นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 431

องค์หญิงอันผิงพยายามเลือกเฟ้นข่าวลือที่ไม่ค่อยน่าฟังซึ่งเกิดขึ้นในเมืองหลวงออกมาให้แก่จักรพรรดิและจักรพรรดินีฟัง องค์จักรพรรดินียิ่งฟังยิ่งทำสีหน้าไม่น่ามอง แต่เป็นเพราะนางมีเหตุมีผลเพียงพอจึงสามารถระงับสติอารมณ์และแสดงรอยยิ้มอย่างสง่างามออกมาได้

“เสด็จแม่ ลูกไม่พอใจ ลูกไม่พอใจอย่างยิ่ง เหตุใดนางจึงได้รับชื่อเสียงอันดีงามเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินใช้การพนันเพื่อหาเงิน และนางกำลังรวบรวมฝูงชนเพื่อการพนัน แต่คนเหล่านั้นมีตาหามีแววไม่ แต่ละคนล้วนกล่าวว่านางดีเลิศ มันมากเกินไปแล้วเพคะ เสด็จแม่ ช่วยออกพระราชฎีกาตำหนิเฟิ่งชิงเฉินให้ลูกหน่อยได้หรือไม่?”

องค์หญิงอันผิงโมโหมาก เมื่อนางได้ยินคนเหล่านั้นกล่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นห่วงเป็นใยคำนึงถึงประเทศและประชากรนางก็ยิ่งรู้สึกโมโห และกล่าวหาว่าเฟิ่งชิงเฉินช่างเป็นคนหยาบคาย เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของเงิน ยกอ้างความเป็นห่วงเป็นใยที่มีต่อของประเทศมาเป็นเครื่องมือในการหาเงิน

เดิมทีนางคิดว่าผู้คนโดยมากจะเห็นด้วยกับนาง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายจากตระกูลใหญ่เหล่านั้น อีกทั้งคุณชายตระกูลขุนนางล้วนกล่าวว่านางไม่เข้าใจเจตนาดีของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินคิดค้นกลวิธีแปลกๆ เช่นนี้ขึ้นมาแต่ก็เพื่อประชาชนใต้หล้า

อุบายอะไรกัน เห็นได้ชัดว่านี่คือการพนันเงิน ใครที่มีดวงตาล้วนมองเห็นได้ทั้งนั้น หากการเดิมพันนี้ได้ผลก็จะได้กำไรมากมาย แล้วเหตุใดชาวบ้านจึงได้ยกย่องเฟิ่งชิงเฉินว่าดี แม้แต่คุณชายเหล่านั้นก็ยังเอ่ยชื่นชมเฟิ่งชิงเฉินไปเสียทุกคน

องค์หญิงอันผิงโมโหมาก แต่มือนางมีเพียงแค่สองข้างจะไปสู้หมัดสี่ข้างของศัตรูได้อย่างไร นางไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ด้วยคำพูด ดังนั้นจึงได้เดินทางกลับมาพระราชวังเพื่อฟ้องเสด็จแม่

ไม่แปลกใจเลยที่องค์หญิงอันผิงจะพ่ายแพ้ นางไม่รู้ว่าแม้การเดิมพันนี้เฟิ่งชิงเฉินจะเป็นคนคิดขึ้นมา แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการเดิมพันก็คือตระกูลใหญ่และตระกูลขุนนางต่างๆ ที่จะได้ทั้งกำไรและชื่อเสียง

บรรดาคุณชายที่พากันเข้าข้าง เฟิ่งชิงเฉิน ตระกูลของพวกเขาเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มการเดิมพันนี้ การที่องค์หญิงอันผิงกล่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นคนไม่ดี เท่ากับ กล่าวว่าพวกเขาไม่ดีเช่นกัน จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร......

ความคลุมเครือและซับซ้อนเหล่านี้องค์หญิงอันผิงไม่รู้ แต่จักรพรรดินีรู้ ดังนั้นนางจึงกล่าวได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนไม่ดี แต่ไม่อาจกล่าวได้ว่าการเดิมพันนี้ไม่ดี

การเดิมพันนี้รายล้อมไปด้วยผู้มีอำนาจส่งพลังมากมาย แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่อำนาจที่อยู่เบื้องหลังนี้ยิ่งใหญ่นัก แม้แต่มารดาของนางก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นต่อให้เป็นนางก็ไม่อาจเข้าไปยุติการเดิมพันนี้ได้ง่ายๆ

ต้องขอบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินและซูเหวินชิงเป็นคนที่มีความอดทนมากทีเดียว พวกเขาไม่เข้าไปเชิญชวนบรรดาองค์ชาย แต่ผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังองค์ชายเหล่านั้นพวกเขาก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปหา เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้เกิดเรื่องก็มีคนจะเข้ามากล่าวแทนพวกเขา

โลกนี้ช่างมืดมน ทุกสิ่งล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ โลกนี้ช่างคึกคักแต่ก็ทำเพื่อผลประโยชน์เช่นกัน ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้นั่นก็คือการเชื่อมความสัมพันธ์เข้าด้วยกัน และความสัมพันธ์ที่อ่อนแอที่สุดในโลกก็คือการใช้ความสัมพันธ์มาเชื่อมโยงด้วยเช่นกัน

พันธมิตรที่มาจากการเดิมพันนี้เป็นเพียงชั่วคราว และสิ่งที่พวกเขาออกมาพูดแทนเฟิ่งชิงเฉินก็เป็นเรื่องชั่วคราวเช่นกัน หลังจากที่ได้แบ่งผลประโยชน์กันแล้ว ก็แยกย้าย ทุกสิ่งกลับไปที่จุดเดิม เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี จักรพรรดินีก็เข้าใจดี เพียงแต่องค์หญิงอันผิงที่ไม่เข้าใจถึงสิ่งนี้

เรื่องราวเหล่านี้ จู่ๆ จะให้อธิบายออกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงอันผิงก็คงพูดได้ไม่ชัดเจน และจักรพรรดินีก็ไม่ได้ตั้งใจจะอธิบายให้นางฟัง เพียงให้สัญญาว่า “ลูกแม่อย่าได้โมโหไปเลย เฟิ่งชิงเฉินจะมีความสุขได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น แล้วแม่จะช่วยขจัดความขุ่นเคืองใจนี้ให้เจ้าอย่างแน่นอน”

องค์หญิงอันผิงเงยศีรษะขึ้นมองดู พบความดุดันเป็นประกายในแววตาของจักรพรรดินี องค์หญิงอันผิงผู้ฉลาดปราดเปรื่องจึงรู้ได้ทันที สายตาของเสด็จแม่เช่นนี้ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นก็จะมีคนตาย

และแววตานี้แม้แต่องค์หญิงอันผิงเองก็ยังกลัว องค์หญิงอันผิงเอ่ยเรียกขึ้นว่า “เสด็จแม่เพคะ?”

“ลูกแม่วางใจเถิด หากแม่ยังอยู่จะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าได้” จักรพรรดินีให้คำสัญญาอีกครั้ง

“เสด็จแม่เพคะ มีแผนการอย่างงั้นหรือ ต้องการให้ลูกช่วยหรือไม่?” ความหวาดกลัวนั้นเป็นเพียงชั่วครู่ ในไม่ช้าองค์หญิงอันผิงก็เข้าใจว่าเสด็จแม่จะไม่ทำร้ายนาง จะปูทางให้แก่นางเท่านั้น

จักรพรรดินีเผยอยิ้มขึ้นอย่างลึกซึ้งยากเกินคาดเดา นางใช้นิ้วชี้แตะไปเบาๆ ที่หน้าผากขององค์หญิงอันผิง “เจ้าช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่อาจปกปิดเจ้าได้ เจ้าไม่ต้องช่วยอันใดหรอก เพียงแค่ช่วงนี้ทำตัวให้ว่าง่าย รอดูละครฉากเด็ดเป็นพอ”

“เสด็จแม่ เสด็จแม่เพคะ จะทำสิ่งใดหรือ? เล่าให้ลูกฟังหน่อยได้หรือไม่ ลูกก็อยากจะช่วยเช่นกัน” องค์หญิงอันผิงหยุดร้องไห้ ดวงตาของนางเป็นประกายแวววาว แล้วเข้าไปดึงแขนจักรพรรดินีเอาไว้ทำนิสัยเหมือนเด็กๆ

“เอาละๆ อย่าได้วุ่นวายไป เรื่องนี้แม้จะจัดการเอง เมื่อไม่กี่วันก่อนกรมช่างหลวงได้ทำเครื่องประดับขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แม่มองดูแล้วพบว่างดงามประณีตยิ่งนัก จึงเก็บเอาไว้ให้เจ้าสองสามชิ้น เจ้าจงไปเลือกดูเถิด”

“มีอะไรงดงามกัน ล้วนเป็นสิ่งของที่หวงกุ้ยเฟยเลือกแล้วไม่ต้องการ ลูกไม่เอาหรอกเพคะ” องค์หญิงอันผิงเบะริมฝีปากพึมพำ แม้ว่านางจะกล่าวออกมาเช่นนั้นแต่ก็รีบลุกขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“ก็แค่สิ่งของเล็กน้อย จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ตงหลิงก็คือแม่ของเจ้า เรื่องนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” จักรพรรดินีตบลงไปที่ไหล่ขององค์หญิงอันผิงด้วยท่าทางเงียบสงบเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ดวงตาของนางนั้นช่างเยือกเย็นและทำให้คนที่พบเห็นเข้าใจได้ว่านางใส่ใจและกับเรื่องนี้ยิ่งนัก

ตามกฎแล้วของที่กรมช่างหลวงทำออกมา หลังจากนำไปถวายแด่องค์จักรพรรดิแล้ว องค์จักรพรรดิก็จะเลือกเอาไว้บางส่วนสำหรับตกรางวัล ส่วนที่เหลือก็จะนำส่งไปให้จักรพรรดินี หลังจากที่จักรพรรดินีเลือกที่พึงพอใจเอาไว้แล้วจึงจะมีเหลือไปถึงสนมคนอื่น

แต่ในครั้งนี้ องค์จักรพรรดิกลับรับสั่งให้นำไปให้แก่เซี่ยกุ้ยเฟย เรื่องนี้ทำให้จักรพรรดินีโกรธเคืองไม่น้อย แต่ต่อให้โกรธแล้วอย่างไรเล่า นางยังคงต้องทำเป็นใจกว้างยิ้มแย้ม

ในวังหลัง สิ่งที่สตรีทั้งหลายพากันแก่งแย่งก็คือหัวใจขององค์จักรพรรดิและอำนาจ หากไม่ได้รับความเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิ ไม่มีอำนาจคอยสนับสนุน ต่อให้เป็นจักรพรรดินีเองก็คงทำได้แต่อดกลั้นไว้ในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ