บทที่ 456 ฉกฉวยโอกาศ เมล็ดข้าวเม้ดเล็ก ๆ ก็สามารถเจิดจรัสออกมาได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 456 ฉกฉวยโอกาศ เมล็ดข้าวเม้ดเล็ก ๆ ก็สามารถเจิดจรัสออกมาได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เฟิ่งชิงเฉินพลันมีความคิดที่ชั่วร้ายออกมา ถ้าหากวันพรุ่งนี้ นางทำตัวหยาบคายหยิบอาภรณ์ชุดขาวมาสวมใส่ละก็ ไม่รู้ว่าซูหว่านจะสวมใส่อาภรณ์ชุดขาวเช่นเดียวกับนางหรือไม่ แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่า ตัวนางเหมาะกับอาภรณ์สีขาวยิ่งนัก เช่นเสื้อกราว์สีขาว
แน่นอนว่าความคิดเช่นนี้ นางได้แต่แอบคิดอยู่ภายในใจเพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่อาจทำขึ้นมาจริง ๆ ได้ ใต้หล้าทั้งเก้าแคว้นนั้น นอกจากจะสวมใส่อาภรณ์สีขาวเพื่อแสดงความกตัญญูต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว การสวมใส่อาภรณ์สีขาวยังนับได้ว่าเป็นสีต้องห้ามด้วยเช่นกัน ในสายตาของคนยุคโบราณนั้น การสวมใส่อาภรณ์สีขาว นับว่าเป็นสีที่ไม่มงคล หากว่าสวมใส่อาภรณ์สีข่าวเพื่อไว้ทุกข์แล้วละก็ ไม่สมควรที่จะสวมชุดไว้ทุกข์เพื่อออกจากบ้านเป็นอันขาด
มิเคยได้ยินประโยคที่ว่าหรือ หากต้องการแสดงความกตัญญูออกมา ให้สวมใส่ชุดขาว สตรีที่ถูกสอนมาอย่างเข้มงวด มักจะสวมใส่อาภรณ์สีขาวเสียส่วนใหญ่ อีกทั้งในยามที่อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ สตรีพวกนี้มักจะไม่ออกมาจากจวนเลย ทั้งยังไม่มีผู้ใดมาหาสตรีเหล่านี้อีกด้วย เนื่องจากกลัวว่า พวกนางจะนำพาความโชคร้ายมาให้
ยามที่ไปงานเลี้ยงบ้านใด หากงานนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน กลับมีเจ้าคนเดียวที่สวมใส่ชุดขาว มิใช่เป็นการสร้างความลำบากใจให้กับเจ้าบ้านหรอกหรือ ทว่า หากสวมสีอ่อน ๆ เรียบ ๆ ไปก็ไม่ดี นั่นแสดงถึงความอ่อนแอ
แม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อยบางเรื่อง ก็สามารถเป็นตัวกำหนดได้ว่า เจ้าสมควรที่จะเข้าร่วมงานสังคมนั้น ๆ หรือไม่ ของพวกนี้เฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับพวกมันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าบิดามารดาของนางจะสิ้นชีพไปแล้วทั้งคู่ หากนางสวมใส่ชุดขาว ย่อมไม่มีคนกล้าพูดสิ่งใด แต่นอกจากยามที่นางยืนอยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว นางมิเคย ที่จะสวมอาภรณ์สีขาวออกนอกจวนเลยแม้แต่น้อย
ยามที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดเรื่องไม่ดีออกมา หากว่านางและซูหว่านสวมใส่อาภรณ์สีขาวสีเดียวกันออกมาละก็ จะมีคนสงสัยหรือไม่ว่า ตระกูลซูเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่ ฉับพลัน เสด็จอาเก้าที่เป็นหนึ่งในผู้ตัดสินการประลองในครานี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
แม้ว่าผู้อื่นจะมิได้สนใจ แต่เสด็จอาเก้ากลับเห็นแววตาซุกซนของเฟิ่งชิงเฉิน ที่เต็มไปด้วยความขบขันเสียมากมายได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเช่นนั้น เสด็จอาเก้าก็รู้ได้ทันทีว่า เฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดสิ่งใดที่ไม่ดีออกมาเป็นแน่ ในทุก ๆ ครั้งที่นางมีความพิเรนทร์อยู่ในหัว นางมักจะเป็นเช่นนี้ เฉกเช่นในค่ำคืนเมื่อวานนี้
เมื่อคิดถึงเรีื่องของเมื่อคืน ใบหูของเสด็จอาเก้าพลันเกิดอาการแดงก่ำขึ้นมาในทันที
ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกประหลาดใจ พร้อมทั้งหันตัวมองรอบกาย นอกจากเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านที่สวมใส่อาภรณ์สีเดียวกันแล้ว หาได้มีสิ่งผิดปกติอื่นใดไม่?
แน่นอนว่าผู้อื่นมิได้มาสนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยเช่นเขา
เมื่อเหล่าคณะกรรมการเดินเข้ามานั้น มีทั้งเสด็จอาเก้า องค์รัชทายาท ทั้งเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านเองต่างก็มิได้รับการยกเว้น สตรีทั้งสองพลันลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เพื่อทำความเคารพต่อพวกเขาต่อหน้าผู้คนในทันที
"มิต้องมากพิธี" เสด็จอาเก้าคือคนของฝั่งตงหลิง ในคณะกรรมการทั้งเจ็ดนั้น เสด็จอาเก้าเป็นผู้ที่มีฐานะสูงที่สุด พระองค์จึงได้นั่งอยู่ตรงกลางและมีอำนาจในการพูดและตัดสินใจมากที่สุด
เมื่อนั่งลง เสด็จอาเก้าพลันหันไปส่งสัญญาณให้ขันทีว่าให้เริ่มได้ ท่าทางของเสด็จอาเก้านั้น เต็มไปด้วยความรวดเร็วและฉับไวยิ่งนัก
"โต๊ะเก้าอี้ได้จัดเตรียมไว้แล้วขอรับ เชิญคุณหนูทั้งสองลงมือได้เลย" น้ำเสียงเล็กแหลมของขันทีพลันประกาศกร้าวออกมา
เสด็จอาเก้าที่นั่งอยู่ตรงกลาง ไม่มีท่าทีโมโหแต่อย่างใด พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ไร้อารมณ์ออกมา สายตาของเสด็จอาเก้าพลันกวาดตามองไปทั่วร่างเฟิ่งชิงเฉิน พร้อมกับความวูบไหวที่เกิดขึ้นภายในดวงตา ที่มิอาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
เฟิ่งชิงเฉินพลันพาเด็กน้อยคนหนึ่งมาด้วย นางหาได้มีสิ่งใดติดไม้ติดมือมาด้วยไม่
แล้วนางจะเอาสิ่งใดเขียนอักษรกัน? เฟิ่งชิงเฉินมิรู้หรือว่า การประลองในวันนี้ จักต้องเตรียมอุปกรณ์ฝนหมึกพู่กันกระดาษมาด้วยตนเอง? หรืิอว่า นางเตรียมใจที่จะยอมแพ้มาแล้ว?
แท้จริงแล้วการประลองในครานี้ หาได้มีความยุติธรรมไม่ อีกทั้งระดับมีฝีมือของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองก็หาได้อยู่ในระดับเดียวกัน แม้แต่อุปกรณ์ฝนหมึกพู่กันกระดาษก็ยังมิใช่สิ่งของชนิดเดียวกันอีก เช่นนี้ผลงานที่ได้ ย่อมแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรการใช้น้ำหมึก พู่กันและกระดาษที่นำมาเขียน เป็นของที่ดีกว่านั้น คนผู้นั้น ย่อมคว้าชัยกลับไปได้โดยง่าย
แน่นอนว่า การประลองในทุก ๆ ครั้ง แม้จะดูเหมือนว่ามีความยุติธรรม แต่แท้จริงแล้ว ทุกการแข่งขันในโลกใบนี้ หาได้มีความยุติธรรมไม่ เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจเป็นอย่างดี ฉะนั้นแล้ว นางหาได้สนใจการประลองที่ไม่มีความยุติธรรมเช่นนี้ไม่ อีกทั้งนางก็ไม่ได้คิดที่จะต้องมาแข่งขันกับซูหว่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทั้งเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านต่างก็พากันลุกขึ้นยืน หลังจากที่ทำความเคารพเสด็จอาเก้านั้น พวกนางก็พากันอยู่ที่เดิม ซูหว่านจึงสั่งให้สาวใช้ของนาง ไปนำอุปกรณ์ฝนหมึกพู่กันกระดาษมาวางเรียงกันเอาไว้ ยามที่ของถูกจัดวางลงมานั้น สายตาของทุกคนก็พลันสนใจไปที่สิ่งของพวกนั้นในทันที
"ตระกูลซูใช้เงินมือเติบยิ่งนัก พู่กันเล่มนั้นหากข้ามองไม่ผิดไปละก็ มันคือพู่กันหลงหาวที่ราชวงศ์ก่อนได้ตั้งชื่อให้ พู่กันหลงหาวนั้นมีเพียงตระกูลชุยเท่านั้นที่สามารถทำออกมาได้ ขนพู่กันมิมีหลุดลุ่ย ยามจุ่มลงไปในน้ำหมึกขนไม่มีทางแตกออก นับว่าเป็นสิ่งของที่ราชวงศ์ก่อนได้เคยหยิบใช้งาน แต่พู่กันนี้ได้สูญหายไปพร้อมกับราชวงศ์ก่อนและการล่มสลายของตระกูลชุยไปแล้ว มิคิดว่า แม้แต่ตระกูลซูเองก็จะมีของสิ่งนี้ไว้ครอบครองเช่นเดียวกัน"
หากนางมิได้เตรียมอุปกรณ์ฝนหมึกพู่กันกระดาษมาก็แล้วไป แต่นางก็มิควรเตรียมของเช่นนี้มามิใช่หรือ?
อย่าได้เอ่ยแต่เพียงผู้ที่มาชมการแข่งขัน แม้แต่คณะกรรมการผู้ตัดสินทั้งเจ็ดคน ก็ยังคงยืดคอมองออกไปดู เพื่อยืนยันกับตนเองว่า พวกเขาหาได้มองผิดไปไม่ มิเช่นนั้น ก็คงเป็นเฟิ่งชิงเฉินที่บ้าเกินไปกระมัง
มือของซูหว่านพลันหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันหัวเราะออกมา ด้วยท่าทีสง่างามเหมือนเช่นเคย แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่า เสียงหัวเราะของนาง มันเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและดูถูกเฟิ่งชิงเฉินมากเพียงใด
เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าสายตาที่ดูงงงวย ดูถูกและความเยาะเย้ยต่าง ๆนานา เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่คลี่ยิ้มบาง ๆ เท่านั้น ราวกับว่าความหมายที่พวกเขาสื่อออกมา เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจมันไม่
แต่เดิม นางก็มิได้คิดที่จะต้องมาประมือกับซูหว่านอยู่แล้ว ที่นางมาในวันนี้ ก็เพียงเพื่อที่จะลองมาฉกฉวยโชคชะตาของตนเองดู ไม่ว่านางจะคว้าชัยชนะมาได้หรือไม่ ก็ต้องมาดูกันแล้วว่า ระหว่างโชคชะตาของนางจะสามารถแข็งแกร่งเทียบเท่าอำนาจของเสด็จอาเก้าหรือไม่กัน
"เฟิ่งชิงเฉิน หากเจ้ามิได้นำอุปกรณ์ฝนหมึกพู่กันกระดาษ ข้าจะให้คนนำมาส่งให้เจ้าชุดหนึ่ง" ผู้อาวุโสเหยียนพลันลูบเคราแพะของตนไปมา หากมิได้สนใจหน้าตาของตนเองแล้วละก็ เกรงว่า เขาคงจะเหมือนกับคุณชายหยวนซีเช่นกัน ที่ทำท่าทางชะโงกหน้าออกไปมองพร้อมกับดวงตากลมโตราวกับว่าจะถลนออกมาก็ไม่ปาน สูญเสียท่วงท่าที่น่าเคารพไปเสียหมด
"อะแฮ่ม ข้าเองก็มีชุดอุปกรณ์ฝนหมึกพู่กันกระดาษที่ไม่เลวอยู่ชุดหนึ่งเช่นกัน" หลังจากที่คุณหชายหยวนซีได้สติกลับมานั้น ก็พลันกลับมานั่งตัวตรง พร้อมกับนั่งคร่ำครวญภายในใจว่า บางทีเขาและเฟิ่งชิงเฉินอาจจะมีดวงไม่ค่อยสมพงศ์กันก็เป็นได้ เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนเดียว ที่สามารถทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปได้ ทั้งยังมิใช่เพียงครั้งเดียวอีกด้วย
"ขอบคุณความเมตตาของท่านผู้อาวุโสเหยียนและคุณชายหยวนซีมากเจ้าค่ะ ชิงเฉินใช้เพียงสิ่งนี้ก็พอแล้ว" เฟิ่งชิงเฉินเพียงชี้ไปที่สิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ํะ พร้อมกับแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย
"สิ่งของบนโต๊ะนั่นนะหรือ? แม้แต่กระดาษสักแผ่นก็ไม่มีเช่นนี้ เจ้าจะเขียนลงไปที่ใดกัน? เขียนบนโต๊ะหรือ? หรือว่าเจ้าจะเขียนลงไปในเม็ดข้าว" คุณชายหยวนซีพลันทำปากขมุบขมิบเล็กน้อย เขาพลันรู้สึกว่า ตนเองมิเข้าใจความคิดของเฟิ่งชิงเฉินเลยสักนิด
คราวก่อนเป็นฉินไร้สาย ในยามนี้ยังมาเป็นข้าวสารอีก พร้อมกับไม้กิ่งหนึ่งที่คล้ายว่าจะเป็นพู่กัน ทั้งยังมีความเล็กและบางกว่าเข็มยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉิน นางจะทำตัวปกติเสียหน่อยมิได้หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...