นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 518

ภายในเมืองหลวง จะดูหมิ่นผู้ใดก็ย่อมได้ แต่จะดูหมิ่นเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ การดูหมิ่นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการดูหมิ่นเสด็จอาเก้าเสียอีก

รัชทายาทเดินมายังห้องโถง เขารีบเอ่ยปากก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะลุกขึ้นคารวะ "ชิงเฉิน ไม่ต้องลุกขึ้นหรอก ในจวนของข้า ไม่จำเป็นต้องมากพิธีหรอกนะ"

"ขอบพระทัยเพคะ รัชทายาท แต่เรื่องธรรมเนียมการปฏิบัตินั้นคงไม่อาจละเลยได้" ยิ่งรัชทายาทพูดเช่นนั้น นางก็ต้องยิ่งระมัดระวังตัว เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวคารวะ รัชทายาทเห็นดังนั้นแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาเพื่อพานางไปนั่ง

"ชิงเฉิน เวลาที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ต่อหน้าข้าเจ้าไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมายหรอกนะ เสด็จอายังไม่รับการคำนับจากเจ้าเลย แล้วข้าจะรับมันได้อย่างไร"

หลักๆก็เป็นเพราะเสด็จอาเก้าอีกแล้ว เฟิ่งชิงเฉินยืนฟังเงียบๆ รอจนรัชทายาทนั่งลงแล้ว นางจึงค่อยๆนั่งลง

เรื่องการคารวะจากเฟิ่งชิงเฉินนั้น แม้รัชทายาทจะบอกนางไปเช่นนั้น แต่ในใจของเขากลับนึกชื่นชมนางอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงที่เป็นที่โปรดปรานแต่ก็ไม่วางตัวเย่อหยิ่ง ผู้หญิงเช่นนี้จึงจะเดินต่อไปได้ยาวไกล ผู้หญิงที่เสด็จอาทรงหมายตาช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินบาดเจ็บแพร่หลายในวงกว้าง รัชทายาทเองจึงอดถามไถ่ไม่ได้ "ดูเหมือนว่าอาการของชิงเฉินจะดีขึ้นมากแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าก็อยากหาเวลาไปเยี่ยมเจ้า แต่งานข้ายุ่งจนปลีกตัวไปเยี่ยมไม่ได้เลย"

รัชทายาทส่งยิ้ม ใบหน้าเขามีเลือดฝาดทั่วหน้า แววตาของเขากำลังยิ้มอย่างจริงใจ

ตงหลิงจื่อลั่วและตงหลิงจื่อโจวเคยมีเรื่องกับเสด็จอาเก้าไว้หลายเรื่อง ช่วงนี้พวกเขากำลังถูกกดดัน ส่วนรัชทายาทกลับอยู่สุขสำราญดี ทำสิ่งใดก็ราบรื่นอยู่เสมอ

"ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใยเพคะ อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่ควรรบกวนรัชทายาทหรอกเพคะ" เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าแสดงความเคารพ ตั้งแต่ที่นางได้พบปะพูดคุยกับรัชทายาทมา นางรู้ดีว่ารัชทายาทเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ปากบอกไม่เป็นไร แต่ใครจะรู้ว่าในใจเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากเดือดร้อนเพราะรัชทายาท และไม่อยากเสียเวลากับเขาไปมากกว่านี้แล้ว เมื่อรัชทายาทเอ่ยถามว่านางมาด้วยธุระเรื่องใด เฟิ่งชิงเฉินจึงแจ้งจุดประสงค์ของตนเอง "รัชทายาท ที่ชิงเฉินมาในวันนี้ก็เพราะเรื่องการแข่งขันระหว่างชิงเฉินและซูหว่าน เนื่องจากชิงเฉินบาดเจ็บ ทำให้การแข่งขันทั้งสองรายการต้องเลื่อนเวลาออกไป ชิงเฉินละอายใจเหลือเกิน"

ในตอนแรก เฟิ่งชิงเฉินก็อยากเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆจนซูหว่านถึงทางตัน ให้เหมือนกับตอนที่นางเล่นงานหนานหลิงจิ่นฝาน หนานหลิงจิ่นฝานเพิ่งจะกลับหนานหลิงเมื่อไม่นานมานี้ เขามาอยู่ตงหลิงนานเกินไปแล้ว หากยังอยู่ที่นี่ต่อไป อำนาจของเขาที่หนานหลิง ก็อาจถูกหนานหลิงจิ่นสิงลิดรอนไปจนหมด

เฟิ่งชิงเฉินทราบเรื่องหนานหลิงจิ่นฝานและโจวสิงดี นางไม่แปลกใจแม้แต่น้อย โจวสิงกับหนานหลิงจิ่นฝานมีบางส่วนที่เหมือนกัน เมื่อทราบข่าวว่าหนานหลิงจิ่นฝานถูกโจวสิงเล่นงาน เฟิ่งชิงเฉินก็สะใจยิ่งนัก

แต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินหงุดหงิดก็คือ หลังจากที่หนานหลิงจิ่นฝานกลับไปแล้ว เย่เย่ที่เป็นญาติผู้พี่ของซูหว่านกลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แถมเขายังสนิทสนมกับซีหลิงเทียนเหล่ยมากจนเสมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน

"ชิงเฉินอย่าคิดมากไปเลย เรื่องการบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องที่เจ้าตั้งใจเสียหน่อย พักรักษาตัวต่ออีกนิดแล้วค่อยกลับมาแข่งก็ได้นี่ การแข่งขันจะได้ยุติธรรมมากขึ้นอย่างไรล่ะ แต่ดูท่าทางคุณหนูซูหว่านจะรีบร้อนมากเลยนะ" รัชทายาทเน้นย้ำเรื่องนี้ให้เฟิ่งชิงเฉินฟังว่าหากยืดเวลาการแข่งขันต่อไปจะเป็นผลดีต่อนางเอง

เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ "ขอบพระทัยรัชทายาทที่ทรงเข้าพระทัยเพคะ อาการบาดเจ็บของชิงเฉินก็หายดีแล้ว พรุ่งนี้ชิงเฉินก็สามารถลงแข่งได้แล้วเพคะ" นางคิดมาดีแล้ว หากการแข่งขันนี้ไม่จบสิ้นเสียที ทุกความเคลื่อนไหวของนางก็จะมีคนจับตามองอยู่ตลอด ทำให้นางไม่มีอิสระ จะทำสิ่งใดก็ติดขัดไปหมด

นางกับเสด็จอาเก้าเริ่มต้นความร่วมมือครั้งนี้ได้สำเร็จ เรื่องตรงหน้ากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว นางกำลังช่วยเสด็จอาเก้าเก็บรวบรวมวัตถุดิบที่จะนำมาสรรค์สร้างเป็นอาวุธชั้นยอด

หากต้องการมีกำลังที่แข็งแกร่ง จะขาดอาวุธชั้นยอดไปไม่ได้ อาวุธชั้นยอดในยุคสมัยนี้จะต้องเป็นระเบิดเทียนเหล่ยเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ