นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 451

เฟิ่งชิงเฉินวางหมากราวกับไม่ผ่านการไตร่ตรอง ยิ่งกว่ามือสมัครเล่นเสียอีก หมากที่กองอยู่เต็มตะกร้าหมาก ชวนให้ใครต่อใครสงสัยว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ในช่วงแรกๆมีคนบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินลงหมากไม่เป็น แต่เมื่อลงหมากไปได้สักระยะ แต่ละคนก็ได้แต่ปิดปากเงียบ......

เฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านลงหมากไปได้คนละ 20 ครั้งแล้ว ซูหว่านเริ่มรู้สึกตึงเครียด เฟิ่งชิงเฉินลงหมากอย่างสบายอารมณ์ ในตอนแรกผู้คนต่างก็คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะค่อยๆจนมุม แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้นางยังไม่เสียหมากเลยแม้แต่ตัวเดียว

และเมื่อพิจารณาท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว นางหาได้ดูสุขุมลุ่มลึกเหมือนคุณหนูทั่วๆไป แต่กลับมีท่าทีสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความสง่างาม ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาจากนางไปได้เลยจริงๆ บางคนแอบชำเลืองมองนาง ดวงตาของนางนั้นเหมือนกำลังยิ้มแย้มอยู่ตลอด ทว่ากลับทำเอาซูหว่านที่นั่งอยู่ตรงหน้าถึงกับหน้าซีดเลยทีเดียว

ผู้หญิงคนนี้เดาใจไม่ถูกเลยจริงๆ

เหยียนหล่าวลูบเคราของตัวเอง แล้วจู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขามาชมการประลองในครั้งนี้ มิฉะนั้นแล้ว เขาต้องพลาดเรื่องสนุกเป็นแน่

รูปแบบการลงหมากของเฟิ่งชิงเฉินคาดเดายากเหมือนนิสัยของนาง ดูเผินๆเหมือนลงหมากสุ่มสี่สุ่มห้า ปราศจากการไตร่ตรอง แต่ก็ดูเหมือนว่านางกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ในใจ

หญิงสาวตัวเล็กๆที่ดูเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่ในใจนางกลับเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี หรือจะเรียกว่าคนฉลาดที่มักจะแกล้งโง่ มิน่าล่ะคุณชายหยวนซีจึงไม่ได้ใจนางไปครอบครอง เป็นเพราะนางมองเห็นจุดอ่อนของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วนั่นเอง

คุณชายหยวนซีหาได้ต้องการขอเฟิ่งชิงเฉินแต่งงานไม่ เขารักหน้าตาตัวเองมาก แต่การที่เขายอมลงทุนลงแรงไปมากมายถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะเขาต้องการทราบว่าฉินไร้สายของเฟิ่งชิงเฉินนั้นบรรเลงเสียงออกมาได้อย่างไร เมื่อเหยียนหล่าวรู้เข้าก็รู้สึกสนใจประเด็นนี้ยิ่งนัก

เหยียนหล่าวยิ้มพลางพยักหน้าเบาๆ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีหรือไม่ นานๆทีจะได้พบเจอคนวัยหนุ่มสาวที่ดูน่าสนใจ หากปล่อยให้เรื่องนี้หลุดลอยไป ชีวิตคงจะขาดสีสัน

เฟิ่งชิงเฉินมีสีหน้าสบายอกสบายใจ แต่สมองของนางกลับกำลังประมวลผลเกี่ยวกับตำแหน่งและรูปแบบการลงหมากของซูหว่าน เนื่องจากนางใจจดจ่อเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตสายตาของเหยียนหล่าว

เฟิ่งชิงเฉินรู้ตัวดีว่าฝีมือการเล่นหมากล้อมของตัวเองยังด้อยขั้น หากต้องการเอาชนะก็ต้องอาศัยกลยุทธ์พิเศษ หัวใจสำคัญของการลงหมากคือจิตที่สงบ จิตใจที่สุขุมลุ่มลึกจะช่วยในการประเมินภาพรวมของการประลองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การที่เฟิ่งชิงเฉินลงหมากอย่างรวดเร็วราวกับไม่ผ่านการไตร่ตรองนั้น ก็เพื่อเป็นการข่มขวัญของซูหว่าน หากทำให้ซูหว่านจิตใจว้าวุ่นได้ เฟิ่งชิงเฉินจึงจะมีโอกาสชนะนาง

การลงหมากตัวแรกทำให้บางคนถึงกับพูดว่าเฟิ่งชิงเฉินเล่นหมากล้อมไม่เป็น แต่เมื่อลงหมากครั้งที่ 20 บางคนก็บอกว่าโชคเข้าข้างเฟิ่งชิงเฉิน แต่หลังจากที่กระดานหมากมีหมากวางมาเกินครึ่งหนึ่งแล้ว ก็หาได้มีผู้ใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนั้นอีกเลย

มาถึงครึ่งทางแล้ว คนที่เล่นหมากไม่เป็นจะไม่เสียหมากสักตัวเลยหรือนี่? ฝ่ายที่เสียเปรียบหมากดำในตอนแรกกำลังกดดันให้คู่แข่งจนมุมอย่างนั้นหรือ?

หากจะพูดเรื่องโชค แต่ไหนแต่ไรมา การเล่นหมากล้อมก็ไม่ได้อาศัยเรื่องโชคแต่อย่างใด

ซูหว่านถือหมากดำอยู่ในมือ นางยังคงวางมาดงามสง่า แต่ทว่ากลับขาดความสงบนิ่ง ความมั่นใจและความสบายใจที่มีตอนเริ่มต้นก็หายไปเสียแล้ว หน้าผากของนางมีเหงื่อท่วม แววตาก็ดูขาดความเชื่อมั่นลงไปมาก

ซูหว่านเสียสมาธิแล้ว ตอนนี้จิตใจนางฟุ้งซ่าน เนื่องจากนางคาดหวังชัยชนะ การลงหมากตัวนี้จึงใช้เวลาครุ่นคิดมากกว่าปกติ แต่จนแล้วจนรอดนางก็ยังไม่ลงหมากเสียที

และในตอนนี้เองนางจึงเข้าใจว่าตนเองถูกเฟิ่งชิงเฉินลวงเสียแล้ว คนที่ไร้ฝีมือทางศาสตร์ศิลป์ คำสบประมาทนี้เป็นเพียงคำเล่าขานของผู้ที่ยังไม่รู้จริง เฟิ่งชิงเฉินหาได้เคยยอมรับมาก่อนว่าตัวนางเองด้อยเรื่องงานศาสตร์ศิลป์

เรื่องฉินยังไม่ต้องพูดถึง เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลัง ส่วนเรื่องการเล่นหมากล้อม ซูหว่านกระจ่างใจแล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินฝีมือเหนือชั้นมาก

แต่สิ่งที่ซูหว่านไม่เข้าใจเลยก็คือ เหตุใดนางจึงไม่เคยเห็นเฟิ่งชิงเฉินประลองหมากกับผู้ใดมาก่อนเลย นางไปเรียนวิชาหมากจากผู้ใดมานะ ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมามองเฟิ่งชิงเฉิน ความสนใจของนางเปลี่ยนจากกระดานหมากมาเป็นใบหน้าเฟิ่งชิงเฉินเสียแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินยังคงมีสีหน้าตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ใครหลายๆคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางเล่นหมากล้อมไม่เป็น แต่นางหาได้ใส่ใจไม่ มาตอนนี้นางสามารถกดดันซูหว่านจนเหงื่อท่วมหน้าผาก แต่นางก็หาได้รื่นเริงแต่อย่างใด ยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยตามเดิม

เฟิ่งชิงเฉินดื่มชาพลางมองดูกระดานหมากอย่างใจเย็น นางไม่เร่งเร้าซูหว่านแม้แต่น้อย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดซูหว่านก็ลงหมาก หลังจากนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็ทำตามเหมือนอย่างเคย นางวางหมากโดยแทบไม่ต้องคิด ท่าทางสบายอารมณ์ของนางทำให้ใครต่อใครต่างพากันสงสัยว่านางวางหมากอย่างซี้ซั้ว เพียงแต่มีโชคมาเข้าข้าง จึงทำให้นางต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้เรื่อยๆ

แน่นอนว่าคำพูดทำนองนี้พูดกันแค่ในใจ หามีผู้ใดกล้าเอ่ยออกมาไม่ นี่เป็นเพียงการคิดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น การเล่นหมากล้อมหากอาศัยโชคได้แล้วล่ะก็ จะมีตำราสอนเล่นหมากล้อมไว้เพื่ออะไรล่ะ

ซูหว่านมีท่าทีที่สุขุม นางดูหนักแน่น หลายๆคนจึงคิดว่านางคงเอาชนะเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างขาดลอยภายในเวลาเพียงครู่เดียว นึกไม่ถึงเลยว่าการประลองหมากผ่านมาครึ่งทางแล้ว นางยังไม่สามารถโค่นหมากของเฟิ่งชิงเฉินได้แม้แต่ตัวเดียว แม้เฟิ่งชิงเฉินจะยังไม่ชนะขาดลอย แต่ซูหว่านก็รู้ดีว่าตนเองไม่สามารถเทียบชั้นกับเฟิ่งชิงเฉินได้

ซูหว่านยิ่งลงหมากยิ่งกดดัน นางรู้ดีว่านางจะเสียเปรียบอีกครั้งไม่ได้แล้ว หากการลงหมากครั้งนี้นางเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ องค์ชายสามไม่มีทางปล่อยนางไปแน่นอน แม้ว่าองค์ชายสามจะไม่ได้เดิมพันว่านางจะต้องชนะเฟิ่งชิงเฉินถึง 7 รอบ แต่ก็เดิมพันว่านางจะต้องชนะถึง 5 รอบ แพ้ 2 รอบและเสมอ 1 รอบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ