นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 470

ประโยคของคุณชายหยวนซีนั้นไม่ผิด การที่นางใช้ภาพวาดโครงกระดูกในการแข่งขันวาดภาพค่อนข้างจะมีความเสี่ยงสูง หากไม่ใช่เพราะเหยียนหล่าวมีแววตาแหลมคม คาดว่าภาพวาดของนางคงจะถูกโยนทิ้งอย่างแน่นอน

แต่คิดว่านางต้องการหรืออย่างไร? นางเองก็อยากจะวาดภาพเหมือนจิตรกรชื่อดังอันงดงาม ขยับพู่กันเพียงสองสามทีก็ได้กลายไปเป็นภาพที่โด่งดังไปทั่วโลก อันงดงาม ทำให้ผู้คนตกตะลึง แต่ประเด็นก็คือนางจะต้องวาดภาพเป็นและมีความสามารถเพียงพอ

เฟิ่งชิงเฉินแอบกลอกตามองแล้วก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้คุณชายหยวนซีเห็นแววตาของตนเมื่อครู่

คุณชายหยวนซีคิดว่าคนอื่นๆ เป็นเช่นเขาหรือไรที่จะมีความสามารถทางด้านฉิน หมากรุก คัดลายมือและวาดภาพ คุณชายหยวนซีไม่รู้หรือไรว่าบนโลกใบนี้มีคนบางกลุ่มที่ไม่อาจแม้จะจัดการกับปัญหาปากท้องของตนเอง จะไปมีเวลาที่ไหนเพียงพอสำหรับการเรียนรู้เรื่องที่ไร้สาระแบบนี้

ฉิน หมากรุก วาดภาพภาพและคัดลายมือ สิ่งเหล่านี้สตรีที่อยู่ในจวนอันสูงส่งมั่งคั่งจึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอในการเรียนรู้มัน เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มีแม้แต่อำนาจเงินทองใด แม้ว่านางจะเคยได้รับการแต่งตั้งว่าเป็นบุตรสาวของโหวผู้ซื่อสัตย์ แต่ในเวลาเพียงแค่หนึ่งปีนางจะไปเรียนรู้สิ่งใดๆ

เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณชายหยวนซีคิดทุกอย่างอย่างเรียบง่ายจนเกินไป หรือว่านางเสแสร้งทำเป็นผู้มีความสามารถได้อย่างประสบความสำเร็จจนเกินไป คุณชายหยวนซีจึงได้คิดว่านางเป็นสตรีผู้มากความสามารถจริงๆ และคิดว่านางมีคุณสมบัติในการวาดรูปอันเก่งกาจ

หากไม่ใช้เพราะว่าสถานการณ์ไม่อำนวย คาดว่าเฟิ่งชิงเฉินคงจะโมโหและตะโกนออกมากล่าวกับคุณชายหยวนซีว่า เพื่อการแข่งขันกับซูหว่านในครั้งนี้นางได้หยิบยกทักษะทุกอย่างของนางออกมาใช้จนสิ้นแล้ว มีสิ่งเดียวที่นางวาดเป็นนั่นก็คือโครงกระดูกของมนุษย์และอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้นางไม่สามารถวาดสิ่งใดได้เลย

แต่นางจะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ หากกล่าวออกมาก็เท่ากับนางพ่ายแพ้

นางต้องเสแสร้งแกล้งทำแสดงออกมาโดยท่าทางสงบนิ่ง เพื่อให้บัณฑิตเหล่านี้รู้สึกชื่นชอบ

เฟิ่งชิงเฉินพยายามปรับลมหายใจของตนเองให้สงบนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มด้วยความสดใสกล่าวอย่างใจเย็นว่า “คุณชายหยวนซี การแข่งขันวาดภาพในวันนี้ข้าเพียงแค่อยากจะสนุกกับการแข่งขันเท่านั้น ข้าไม่สนใจว่าจะแพ้หรือชนะ เดิมทีศิลปะทั้งสี่เป็นงานจิตรกรรมที่สง่างามในตัวของมัน หากว่าแต่งเติม ความคิดอยากจะเอาชนะเข้าไปคงจะทำลายอรรถรสของศิลปะทั้งสี่นี้”

“ชิงเฉินกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ฉินสามารถทำให้จิตใจของผู้คนเบิกบาน หมากรุกทำให้ผู้คนใช้ความคิด การคัดลายมือทำให้จิตใจของผู้คนสงบสุข ส่วนการวาดรูปทำให้ผู้คนลืมความกังวลไป แม้จะเป็นการแข่งขันแต่ก็ไม่ควรที่จะใส่ความรู้สึกอยากจะเอาชนะเพียงเท่านั้นลงไป” เหยียนหล่าวเห็นด้วยแล้วหันไปเอ่ยชม เขารู้สึกชื่นชอบภาพวาดโครงกระดูกของเฟิ่งชิงเฉิน หากว่าภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คาดว่ามันจะได้รับความนิยมมากกว่าภาพผีเสื้อและดอกไม้เสียอีกด้วยซ้ำ

“เหยียนหล่าวกล่าวได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ภาพวาดที่มีประโยชน์คือภาพวาดที่ทำให้จิตใจและอารมณ์ของผู้วาดมีความสุข มันน่ายินดียิ่งกว่าการได้รับชัยชนะเสียอีก” แม้ว่าในใจของเฟิ่งชิงเฉินจะไม่เห็นด้วย แต่ใบหน้าของนางยังคงเผยถึงรอยยิ้มด้วยความเคารพออกมา

มีเพียงคนเช่นเหยียนหล่าวเท่านั้นจึงจะกล่าวสิ่งเช่นนี้ออกมาได้ คนที่แข่งขันมีผู้ใดเล่าที่ไม่อยากชนะ ดุจดั่งการเข้าแข่งขันของนักปราชญ์ทั่วไป ทุกคนที่เข้าแข่งขันล้วนต้องการได้รับชื่อเสียง

การเอาชนะเป็นที่หนึ่ง ในโลกนี้มีใครเล่าที่ไม่สนใจสิ่งนี้ บัณฑิตทุกคนพยายามไล่ล่าชื่อเสียงและความสำเร็จ ไม่มีผู้ใดสูงส่งไปกว่าผู้ใดในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครมีสักกี่คนเล่าที่สามารถออกห่างจากสีสันอันฉูดฉาดของโลกเช่นนี้

เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดเห็นว่าการเอาชนะเป็นสิ่งไม่ดี เพียงแค่ไม่มีจิตใจคิดจะไปทำลายผู้ใดก็เพียงพอแล้ว ไม่มีความคิดที่จะทุจริตหรือไม่ซื่อสัตย์ โลกใบนี้ก็จะไม่เกิดความวุ่นวายขึ้น

แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้เฟิ่งชิงเฉินเพียงรับรู้อยู่ในใจ นางไม่ได้คิดจะใช้เหตุผลเหล่านี้ออกมาโน้มน้าวเหยียนหล่าวและคนอื่นๆ หากกล่าวออกมาคงจะทำให้คนกลุ่มมากไม่พึงพอใจ บัดนี้นางไม่อยากจะสร้างปัญหาขึ้น ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเกาะขาของเหยียนหล่าวเอาไว้ เพื่อที่จะได้รับชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้

ใบหน้าของเหยียนหล่าวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองไปทางเฟิ่งชิงเฉินด้วยความพึงพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าสำหรับเขาที่มีอยู่มาได้ถึงห้าสิบกว่าปี เหยียนหล่าวจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกสงบเหมือนที่แสดงออกมา แต่นางอายุยังน้อย ไม่ง่ายเลยที่จะเสแสร้งแกล้งทำเป็นเหมือนไม่แก่งแย่งชื่อเสียงได้เช่นนี้

เราควรจะอดทนต่อเด็กหนุ่มสาว

เหยียนหล่าวยิ้มออกมาดั่งจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ เมื่อนึกถึงแท่นบูชาที่หน้าบ้านของเขาขึ้นมา ดวงตาของเหยียนหล่าวเต็มไปด้วยรอยยิ้มมากขึ้น ทุกคนมีงานอดิเรกและมีจุดอ่อน แม้ตัวเขาเองยังไม่อาจจะมองข้ามชื่อเสียงเหล่านี้ไปได้ แล้วจะคาดหวังอะไรให้เด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกปีทำมัน

ภาพวาดโครงกระดูกของเฟิ่งชิงเฉินถูกส่งต่อไปดูจนครบ ภาพวาดของซูหว่านก็แห้งแล้วเช่นกัน นางค่อยๆ ถือภาพวาดของตัวเองอย่างระมัดระวังไปวางไว้ข้างหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ