นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 536

องค์ชายสาม? เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

สายตาของซูหว่านพลันฉายแววตื่นตระหนกออกมาในทันที พร้อมกับรีบร้อนจัดเตรียมอาภรณ์ของตนให้เรียบร้อย เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองมิได้ทำสิ่งใดน่าอายออกไป พร้อมกับส่งยิ้มที่ดูอ่อนหวานออกมา แล้วจึงเดินเข้าไปหาหนานหลิงจิ่นฝานเพื่อโค้งคำนับ "องค์ชายสามเพคะ"

"ไม่ต้องมากพิธี" หนานหลิงจิ่นฝานพลันซ่อนแววตาที่สื่อถึงความเยาะเย้ยนางเอาไว้ พร้อมทั้งเชิดหน้าขึ้น เพื่อให้ดวงตาเรียวหงส์ของเขาเชิดสูง เสมือนกับว่าเขาไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา แล้วจึงนั่งลงบนเก้าอี้

ตั้งแต่ที่หนานหลิงจิ่นฝานเดินเข้ามานั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหว่านหาได้แปรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ความน่าอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หาได้ทำให้นางรู้สึกเกิดความละอายใจไม่ พร้อมทั้งรีบกวักมือให้สาวใช้เข้ามาทำความสะอาดในทันที

"ต้องให้ฝ่าบาทมาพบเจอเรื่องน่าขันเสียแล้ว" ซูหว่านหาได้คิดที่จะปกปิดข้อผิดพลาดของตนเองไม่ อีกทั้งยังยืดอกรับอีกต่างหาก

"มิเป็นอันใด พูดเช่นนี้ ข้าเองก็มิเคยพบเจอหว่านหว่านโมโหเช่นนี้เหมือนกัน วันนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาข้าแล้ว เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้นับว่าน่าเกลียดยิ่งนัก ถึงทำให้หว่านหว่านที่เป็นสตรีชั้นสูงถึงกับพลั้งมือกระทำเช่นนี้ลงไปได้ " หนานหลิงจิ่นฝานพลันเผยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายออกมา เมื่อรวมไปถึงองค์ประกอบบนใบหน้าที่ดูซีดขาวแล้วนั้น ดวงตาเรียวหงส์พลันเชิดขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งทระนง ราวกับว่าเขาไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา

คำชมเชยที่เอ่ยขึ้นกลับเต็มไปด้วยวาจาดูถูกที่แอบแฝงอยู่ด้วยมากมาย ถึงแม้ว่าซูหว่านจะรู้สึกโมโหมากเพียงใด นางก็มิกล้าชักสีหน้าออกมาให้หนานหลิงจิ่นฝานได้ชื่นชม รอยยิ้มที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าของซูหว่านจึงมิได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

"ฝ่าบาท ท่านกำลังทำให้หว่านหว่านรู้สึกเขินอายยิ่งนัก หว่านหว่านเพียงแค่ตกอยู่ภวังค์แห่งความคิดเพียงชั่วครู่ ไม่คิดว่าตนเองจะเผลอลงไม้ลงมือกับชุดน้ำชาไปเสียได้" ใบหน้าของซูหว่านพลันขึ้นสีไปในทันที เมื่อรวมไปถึงการแสดงออกอย่างเขินอาย นั่นทำให้ผู้ที่พบเห็นสามารถเชื่อใจได้อย่างแท้จริงว่า นางเผลอตัวกระทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นไปจริง ๆ

หากเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้วยละก็ นางคงต้องร้องออกมาว่า การแสดงชั้นสูงไปแล้ว ทุกคนล้วนแต่เป็นนักแสดงชั้นยอด แม้แต่ใบหน้าที่แดงก่ำ เพียงแค่เอ่ยออกมาว่าเขินอายสีหน้าก็สามารถขึ้นสีออกมาได้ นับว่าเป็นความสามารถชั้นยอด หากมองจากมุมมองทางการแพทย์แล้วนั้น เพียงแค่ก้มหน้าลง พร้อมกับกลั้นหายใจเพียงสามสิบวิ ใบหน้าก็สามารถขึ้นสีได้แล้ว แต่ทว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้เคยทำไม่และก็ไม่เคยคิดที่จะทำเช่นกัน

ถึงอย่างไรก็ยังต้องใช้งานซูหว่านอยู่ดี หนานหลิงจิ่นฝานจึงมิคิดทำให้นางลำบากใจมากไป หลังจากพูดจาหยอกล้อกับนางเพียงไม่กี่คำ เขาก็มองผ่านเรื่องนี้ไปอย่างไม่สนใจอีก ถึงแม้ว่าซูหว่านจะไม่พอใจทั้งน้ำเสียงและการกระทำของหนานหลิงจิ่นฝานก็ตาม แต่นางก็ยังคงยิ้มตอบกลับไป

ซูหว่านรู้ดีว่า หนานหลิงจิ่นฝานนั้นยโสโอหังและมีความโหดเหี้ยมมากเพียงใด

เขาเสียเปรียบให้เฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้ามากถึงเพียงนั้น แต่ก็หาได้ไปเอาเรื่องต่อสองคนนั้นไม่ ไม่กี่วันมานี้ เขาจึงอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งผู้ใดที่ทำให้เขาต้องอารมณ์เสีย ต่างก็มีจุดจบที่ไม่ดีไปทุกราย

ช่วงไม่กี่วันมานี้ มีเด็กสาวแรกรุ่นจำนวนมากมายที่ได้ตายอยู่ภายในห้องของหนานหลิงจิ่นฝาน สตรีเหล่านั้นล้วนแต่ถูกหนานหลิงจิ่นฝานทรมานจนตาย ยามที่หอบหิ้วร่างของพวกนางออกมานั้น ศพบางรายยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

ซูหว่านรู้ดี ถึงแม้ว่าหนานหลิงจิ่นฝานจะไม่กล้าใช้ของพวกนั้นทำร้ายนาง แต่ทว่า หากเขาโกรธนางขึ้นมาจริง ๆ แม้ว่านางจะเป็นบุตรีของตระกูลซู ก็คงจะมีจุดจบไม่ต่างจากสตรีเหล่านั้นมากนักกระมัง

ซูหว่านมิอยากจะเป็นคนไปยืนอยู่ด้านหน้าของปากกระบอกปืน เมื่อเห็นว่าหนานหลิงจิ่นฝานมิได้มีท่าทีโมโหนั้น ซูหว่านจึงได้เข้าเรื่องแต่โดยดี "ฝ่าบาทเพคะ หากพระองค์ต้องการเข้าพบซูหว่าน ส่งสาวใช้มารายงานก็พอแล้วเพคะ หว่านหว่านจะรีบไปหาพระองค์ในทันที เหตุใดพระองค์ต้องลำบากมาหาหว่านหว่านด้วยตนเองเช่นนี้ด้วย"

หากมาพบเจอตอนนางโยนของลงพื้นอย่างไร้การควบคุมตนเองละก็ เมื่อคิดเช่นนั้น ซูหว่านพลันรู้สึกหดหู่ขึ้นมาในทันที ตั้งแต่นางมาถึงตงหลิงนั้น การเป็นอยู่ทุกอย่างของนางก็ย่ำแย่ลงยิ่งนัก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้คนในใต้หล้าย่อมคิดว่าตระกูลซูชุบเลี้ยงบุตรีได้ไม่ดีอย่างแน่นอน

ต้องโทษที่เฟิ่งชิงเฉิน มิเช่นนั้น นางคงมิต้องมาเสียอารมณ์เพราะนางเช่นนี้ แววตาของซูหว่านพลันฉายแววกรุ่นโกรธออกมาอย่างไม่ปิดบัง ไม่นานนักอารมณ์โมโหก็พลันเปลี่ยนเป็นความอาฆาตขึ้นมาในทันที

หนานหลิงจิ่นฝานที่เห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกชอบใจยิ่งนัก สตรีชั้นสูงส่วนใหญ่ ฉากหน้ามักจะเคลือบเอาไว้ให้เห็นแต่เพียงความอ่อนหวานและสง่างาม แต่แท้จริงแล้วพวกนางก็คืออสรพิษดีๆ นี่เอง เขามิได้สนใจเรื่องของซูหว่านมากนัก จึงมิได้คิดสนใจที่จะฉีกหน้ากากที่แสนดีของนางออกมา

"พรุ่งนี้ หว่านหว่านก็ต้องลงแข่งกับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ข้าย่อมต้องให้ความสนใจต่อเจ้า ถึงอย่างไรตระกูลซูและหนานหลิงก็ไม่อาจแยกจากกันได้" คำพูดนี้ คือคำพูดที่หนานหลิงจิ่นฝานใช้เตือนซูหว่านว่า นางต้องชนะในการแข่งขันครั้งนี้อย่างเดียวเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ