นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 46

"โดด"

เฟิ่งชิงเฉินลากหวังฉีเอาไว้ พร้อมทั้งเตรียมตัวที่จะกระโดดออกจากด้านหลังรถม้า ทว่า หวังฉีมัวแต่ตกใจอยู่ จนทำให้เฟิ่งชิงเฉินพลาดโอกาสที่ดีในการที่จะกระโดดออกจากรถม้าไป พลางกลับมาล้มลงบนรถม้าตามเดิม หากแต่ผนังรถม้าแข็งยิ่งนัก หาได้มีที่ใดบุบสลายไปไม่

ไม่เพียงแต่นั้น กลับทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บที่ไหล่ซ้ายของตนเองอีก

ตุ้บ

เฟิ่งชิงเฉินเจ็บเสียจนต้องร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาเกือบไหลออกมา นางโมโหเสียจนกรนด่าสาบแช่งผู้เขียนบทประพันธ์โทรทัศน์เสียยกใหญ่

"ฉากในละครล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก สิ่งที่เห็นพวกเขากระโดดออกมาจากรถล้วนแต่ง่ายดายราวกับปลอกกล้วยเข้าปากนั้น เหตุใดเมื่อกลับมามองตนเอง ยามที่จะกระโดดออกจากรถม้าในยามนี้ ถึงได้เจ็บปวดนักเล่า รถม้าคันนี้แข็งแรงยิ่งนัก"

ทว่า แม้จะกรนด่ามากเพียงใด แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ หากครั้งนี้ยังไม่อาจกระโดดออกไปได้ ก็ย่อมต้องกระโดดรอบที่สอง

ในเมื่อไม่อาจควบคุมรถม้าได้แล้ว อย่างไรรถม้าต้องพลิกคว่ำอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้น มันยิ่งจะทำให้นางและหวังฉีได้รับบาดเจ็บมากกว่าเดิม หากตนเองติดอยู่ในซากรถม้าที่ปรักหักพัง อาจจะทำให้ขาหักหรืออะไรหักก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้น ชีวิตของนางที่เหลืออยู่คงจะลำบากมากเป็นแน่

ยามที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะเตรียมตัวกระโดดออกจากรถม้ามาเป็นครั้งที่สอง สายบังเหียนรถม้าพลันขาดออกจากกันในทันที จากความเร็วของรถม้าที่เร็วเป็นทุนเดิม เมื่อสายบังเหียนมันขาดออกเช่นนี้ ก็ทำให้รถม้าพลันส่ายไปมาราวกับแมลงวันหัวเขียวที่บินเข้าชนทุกสิ่งทุกอย่าง

ทั้งสองคนที่กำลังพยุงตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง กลับมีอันต้องกลิ้งอยู่ในรถม้ากันอีกรอบ นับว่าโชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินตาไว สามารถคว้าตัวหวังฉีเอาไว้ได้ทัน มิเช่นนั้น หากเขากระเด็นออกจากรถม้าไปนั้น คงไม่ต้องจิตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

"ผู้ที่ไร้ความสามารถก็คือบัณทิต" เฟิ่งชิงเฉินเอาแต่กรนด่า พร้อมทั้งไม่สนใจตนเองอีก ยื่นเท้าออกไปเตะหวังฉี

"ลงไป มิเช่นนั้นพวกเราได้ตายคู่แน่ เอามือสองข้างกุมหัวตนเองไว้ แล้วกระโดดลงไปเสีย อย่าลืมกลิ้งตัวเสียสองสามรอบด้วย"

ฝ่าเท้าที่ถีบในครานี้ใช้แรงส่งมากนัก ถึงกับทำให้ผนังรถม้าแตกเลยทีเดียว

ดูเหมือนว่า ฉากที่เห็นในทีวีก็คงมิได้โกหกไปทั้งหมด

"อ๊าก" หวังฉีร้องตะโกนออกมาฉากใหญ่ พร้อมทั้งกลิ้งตกลงไปข้างนอกในทันที

ในยามนี้ ภายในรถม้าที่กำลังยุ่งเหยิง จึงเหลือแต่เพียงเฟิ่งชิงเฉินเพียงผู้เดียว

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันบ้าไปแล้ว" หวังฉีกลิ้งตกลงมาบนพื้น ในยามที่ตกลงพื้นนั้น เขาก็พลันจำสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินกำชับเอาไว้ก่อนจะถีบลงมาจากรถม้าได้ จึงใช้มือทั้งสองข้างกุมหัวของตนเอง จากนั้นก็กลิ้งออกมา เพื่อลดแรงกระแทกอีกสองสามรอบ ผลลัพธ์ที่ตกลงมาไม่ร้ายแรงมากนัก ทว่า หวังฉีกลับไม่ระมัดระวังตนเอง เผลอทำมีดผ่าตัดเล่มเล็กบาดเข้าที่ข้อมือของตนเองจนได้

เฟิ่งชิงเฉินที่อุตส่าห์มีใจให้มีดกับเขาไปให้ป้องกันตนเอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขากลับนำมันมาทำร้ายตนเองเสียนี่

เมื่อหลานจิ่วชิงตามมานั้น ก็พลันพบกับฉากตรงหน้าเข้าพอดิบพอดี แต่เดิมเขาคิดที่จะไล่ตามซีหลิงเทียนเหล่ยไป ทว่า กลับได้ยินเสียงตะโกนของหวังฉีเข้าเสียก่อน

จึงเกิดความลังเลขึ้นมาครู่หนึ่ง พร้อมทั้งเมื่อมองไปยังทิศทางที่ซีหลิงเทียนเหล่ยหายตัวไปนั้น ก็พลันเปลี่ยนเส้นทางวิ่งเข้าไปในรถม้าที่กำลังเกิดความวุ่นวายในทันที

ในยามที่รถม้ากำลังสูญเสียการควบคุมนั้น ล้อทางด้านซ้ายของรถม้า ก็พลันหลุดออกมาพอดี หากเฟิ่งชิงเฉินไม่กระโดดออกมาในยามนี้ นางจะต้องถูกฝังกลบอยู่ในรถม้าเป็นแน่

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าช่างเป็นสตรีที่โง่เง่าและมีแต่เรื่องวุ่นวายเสียจริง แม้แต่เหตุการณ์เช่นนี้ ข้าก็ยังยังมาพบเจ้าได้"

ถึงแม้จะอยู่ในอาการโมโห หากแต่หลานจิ่วชิงก็กระโดดเข้าไปในรถม้าที่โคลงเคลง เมื่อเขาปรับสมดุลของมันเพื่อจะดึงเฟิ่งชิงเฉินให้ออกมาจากรถม้านั้น

เขาติดหนี้ที่เฟิ่งชิงเฉินช่วยชีวิตเขาไว้หนึ่งครั้ง วันนี้คงได้ชดใช้เสียที

เทศกาลดอกท้อวันที่สามเดือนสาม เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าก็แก้ปัญหาเองแล้วกัน ข้า หลานจิ่วชิงไม่ต้องการติดหนี้ผู้ใด และก็ไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ใดโดยไม่มีเหตุผล

เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้กำลังถูกความโคลงเคลงบนรถม้าทำให้หัวหมุนอยู่ นางจึงไม่อาจหาโอกาสกระโดดลงจากรถม้าได้เลย

"เฟิ่งชิงเฉิน ยื่นมือออกมา" หลานจิ่วชิงยื่นมือออกไปข้างหน้า เพื่อสื่อให้เฟิ่งชิงเฉินเคลื่อนตัวเร็วกว่านี้

"เป็นเจ้า? ชายหน้ากากเงินหรือ?" เฟิ่งชิงเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมทั้งยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ มีดผ่าตัดแต่เดิมที่อยู่ในมือของนาง ในยามนี้ไม่รู้หล่นไปอยู่ที่ใดแล้ว

"จับเอาไว้แล้ว"

ฝ่ามือของหลานจิ่วชิงเต็มไปด้วยไอร้อน หากแต่ฝ่ามือของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ เมื่อความเย็นความร้อนมาเจอกัน จึงทำให้รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต หากว่าไม่ใชาช่สถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินย่อมไม่ยอมฝากมือของตนไว้กับหลานจิ่วชิงเป็นแน่

นางเกลียดความรู้สึกเช่นนี้ นางไม่ชอบชายหน้ากากเงินผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

แค่ฝ่ามือเดียวหลานจิ่วชิงพลันดึงเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตนได้ในทันที ยามที่กำลังหาโอกาสกระโดดลงจากรถม้านั้น ซีหลิงเทียนเหล่ยที่ขี่ม้าหนีออกไปตั้งแต่แรก ก็พลันกระโดลงมาจากต้นไม้ พร้อมกับเพลงดาบในมือที่กำลังมุ่งหน้าตรงมาทางพวกเขา

"หลานจิ่วชิง หากอยากเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงาม เจ้าก็ควรมีความสามารถมากกว่านี้สิ"

ดาบที่อยู่มือ พลันพุ่งตรงมาที่หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ