นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 457

ฉินหมากอักษร การประลองทั้งสามอย่างนี้ นอกจากซูหว่านที่ทำทุกอย่างเหมือนคนปกติแล้ว เฟิ่งชิงเฉินหาได้ทำตัวเหมือนคนปกติไม่ คุณชายหยวนซีอยากจะผ่าสมองของเฟิ่งชิงเฉินออกมาดูยิ่งนัก ว่าสมองของนางบรรจุสิ่งใดเอาไว้บ้าง

"คุณชายหยวนซีกล่าวได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ชิงเฉินต้องใจเขียนตัวอักษรลงบนข้าวสารจริง ๆ " เฟิ่งชิงเฉินตอบกลับ

"จะเป็นไปได้อย่าง? เมล็ดข้าวสารก็สามารถเขียนตัวอักษรลงไปได้ด้วยหรือ" ไม่เพียงแต่คุณชายหยวนซีที่รู้สึกไม่เชื่อ คนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าที่ไม่เชื่อใจเช่นเดียวกัน มีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้น ที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนสี เขาพอจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดเฟิ่งชิงเฉินถึงไม่มีท่าทีกังวลใจ ยามต้องมาแข่งขันกับซูหว่านเลยแม้แต่น้อย ที่แท้ นางก็ได้เตรียมการรับมือเอาไว้เนิ่น ๆ มาตั้งแต่แรกแล้วนี่เอง

การรับมือของเฟิ่งชิงเฉิน กับหมากที่นางลงไปช่างคล้ายคลึงกันยิ่งนัก ทั้งแปลกประหลาดและยากที่จะคาดเดาทิศทางได้ ทั้งยังไม่มีผู้ใดคาดคิดอีกด้วย

"มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้กัน คุณชายหยวนซีอย่าได้ดูถูกเม็ดข้าวเล็ก ๆ ไป ถึงแม้ว่าเม็ดขาวจะมีความเล็ก แต่ทว่า ประโยชน์ของมันหาได้เล็กตามตัวไม่" เฟิ่งชิงเฉินพลันหยิบเม็ดข้าวออกมาไว้ในมือของตน "คุณชายหยวนซีไม่เชื่อหรือ ว่าข้าจะสามารถเขียนตัวอักษรลงบนเม็ดข้าวได้ใช่หรือไม่?"

เรื่องนี้ จะเชื่อหรือว่าไม่เชื่อดี?

คุณชายหยวนซีกำลังตกอยู่ในความสับสน ปัญหานี้ดูไม่ค่อยน่าตอบนัก หากกล่าวตามตรงเขาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่จากท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ดูสงบนิ่งยิ่งนัก หากเขากล่าวว่าไม่เชื่อ แล้วเฟิ่งชิงเฉินสามารถเขียนตัวอักษรลงบนเมล็ดข้าวได้ละก็ เขาย่อมต้องขายหน้าเป็นแน่

หากเขากล่าวว่าเชื่อ มันก็จะดูเหมือนว่า เขาเอนเอียงไปทางเฟิ่งชิงเฉิน เขาในยามนี้เป็นถึงคณะกรรมการผู้ตัดสินการประลอง การตัดสินใจย่อมต้องยุติธรรม

เฟิ่งชิงเฉินหาได้รอให้คุณชายหยวนซีตอบรับไม่ เพียงกล่าวออกมาว่า "ซูหว่านสามารถเขียนอักษรบนผ้าไหมได้ ชิงเฉินย่อมสามารถเขียนอักษรลงบนเม็ดข้าวได้เช่นกัน การประลองตัวอักษรหาได้มีกฎกติกาไม่ว่าต้องเขียนอักษรลงแต่บนกระดาษเพียงอย่างเดียว"

เฟิ่งชิงเฉิินกำลังใช้ช่องโหว่ของกฎกติกา ไม่ว่าจะเป็นกฎใด ๆ ย่อมมีช่องโหว่ในตัวของมันอยู่เสมอ มิต้องพูดถึงการประลองเช่นนี้เลย แม้แต่กฎหมายของแว่นแคว้น ย่อมต้องมีช่องโหว่ด้วยเช่นกัน

"แน่นอนว่า ย่อมไม่มีกฎเช่นนี้" ผู้อาวุโสเหยียนพลันพยักหน้าลง ราวกับว่าตกลงที่จะให้เฟิ่งชิงเฉินเขียนอักษรลงบนเม็ดข้าว

ซูหว่านเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หากเป็นเมื่อก่อนละก็ ซูหว่านย่อมคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะสร้างความประทับใจให้กับผู้คนเป็นแน่ ทว่า หลังจากผ่านเหตุการณ์ฉินไร้สายมานั้น เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่เป็นสตรีกลับกลอกเท่านั้น นางไม่อาจหาเหตุผลใด ๆ มาตอบโต้คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินได้เลยแม้แต่น้อย

"เฟิ่งซิ่ว เจ้าจะเขียนอักษรลงบนเม็ดข้าวจริง ๆ หรือ? ตรงนั้น มีเมล็ดข้าวถึงร้อยเม็ดเช่นนี้ คงมิใช่ว่าเขียนหนึ่งตัวอักษรต่อหนึ่งเม็ดข้าวกระมัง?" ซูหว่านแสร้งทำเป็นเตือนด้วยความหวังดี แต่มิอาจปกปิดความชั่วร้ายภายในใจที่นางมีต่อเฟิ่งชิงเฉินไปได้

ผู้คนที่อยู่ที่นี่หาใช่คนโง่เง่าไม่ พวกเขาจักไม่เข้าใจได้อย่างไร ยังมิทันจะรอให้เฟิ่งชิงเฉินตอบกลับ คุณชายหยวนซีพลันพูดขึ้นมาก่อนว่า "ซูซิ่ว เรื่องนี้หาใช่สิ่งที่ท่านจะต้องกังวลไม่ เกณฑ์ในการตัดสินใจอยู่ที่คณะกรรมการทั้งเจ็ดคน เจ้าเพียงทำผลงานของตนเองให้ดีก็พอ"

ทันทีที่คุณชายหยวนซีพูดจบ เขาก็พลันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาในทันที เมื่อชำเลืองมองข้างกาย ก็พลันสบสายตากับเสด็จอาเก้าพอดิบพอดี เสด็จอาเก้าจึงส่งสายตากล่าวเตือนไปทางคุณชายหยวนซีว่า เรื่องของเฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามิต้องมายุ่ง

เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณชายหยวนซีพลันก้มหน้าลงโดยไว เพื่อหนีไอสังหารที่เสด็จอาเก้ามองมา พร้อมกับนั่งหลังตรง มองไปยังด้านหน้าราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก

หึ เสด็จอาเก้าพลันพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา มิมองคุณชายหยวนซีอีก

เจ้าน่าตายนี่ รนหาที่นัก

แม้ว่าสีหน้าของคุณชายหยวนซีจะทำเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ภายในใจ เขาเอาแต่ก่นด่าเสด็จอาเก้าไม่หยุด ท้ายที่สุดเอาเรื่องที่เสด็จอาเก้าอายุน้อยกว่าเขา แต่กลับมีอำนาจในการหยุดเขาได้ ดูเหมือนว่าของเช่นนี้ ดูจะสืบมาจากทางสายเลือดของตระกูลหลาน ที่เหลือทายาทอยู่เพียงผู้เดียวกระมัง เชื้อพระวงศ์ของพระเจ้า

บุรุษทั้งสอง ต่างมีอายุอานามห่างกันถึงสิบกว่าปี ทว่า กลับมาทะเลาะกันเพียงเพราะสตรีนางเดียว อีกทั้งพวกเขาหาได้ปิดบังเรื่องราวไม่ คล้ายกับศึกแย่งชิงน้ำส้มเปรี้ยวยิ่งนัก พวกเขาทำเกินไปจริง ๆ

แต่ทว่า คนส่วนมากก็ยังคงรู้สึกสนุกสนามที่ได้ดูงิ้วฉากนี้เช่นกัน การประลองของเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านนั้น ย่อมน่าสนใจอยู่แล้ว เมื่อรวมงิ้วฉากเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้าไป ย่อมทำให้น่าชมมากขึ้นเป็นเท่าตัว

การประลองของเฟิ่งชิงเฉินนั้น นับว่าเป็นการยากที่จะคาดเดาว่าผู้ใดจะชนะหรือแพ้ ไม่เพียงแต่ผู้ชมที่จะไม่รู้ผลลัพธ์ ทว่า ด้วยการคาดเดาของเสด็จอาเก้าและคุณชายหยวนซีแล้ว พวกเขากลับคิดผลลัพธ์ออกมาได้ในทันที แม้ว่าดูภายนอกจะเหมือนว่าเสมอกัน แต่แท้จริงแล้ว ทุกคนล้วนแต่ทราบดีว่า เสด็จอาเก้าเป็นชัยอยู่ก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน

ซูหว่านพลันมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน จากสายตาของความดูถูกเมื่อครู่ พลันแปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉาริษยาไปในทันที

สามารถทำให้เสด็จอาเก้าและคุณชายหยวนซีตบตีแย่งกันกินน้ำส้มเปรี้ยวเช่นนี้ได้ ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะพ่ายแพ้ แต่ก็นับว่าเป็นการพ่ายแพ้ที่งดงาม หากเป็นไปได้ นางยินยอมที่จะเปลี่ยนเป็นเฟิ่งชิงเฉินเสียเอง ถึงแม้ว่าจะต้องพ่ายแพ้ในการประลอง นางก็พอใจแล้ว น่าเสียดายนัก ที่นางเป็นเพียงซูหว่าน

เมื่อเผชิญหน้ากับอารมณ์ดีพร้อมกับความผิดหวังไปแล้ว ไม่นานนัก อารมณ์ของซูหว่านจึงกลับมาเป็นปกติดังเดิม ทั้งยังมิคิดสนใจเฟิ่งชิงเฉินอีก นางค่อย ๆ ตั้งใจฝนหมึกไปเรื่อย ๆ นางมีสิ่งที่นางอยากจะเขียนลงไปแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินก็มิได้ตอบซูหว่านกลับไปด้วยเช่นกัน นางจะตอบกลับไปทำไมกัน ในเมื่อทุกอย่างเป็นดั่งที่คุณชายหยวนซีกล่าวออกมาหมดแล้ว ผู้ที่มีสิทธิ์ตัดสินผลงานได้ มีเพียงคณะกรรมการทั้งเจ็ดคนเท่านั้น นางและซูหว่านที่เป๋็นเพียงผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ย่อมไม่อาจมีสิทธิ์ไปถามอะไรนางได้

ซูหว่านพลันสั่งให้สาวใช้ของนางเลื่อนเก้าอี้ออกไป จากนั้นก็หลับตาลง พร้อมกับหายใจเข้าช้า ๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของนางพลันฉายแววออกมา จากนั้นซูหว่านจึงหยิบพู่กันขึ้น พร้อมทั้งจุ่มลงไปบนแท่นหมึก จากนั้น จึงจรดปลายพู่กันลงไปบนผืนผ้า

เฟิ่งชิงเฉินเองก็นั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมทั้งหยิบเมล็ดข้าวขึ้นมา เพื่อเลือกเมล็ดข้าวที่ดูอวบอ้วนมากที่สุดสองเม็ด จากนั้นก็เอามาวางไว้บนมือของตน พร้อมหยิบสิ่งที่คล้ายว่าจะเป็น"พู่กันด้ามแหลม"ขึ้นมา ตัวของคนแทบจะลงไปกองอยู่บนเม็ดข้าวเสียแล้ว พร้อมกับขีด ๆ เขียนอยู่บนเม็ดข้าวเสียนานสองนาน ดูเหมือนว่านางจะสามารถทำได้จริง ๆ

แม้จะกล่าวว่าเป็นการเขียนตัวอักษร แต่แท้จริงแล้ว คือการแกะสลักตัวอักษรต่างหาก ปรมาจารย์ในด้านการแกะสลักเม็ดข้าวที่แท้จริง พวกเขาสามารถแกะสลักได้เป็นแสนคำภายในเมล็ดข้าวเพียงเม็ดเดียวเสียด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจทำได้ แม้ว่านางจะแกะสลักลงไปมากเพียงใด คนพวกนี้ก็ไม่อาจมองเห็นมันได้เช่นกัน

ในคราวนี้ แม้ว่าสายตาทุกคนจะจับจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินเพียงใด ก็ไม่อาจมองเห็นได้ว่า เฟิ่งชิงเฉินกำลังเขียนสิ่งใดอยู่กันแน่ เพียงแต่หันไปมองดูซูหว่านที่กำลังเขียนอยู่เท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ