นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 43

เป็นไปได้อย่างไร?

เฟิ่งชิงเฉินตะลึงอยู่กับที่ โดยไม่เคลื่อนไหว

นางคิดถึงความเป็นไปได้นับพัน แต่นางลืมความเป็นไปได้นี้ไป

แต่มันยุ่งยากอย่างมาก

เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วและดูกังวลเป็นอย่างมาก

เพราะเห็นสีหน้าของนาง หวังชีจึงก็ขมวดคิ้วตาม และใบหน้าของเขาเผยความคาดหวังและความผิดหวังออกมา เขาอยากเอ่ยปากถามเฟิ่งชิงเฉินอย่างมากว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่หวังจิ่นหลิงอยู่ด้วย เขาไม่สามารถถามได้ จึงทำได้แค่รอดูเฟิ่งชิงเฉินเอ่ยปากพูดเอง

"ชิงเฉิน…" หวังจิ่นหลิงรออยู่เป็นเวลานาน เฟิ่งชิงเฉินก็ยังไม่เอามือตัวเองกลับไป หวังจิ่นหลิ่งเอ่ยปากอย่างเขินอายและกล่าวว่า

"อ๊า... จิ่นหลิง ข้าขอโทษ" เฟิ่งชิงเฉินได้สติและเร่งดึงมือตัวเองกลับไปอย่างรวดเร็ว

ที่แท้แล้ว ขณะที่เฟิ่งชิงเฉินเหม่อลอย มือของนางที่จับดวงตาของหวังจิ่นหลิงเอาไว้ ไหลลงมาบนใบหน้าของหวังจิ่นหลิง ประกอบกับท่าทางเอนไปข้างหน้าของนาง จึงดูสนิทสนมกันอย่างมาก

โชคดีที่ดวงตาของหวังจิ่นหลิงมองไม่เห็น มิเช่นนั้นคงน่าเขินอายจริงๆ เพราะนางเสียมารยาทจริงๆ

นี่ถือเป็นเรื่องปกติในยุคปัจจุบัน การตรวจตาคนไข้ หากไม่เข้าใกล้จะมองไม่ชัด แต่หากอยู่ในยุคโบราณ การกระทำนี้เกินเลยไป

โชคดีที่ หวังจิ่นหลิงมิใช่คนประเภทที่ยึดถือเรื่องกฎมารยาทสักเท่าไหร่ มิเช่นนั้นเฟิ่งชิงเฉินคงจะไม่สามารถก้าวเข้าเรือนตระกูลหวังได้อีก

ในยุคนี้ ผู้หญิงที่มีความประพฤติไม่ดี ไม่ได้รับการต้อนรับ

หวังจิ่นหลิงส่ายหน้าอย่างเฉยเมย "ชิงเฉินตรวจมานานแล้ว ควรบอกผู้ป่วยคนนี้ได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของข้า"

หวังจิ่นหลิงเงยหน้าขึ้น มีรอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของเขา

"พี่ใหญ่…" หวังชีรีบลุกขึ้นทันที

การกระทำและการแสดงออกของเขาทำให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่า หวังชีมิได้บอกกระไรกับหวังจิ่นหลิงเลย

"เจ้าอยากถามว่าข้ารู้ได้อย่างไรหรือ" หวังจิ่นหลิงยิ้ม

"คงเป็นเพราะกลิ่นยาบนร่างกายของข้ากระมั้ง" เฟิ่งชิงเฉินคิดได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากที่นางเปลี่ยนยาสำหรับให้กับรองฮูหยินแล้ว นางก็เดินตรงมาที่นี่ จึงอาจมีกลิ่นยาติดตัวมาเล็กน้อย คนปกติอาจไม่ได้กลิ่น แต่หวังจิ่นหลิงทำได้

เมื่อตามองไม่เห็น จมูก หู จะอ่อนไหวกว่าคนทั่วไป

หวังจิ่นหลิงพยักหน้า "ชิงเฉินฉลาดจริงๆ แต่ตอนแรกข้าไม่แน่ใจ คิดว่าน้องเจ็ดได้รับบาดเจ็บ และไปร้านยามาจึงมีกลิ่นยาติดมาด้วย แต่เมื่อชิงเฉินเข้ามาใกล้ จึงพบว่ากลิ่นยานี้โชยมาจากร่างกายของ ชิงเฉิน อีกทั้งท่าทีต่างๆ ของเฟิ่งชิงเฉิน ข้าจึงคาดเดาได้ว่า ชิงเฉินเข้าใจทักษะการรักษา และมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย"

มิฉะนั้น เจ้าเจ็ดของตระกูลเขาไม่มีทางยอมก้มหน้าไปขอร้องเฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่นอน

เขาเข้าใจนิสัยของเจ้าเจ็ดเป็นอย่างดี เขาดูอ่อนโยนและใจดี แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนเย่อหยิ่งและสูงส่งอย่างมาก หากว่าไม่เข้าตาเจ้าเจ็ดจริงๆ

คนที่คุณชายเจ็ดจะตั้งใจเข้าหานั้นมีน้อยมาก ด้วยชื่อเสียงแต่สถานะของเฟิ่งชิงเฉิน ซึ่งไม่เพียบพร้อมแม้แต่ประการเดียว

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว

นั่นก็คือ เจ้าเจ็ดตั้งใจไปเข้าหานางเพื่อจะให้นางมาช่วยตน

ในชีวิตนี้มีน้องชายเช่นนี้ แม้ว่าจะต้องตาบอดไปชั่วชีวิต เขาก็เต็มใจ

"หากคิดอยากจะกระตุกกระติกต่อหน้าจิ่นหลิง มันยากมากจริงๆ" เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและกลับมายืนปกติ

"คำพูดของชิงเฉินนั้นจริงจังมากไป ข้ามิใช่คนเช่นนั้น" หวังจิ่นหลิงยังคงพูดคุยหัวเราะอย่างเป็นกันเอง ราวกับว่าไม่สนใจคำวินิจฉัยของเฟิ่งชิงเฉิน ราวกับว่าตนสามารถรับได้แล้วที่ตนจะตาบอดไปทั้งชีวิต

ท้ายที่สุดแล้ว หวังจิ่นหลิงพบหมอมานับพัน แต่ไม่มีใครกล่าวเลยว่าดวงตาของเขามีโอกาสที่จะกลับมามองเห็นได้

ไม่ใช่ว่าหวังจิ่นหลิงไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินแต่เขาได้พบหมอที่เก่งกาจมามากมาย และเขาสูญเสียความหวังที่จะหายดีไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม หวังจิ่นหลิงไม่ได้รีบร้อน แต่หวังชีกลับรีบร้อนอย่างมาก เมื่อเห็นทั้งสองพูดคุยกันแต่ไม่พูดเรื่องสำคัญเสียที หวังชีกังวลอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ