นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 453

สรุปบท บทที่ 453 การบาดเจ็บที่อาจเสียความบริสุทธิ์: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 453 การบาดเจ็บที่อาจเสียความบริสุทธิ์ – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 453 การบาดเจ็บที่อาจเสียความบริสุทธิ์ ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เฟิ่งชิงเฉินกลับมายังที่พำนัก นางปิดประตูและปฏิเสธการรับแขกทุกกรณี เฟิ่งชิงเฉินกำชับทงเหยาและทงจือเป็นพิเศษว่า นอกจากฮ่องเต้หรือท่านอ๋องเสด็จมาเยือนด้วยองค์เองแล้ว ใครหน้าไหนก็อย่าได้เข้ามารบกวนนาง ต่อให้ท้องฟ้าจะถล่มลงมาก็ช่าง

ผู้ที่ไม่รู้อะไรต่างก็เข้าใจว่าเฟิ่งชิงเฉินคงกำลังเตรียมใจเรื่องการประลองในวันรุ่งขึ้น แต่ทงเหยาและทงจือเข้าใจดีว่านายหญิงของตนนั้นเพียงแค่ขี้เกียจและอยากนอนทั้งวันก็เท่านั้น หาได้วิตกเรื่องการประลองไม่

เหอะๆ......หากจะใช้คำว่านอนทั้งวันก็ดูเหมือนจะรุนแรงเกินไป ควรจะบอกว่านางใช้สมองหนักจึงต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการประชันด้านการเขียนตัวอักษรในวันพรุ่งนี้ เฟิ่งชิงเฉินหาได้เป็นกังวลไม่ นางเองก็เตรียมพร้อม แต่การเตรียมพร้อมจะมีประโยชน์หรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องที่นางจะตอบได้ การประชันการเขียนตัวอักษรกับซูหว่านนางต้องแพ้อยู่แล้ว นำจุดอ่อนของตัวเองไปแข่งกับความเชี่ยวชาญของผู้อื่น นี่คงเป็นเรื่องที่นางทำบ่อยน่ะสินะ

เฟิ่งชิงเฉินนอนจนฟ้ามืดสนิท หลังจากนั้นนางจึงพบว่าคนที่หัวถึงหมอนก็หลับง่ายเช่นนาง มาวันนี้กลับตาสว่างยามค่ำคืน นางนอนไม่หลับ จึงตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปจุดโคมไฟอ่านหนังสือ นางมิได้อ่านตำราปรัชญาอะไรหรอก แต่ไปอ่านตำราแพทย์

ช่วงนี้นางกำลังเรียนแพทย์แผนจีน เนื่องจากนางเป็นหมอที่จบการแพทย์แผนตะวันตกมา การเรียนแพทย์แผนจีนด้วยตนเองจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากนัก นางเรียนรู้ได้รวดเร็ว แม้ระดับความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนของนางยังไม่โดดเด่นเท่าไรนัก แต่ก็พอตรวจหาโรคเบื้องต้นได้สบาย เพียงแต่ยังไม่สามารถลงมือรักษาได้

เมื่อยามดึกสงัด เฟิ่งชิงเฉินจึงเริ่มจะง่วงนอน นางเตรียมตัวไปเข้านอน แต่เมื่อเปิดประตูก็ดันไปได้กลิ่นคาวของเลือดเข้า

"นั่นใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ" เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเสียงดังในขณะที่นางยังยืนอยู่ตรงประตู

ด้านนอกที่พำนักมีผู้ตรวจตราคอยเฝ้าอยู่ นางไม่ได้ยินเสียงการปะทะแม้แต่น้อย แสดงว่าผู้ที่บุกเข้ามาถึงในนี้ได้ จะต้องฝีมือไม่ธรรมดาแน่

"ข้าเอง อย่าเสียงดังสิ" หลานจิ่วชิงออกมาจากมุมลับภายในห้องหนังสือ มือขวาของเขากดไว้ตรงหน้าท้องเพื่อเป็นการห้ามเลือด

เสียงของเขาแผ่วเบา ลมหายใจอ่อนแรง เขาคงเจ็บมิใช่น้อย

"จิ่วชิง? ท่านได้รับบาดเจ็บอีกแล้วหรือนี่?" เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ ต้องเข้าใจก่อนว่าหลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินมีคนคอยตามอารักขาแล้ว ก็แทบไม่มีใครย่องมาขอให้นางช่วยรักษาโรคให้ในยามวิกาลเลย

แน่นอนว่าผู้ที่มักจะรบกวนนางยามดึกเป็นประจำจะมีเพียงแค่หลานจิ่วชิง แต่รัชทายาทแห่งซีหลิงก็เคยเสด็จมาแล้วครั้งหนึ่ง นางจึงควรระวังตัวอยู่ตลอด หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของซีหลิงเทียนเหล่ยแล้วล่ะก็ ต่อให้นางรักษาชีวิตให้รอดตายออกมาได้ แต่ความไร้มลทินนางอาจไม่สามารถรักษามันไว้ได้ นางไม่เคยลืมสายตาที่ซีหลิงเทียนเหล่ยมองมาที่นางเลย

ภายใต้ความมืด หลานจิ่วชิงยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ "อืม เจ้าช่วยจัดการแผลให้ข้าหน่อยนะ พรุ่งนี้ข้ายังมีเรื่องให้ไปจัดการอีก"

"ไปที่ห้องหนังสือก่อนก็แล้วกัน" เฟิ่งชิงเฉินไม่ทันได้ถามหลานจิ่วชิงว่าฝ่าด่านคนคุ้มกันเข้ามาได้อย่างไร นางเปิดประตูแล้วหันมาเชิญหลานจิ่วชิงเข้าไปภายในห้อง

แม้นางจะเคยให้คำมั่นว่าหากหลานจิ่วชิงเอ่ยปากขอสิ่งใดนางก็จะพยายามช่วยเหลือเท่าที่นางจะทำได้ แต่นางก็ไม่เคยคิดที่จะก้าวก่ายชีวิตหรือเรื่องส่วนตัวของเขาเลย

"ท่านไปนอนพักบนฟูกหลังฉากบังลมก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะไปหยิบของ" เฟิ่งชิงเฉินปิดประตูห้องหนังสือแล้วเดินไปทางห้องของทงจือและทงเหยา

เรื่องบางเรื่อง ก็ควรให้พวกนางรับรู้บ้าง

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินไปแล้ว หลานจิ่วชิงก็หยิบของจากอกเสื้อออกมา เขาอยากนำของสิ่งนี้คืนให้เฟิ่งชิงเฉินหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะไม่ได้สักที ตอนนี้เขาบาดเจ็บ หากไม่พักฟื้นสักระยะคงไม่ได้ จึงใช้โอกาสนี้นำของคืนให้เฟิ่งชิงเฉิน ส่วนนางจะคิดอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องของนาง

หลานจิ่วชิงนำของวางไว้ใต้ที่นอน เขาเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเข้าใจว่านั่นหมายความว่าอย่างไร

จะว่าไปแล้ว ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะซวยแทนปู้จิงหยุน หากปู้จิงหยุนไม่ละทิ้งหน้าที่การงาน มีหรือที่เขาจะต้องมาบาดเจ็บอยู่เช่นนี้

"ท่านนอนดีๆอย่าขยับตัวล่ะ เดี๋ยวข้าจะไปยกน้ำมา" เฟิ่งชิงเฉินเดินออกไปรับของจากทงจือและทงเหยา แล้วจึงสั่งทงจือว่า "ทงจือ ให้คนครัวตุ๋นไก่มาสักหม้อหนึ่งนะ"

"เจ้าค่ะ" ทงจือเข้าใจว่าเฟิ่งชิงเฉินไว้วางใจพวกนาง แต่พวกนางก็รู้ดีว่าควรวางตัวให้เหมาะสม สิ่งใดไม่ควรถามก็ไม่ต้องเอ่ยถาม

"ทงเหยา ตรงนี้ข้าให้เป็นหน้าที่เจ้า หากไม่มีคำสั่งจากข้า ใครหน้าไหนก็ห้ามเข้าไปเด็ดขาด" ผู้ที่คอยอารักขาด้านนอกเป็นคนของจวนซู่ชินอ๋อง ถึงแม้จะถูกมอบให้นางแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อใจทุกคนได้ ดีที่มีทงเหยามาช่วยนางอีกแรง

นี่คือข้อดีของการมีคนของตัวเอง ก่อนหน้านี้นางมีโจวสิงคอยจัดการทุกอย่างให้ ทำให้นางเบาใจลงไปมาก

เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามาภายในห้องหนังสือแล้วจัดเตรียมข้าวของ นางขยับโคมไฟเข้ามาใกล้ ทำให้บริเวณนั้นสว่างจ้า

ห้องหนังสือสว่างไปทั่วห้อง ทำให้ฝ่ายตรวจตราสังเกตเห็น เหล่าผู้อารักขารีบวิ่งกรูเข้ามา เมื่อเห็นทงเหยายืนเฝ้าอยู่ทุกคนจึงโล่งใจ เมื่อถามไถ่ทงเหยาจนแน่ใจว่าทุกอย่างปกติดีแล้ว เหล่าผู้อารักขาก็ค่อยๆกลับออกไป

เฟิ่งชิงเฉินซึ่งกำลังล้างแผลให้หลานจิ่วชิงอยู่ก็รู้สึกโล่งใจที่มีทงเหยาเฝ้าด้านนอก มิฉะนั้นแล้วนางคงต้องออกไปอธิบายให้ใครต่อใครฟัง เสียเวลายิ่งนัก

บาดแผลที่ช่องท้องของหลานจิ่วชิงยาวประมาณ 10 เซนติเมตร กว้างราวๆ 3-4 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตร หากปลายของมีคมแทงลึกมากกว่านั้นอีกนิดเดียว หลานจิ่วชิงคงไม่รอดชีวิตแน่

เนื่องจากตำแหน่งของบาดแผลค่อนข้างจะพิเศษ เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดผ้ารอบๆบาดแผลออก แล้วบอกหลานจิ่วชิงให้ดึงกางเกงลง มิฉะนั้นนางจะตัดออกให้หมด แล้วหลานจิ่วชิงก็จะไม่มีกางเกงใส่

หลานจิ่วชิงนอนตัวแข็งทื่อ เขาไม่กล้ากระดิกตัวแม้แต่น้อย และในตอนนี้เองเขาก็รู้สึกว่าตนเองบาดเจ็บในจุดที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ตอนเฟิ่งชิงเฉินเช็ดแผลก็ไปสัมผัสกับจุดที่ไม่สมควรไปสัมผัส หากเขาคุมตัวเองไม่เก่งพอ ไม่แน่ว่าของบางอย่างที่ไม่ควรลุกขึ้นมาอาจจะลุกขึ้นมาต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉินก็เป็นได้ หลังจากที่เขาปลดกางเกงแล้ว ด้านล่างจะมีสภาพอย่างไร เขาเองก็เกรงว่าจะเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ