“โอ๊ย...” เฟิ่งชิงเฉินร้องเจ็บปวดแผ่วเบา นัยน์ตาพร่ามัวของนางค่อยๆ ชัดเจนขึ้น หลังจากรู้สภาพของตนเองแล้ว รูม่านตาของเฟิ่งชิงเฉินก็ขยายกว้าง ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือปล่อยมือและผลักเสด็จอาเก้าออก การเคลื่อนไหวของนางว่ารวดเร็วแล้ว แต่การเคลื่อนไหวของเสด็จอาเก้าเร็วยิ่งกว่า...
เสด็จอาเก้าโอบเอวของนางแน่นขึ้น ทำให้ร่างของนางยิ่งแนบชิดสนิทกันกับเขาโดยไร้ช่องว่างระหว่างคนทั้งคู่
เฟิ่งชิงเฉินเอนกายไปด้านหลังเพื่อหนีเสด็จอาเก้า แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขากลับจับศีรษะของนางไว้ก่อนอย่างรวดเร็วและไม่ให้โอกาสนางได้ปฏิเสธเลย
“เสด็จ…” เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยเรียก แต่นางไม่รู้ว่าเสียงของตนกลับถูกย้อมไปด้วยความอ่อนระทวย ไม่เพียงแต่ไม่มีแววคาดคั้นกดดัน ซ้ำกลับแฝงแววเย้ายวน
อีกสองคำนั้น เสด็จอาเก้าไม่ยอมให้เฟิ่งชิงเฉินพูด เขาก้มศีรษะลงมาประทับจูบลงบนริมฝีปากสีแดงของเฟิ่งชิงเฉินอย่างแม่นยำและปิดปากนางก่อนที่นางจะพูดจบ
สายเกินไปที่จะบรรยายรสจูบของเฟิ่งชิงเฉินด้วยริมฝีปากและลิ้นของเขา เขาฉวยโอกาสยามปากแดงของเฟิ่งชิงเฉินเผยอออกเล็กน้อยสอดแทรกลิ้นเข้าไปด้านในและหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆ ของนาง ลิ้มรสความหวานฉ่ำของเฟิ่งชิงเฉิน
ยิ่งเฟิ่งชิงเฉินพยายามหนี เสด็จอาเก้าก็ยิ่งถูกปลุกเร้า ทั้งสองราวกับค้นพบความสนุกสนาน เสด็จอาเก้ารุกล้ำเข้าไปในปากของเฟิ่งชิงเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ...
ถ้าเจ้าถอย ข้าจะรุก ถ้าเจ้าหลบ ข้าจะตาม เสด็จอาเก้าตักตวงความสุขโดยไม่หยุดหย่อนและไม่ยอมให้เฟิ่งชิงเฉินขัดขืน
สำหรับการจูบนั้นถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกของเสด็จอาเก้า แต่เขาไม่มีฝีมือเลยจริงๆ โชคดีที่ในเรื่องนี้บุรุษดูเหมือนจะเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการเรียนรู้โดยปราศจากอาจารย์ บวกกับครั้งก่อนที่บุกเข้าวังหลวงในยามวิกาลนั้นก็มีประสบการณ์เล็กน้อย ยามนี้เสด็จอาเก้าไม่จำเป็นต้องมีใครมาสอนเขาเลย เขาเชี่ยวชาญในการจูบอย่างรวดเร็ว เขาสามารถปลุกเร้าเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างง่ายดายและยังปลุกเร้าตนเองได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ร่างกายส่วนล่างของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด ร่างกายของเขาต้องการมากขึ้น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหญิงสาวตรงหน้า เพียงแค่จูบเริ่มไม่อาจตอบสนองความต้องการของเสด็จอาเก้าได้อีกต่อไป เขาต้องการมากกว่านี้
มือของเสด็จอาเก้าเริ่มซุกซน มันค่อยๆ เลื่อนลงไปด้านล่าง สัมผัสผ้ารัดเอวของเฟิ่งชิงเฉิน เพียงนิ้วเกี่ยวกระหวัด สายรัดเอวของนางก็ถูกปลดออกอย่างง่ายดาย...
เสด็จอาเก้าอาศัยชั่วพริบตาที่เว้นหายใจดึงเสื้อของเฟิ่งชิงเฉินออก เมื่อไม่มีเสื้อตัวนอกขวางกั้นแล้ว มือของเสด็จอาเก้าก็สอดเข้าไปในเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉิน มือหยาบของเขาลูบไล้ไปตามผิวที่บอบบางของนางและค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปทางด้านหน้าทีละน้อย...
เฟิ่งชิงเฉินหอบหายใจ มือของนางโอบเอวเสด็จอาเก้าแน่น เสด็จอาเก้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร นางก็อิงแอบแนบชิดอยู่กับร่างของเขา นางก็ต้องการมากกว่านี้เช่นกัน...
บุรุษผู้นี้คือคนที่อยู่ในใจนาง คนที่นางโหยหา แม้ว่านางจะเตือนตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าให้อยู่ห่างจากผู้ชายคนนี้ แต่ในตอนนี้ นางไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เลย
นางโหยหาชายผู้นี้และต้องการชายผู้นี้ แต่ในขณะนี้นางไม่มีเหตุมีผลอีกต่อไปและอาศัยเพียงสัญชาตญาณที่ทำตามความปรารถนาของตนเอง
ไม่นานร่างของทั้งสองสอดประสานเข้าด้วยกัน เสื้ออีกชั้นของเฟิ่งชิงเฉินถูกคลายออก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่สวยงามและผ้าปิดหน้าอกสีแดงด้านใน
เสด็จอาเก้ากลืนน้ำลาย ลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้น ความร้อนที่ลุกโชนจากร่างกายส่วนล่างของเขานาบลงไปยังส่วนบอบบางของเฟิ่งชิงเฉิน มันกระตุกเป็นครั้งคราวยิ่งทำให้เขากระตือรือร้นที่จะฝ่าอุปสรรคของชั้นผ้าเพื่อจะได้สัมผัสมากยิ่งขึ้น...
มือของเสด็จอาเก้าเลื่อนออกจากร่างกายส่วนบนของเฟิ่งชิงเฉินลงไปยังด้านล่างกระโปรงพร้อมที่จะดึงกระโปรงของนางออก แต่กระโปรงนั้นถอดยากกว่าผ้ารัดเอว เสด็จอาเก้าพยายามถอดอยู่นานก็ไม่สำเร็จ เขาหงุดหงิดและร้อนรนเล็กน้อย ส่วนนั้นที่ด้านล่างก็ยิ่งไม่เชื่อฟัง มันยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ...
ทางนี้ไปไม่ได้ เขาเปลี่ยนไปทางอื่นก็แล้วกัน ในเมื่อเขาถอดกระโปรงของเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ถอดแล้ว หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาทนไม่ไหวแล้ว
เสด็จอาเก้าจับมือเฟิ่งชิงเฉินดึงมายังส่วนที่ร้อนรุ่มที่สุดเขา มีชั้นกางเกงกั้นอยู่ แต่ก็ยังเห็นได้ว่าส่วนนั้นของเขาไม่เล็กเลย เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจท่าทางของตนเอง นางกอบกุมสิ่งนั้นไว้ในมือ กางเกงที่ขวางกั้นทำให้นางไม่อาจรู้สึกถึงอุณหภูมิของสิ่งนั้นว่ามันกำลังแผดเผาเพียงใด จนกระทั่งสิ่งนั้นขยับ นางจึงได้สติขึ้นมา...
“อ๊า...” เฟิ่งชิงเฉินกรีดร้องและใช้แรงจับ
“อืม...” เสด็จอาเก้าส่งเสียงครางที่ดูทั้งเจ็บปวดและสุขสม
เฟิ่งชิงเฉินตกใจและรีบปล่อยสิ่งนั้นที่อยู่ในมือ ดวงตาที่พร่ามัวของนางกลับมาแจ่มชัด เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นท่าทางของนางและเสด็จอาเก้าในยามนี้ แก้มสีดอกกุหลาบของนางก็ร้อนขึ้นกว่าเดิม
“โรคจิต” หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินได้สติแล้ว นางก็ผลักเขาออกอย่างแรง เสด็จอาเก้าที่กำลังมัวเมาในกามารมณ์ไม่ทันได้ระวังตัวจึงหงายหลังดังตึงและด้านหลังศีรษะกระแทกเข้ากับรถม้าจนหัวโนและมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างงุนงงราวกับว่าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เฟิ่งชิงเฉินรีบจัดเสื้อผ้าของนางและถลึงตามองเสด็จอาเก้าอย่างดุเดือด นางลืมไปเลยว่าคนที่นางต่อว่าว่าโรคจิตเพิ่งจะทำให้นางถึง...
“นายท่าน?” คนขับรถม้าดึงบังเหียน รถม้าหยุดลง องครักษ์วิ่งเข้ามา
ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามีกลุ่มคนล้อมอยู่นอกรถม้า
เฟิ่งชิงเฉินตกใจ เมื่อนางคิดถึงเรื่องของนางและเสด็จอาเก้าบนรถม้า เฟิ่งชิงเฉินก็แทบจะอยากเอาหัวโขกกำแพง
ด้วยคำถามนี้จึงทำให้เสด็จอาเก้าสงบสติอารมณ์ลงได้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแดงก่ำและกระแอมไอเบาๆ เมื่อแน่ใจว่าเสียงของเขาไม่มีปัญหาแล้วจึงเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ไปต่อเถอะ”
“ขอรับ” คนขับรถม้ายังคงบังคับม้าเดินทางต่อไปโดยไม่พูดอะไรเลย แต่คนสองคนในรถนั้นอายแทบตายเพราะคำถามของเขา เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าด้วยความขัดเขิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...