้ว่าจะยิงไม่ถูกก็ยังสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยตายได้

เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่านางช่วยอะไรไม่ได้จึงยึดถือหลักการมือไม่พายก็ไม่เอาเท้าราน้ำ นางหมอบลงบนหลังม้าเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าธนู

“อั่ก…” องครักษ์ผู้หนึ่งหลบไม่ทันจึงลูกธนูถูกยิงเข้าที่ไหล่ซ้าย เขาเหวี่ยงดาบตัดลูกธนูนั้นแล้วต่อสู้ต่อไปทันที

"อั่ก… อั่ก" องครักษ์ที่ถูกยิงเพิ่มมากขึ้นและกำลังสนับสนุนก็นังมาไม่ถึง

เสด็จอาเก้าสีหน้าเคร่งเครียด ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาสามารถกระโดดออกไปฆ่านักธนูเหล่านั้นได้ทันที แต่เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้เพราะเฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่ข้างหลังเขาต้องการการปกป้องจากเขา เขาไม่วางใจที่จะมอบนางให้กับผู้อื่น

“นายท่าน ข้าน้อยไม่อาจคุ้มกันให้ดีได้ ขอให้นายท่านโปรดไปก่อน” องครักษ์ทั้งเจ็ดคนเลือดโทรมกาย จุดสำคัญหลายจุดได้รับบาดเจ็บสาหัส

“พวกเขาสามารถต้านได้อีกเพียงหนึ่งเค่อ*เท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินเป็นหมอ นางรู้ดีว่าองครักษ์เหล่านี้กำลังฝืนอยู่ นางคิดจะช่วย แต่ทว่า… (*หนึ่งเค่อเท่ากับประมาณสิบห้านาที)

พลธนูของฝ่ายตรงข้ามอยู่ไกลเกินไปมาก เกาทัณฑ์แขนเสื้อของนางไม่ได้มีระยะไกลเช่นนี้บวกกับเวลากลางคืน นางจึงไม่อาจเล็งไปที่จุดสำคัญของฝ่ายศัตรูได้เลย

“เฟิ่ง…” เสด็จอาเก้าต้องการให้นางไปก่อน แต่เฟิ่งชิงเฉินขัดจังหวะขึ้น “ข้าป้องกันตัวเองได้ ท่านไม่ต้องห่วงข้า”

นางรู้ว่าเสด็จอาเก้ามีวิทยายุทธ์ แต่นางไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด

เสด็จอาเก้าลึกเข้าไปในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉิน เขารู้ว่านางป้องกันตัวเองได้ แต่... เมื่อเผชิญหน้ากับห่าธนูที่แหลมคมเช่นนี้ ความสามารถเล็กน้อยของนางนั้นยังไม่เพียงพอ

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้แก้ตัว อันที่จริงเมื่อลูกธนูยิงมา นางก็ไม่สามารถโต้กลับได้จริงๆ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน นางไม่อาจอ่อนแอได้และไม่อาจเป็นตัวถ่วงของคนอื่นได้ ในสนามรบจะไม่ฆ่าศัตรูก็ได้ แต่ต้องไม่เป็นตัวถ่วงของเพื่อนร่วมทีม

อย่ากลัวคู่ต่อสู้ที่เหมือนหมาป่า แต่จงกลัวเพื่อนร่วมทีมที่เหมือนสุกร เหตุผลเป็นเช่นนี้เอง

“ระวังตัวด้วย” เสด็จอาเก้าไม่ยืนกรานอีกต่อไป เขารีบพุ่งไปข้างหน้า คว้าอาวุธของมือสังหารแล้วโยนให้เฟิ่งชิงเฉิน “รับไป ป้องกันตัว” จากนั้นก็หันกลับมาแล้วพูดกับองครักษ์ “ปกป้องนางด้วยชีวิต!"

“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ทั้งเจ็ดล้วนได้รับบาดเจ็บ พลังลมปราณของพวกเขาไม่เพียงพอ เสียงของพวกเขาไม่ดังนัก แต่ความแน่วแน่ในคำพูดของพวกเขากลับไม่มีอะไรให้สงสัยได้

เสด็จอาเก้าพยักหน้าเบาๆ และกระโดดพุ่งเข้าไปในความมืด

ทำไมเงาด้านหลังของเขาช่างดูคุ้นเคยนักนะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ