วันที่สามในยามอาทิตย์อัสดง ในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึงเมืองอี้สุ่ย
ตลอดทางอาจเป็นเพราะเสี่ยวไป๋วิ่งเร็วพอหรือเป็นเพราะคนของตี๋เก่งกาจจึงได้ถ่วงตัวคนชั่วเอาไว้ได้ สรุปก็คือนอกจากที่นางพบโจรขโมยม้ากลุ่มนั้นแล้ว ตลอดทางนางก็ไม่พบคนที่มาหาเรื่องใดๆ อีก บางครั้งมีคนที่ไม่มีตาม้าตาเรือหลงในรูปโฉมของนางและคิดลามกแล้วก็ถูกฝู่หลินทำให้กลัวจนจากไป
อดพูดไม่ได้ว่าฝู่หลินยังไม่เก่งกาจนัก เขาไม่มีทางเก็บรัศมีที่บ่งบอกว่าเขาเป็นยอดฝีมือไปได้เลย ท่าทางของฝู่หลินนั้น เพียงดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือ คนธรรมดาจึงไม่กล้าหาเรื่อง เฟิ่งชิงเฉินจึงมีบอดี้การ์ดฟรีเพิ่มมาอีกคน
เมื่อเห็นว่าประตูเมืองกำลังจะปิดลงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็บอกให้ฝู่หลินเร่งความเร็ว “พวกเราเข้าเมืองพักหนึ่งคืนค่อยเดินทางต่อ” ไปที่หุบเขาในยามวิกาลก็มีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้ง แม้จะรีบแค่ไหนก็ไม่อาจละเลยความปลอดภัยของตนเอง
นางยังอยากมีชีวิตกลับไป นางยังต้องกลับไปขอโทษเสด็จอาเก้า กลับไปบอกหลานจิ่วชิงว่านางมีชีวิตกลับมาแล้วให้เขาไม่ต้องกังวล
“ข้าเข้าเมืองไม่ได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่นอกเมือง พรุ่งนี้พวกเราค่อยพบกันที่นอกเมือง” ฝู่หลินไม่มีป้าประจำตัวและหนังสือผ่านทางจึงเข้าเมืองไม่ได้ เรื่องนี้เมื่อเจอบ่อยเข้า ฝู่หลินก็เข้าใจไปเอง
“ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่” ตี๋เป็นเด็กดี นอกจากจะเตรียมหนังสือป่านทางให้นางแล้วยังให้ตราของซู่ชินอ๋องมาด้วยเพื่อให้นางขอความช่วยเหลือจากทางการได้อย่างสะดวก เมื่อมีตรานี้ เดินทางไปที่ใดในตงหลิงก็ไม่ต้องกลัว
แน่นอนว่าตราของเสด็จอาเก้าก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน แต่ว่าตราของเสด็จอาเก้านั้นสูงส่งเกินไป เอาออกมาใช้ก็ง่ายที่จะทำให้เปล่งประกายจนคนอื่นแสบตา นางต้องถ่อมตัวไว้หน่อย
การล่าช้าเช่นนี้ เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงประตูเมือง ประตูเมืองก็กำลังปิดพอดี เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเก้อ เมื่อถึงหน้าประตู นางก็หยิบตราของซู่ชินอ๋องออกมาและตะโกนเรียก “เปิดประตู”
“ใครตะโกนอยู่ด้านล่าง ประตูเมืองปิดแล้ว หากต้องการเข้าเมืองก็รอพรุ่งนี้เช้า” ทหารเฝ้าประตูเมืองไม่มองนางเลยสักนิด เห็นได้ว่าพวกเขาคุ้นเคยกับเหตุการณ์เช่นนี้ดี
“ช่างเถอะ พวกเราไม่เข้าเมืองก็ได้ พักนอกเมืองก็เหมือนกัน” ฝู่หลินเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูเมืองของทุกแคว้นจนเคยชินกับการกระทำของพวกเขาแล้ว
“พวกเราต้องพักผ่อนดีๆ จึงจะมีแรงไปช่วยคน” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้บอกฝู่หลินว่านางขี่ม้าโดยไม่หยุดพักมาสิบวันจนขาด้านในของนางมีรอยแผลจากการเสียดสีเต็มไปหมดและไม่มีที่ใดปกติเหลืออยู่เลย หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้นางทายาไว้ก่อนบวกกับชุดกันหนาวด้านในของนางสามารถกันน้ำได้ด้วย ฝู่หลินก็คงเห็นสองขาที่เลือดออกซิบๆ
ฝู่หลินขี่ม้าเพียงสามวัน แต่นางขี่ม้ามาสิบวัน แผลที่ต้นขาด้านในน่ากลัวเพียงใด มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้
“ตามใจเจ้า” ฝู่หลินไม่ยืนกรานต่อ รีบเร่งเดินทางติดต่อกันสามวันบนหลังม้า เขาก็แทบทนไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเพียงหญิงสาว อีกทั้งก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินก็รีบเร่งเดินทางติดต่อกันหลายวัน ดูท่าทางของนางแล้วคงต้องการการพักผ่อนดีๆ จริงๆ
เมื่อเห็นว่าฝู่หลินตกลง เฟิ่งชิงเฉินก็ตะโกนเสียงดังประกาศตัวตน “ซู่ชินอ๋องมีธุระด่วน เปิดประตูเมือง”
ในสามวันมานี้นางอยู่กับฝู่หลินตลอดจึงไม่มีโอกาสทำแผลที่ต้นขา ในที่สุดวันนี้ก็เข้าเมืองมาได้แล้ว อย่างไรนางก็ต้องหาโอกาสทำแผลให้ตนเองสักหน่อย มิเช่นนั้นแผลของนางต้องเน่าแน่ หรือถึงแม้ว่าจะไม่เน่า หากถูกหวังจิ่นหลิงเห็นบาดแผลของนางเข้าก็คงไม่ดี
สองขาของนางเจ็บปวดจนชา หลายวันมานี้นั่งอยู่บนหลังม้า แม้แต่ขยับนางก็ไม่อยากขยับ เพียงแค่ขยับก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนถูกฉีก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังทำเป็นไม่เป็นอะไร
นางไม่กล้าให้ฝู่หลินรู้ว่าบนตัวนางมีบาดแผล หากเกิดเขารู้ว่าบนตัวนางมีบาดแผลแล้วคิดทำอะไรไม่ดีเล่า นางไม่รู้จักฝู่หลินขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะต้องการเร่งรีบไปช่วยหวังจิ่นหลิง นางไม่มีทางร่วมเดินทางไปกับคนแปลกหน้าแน่
“อะไรนะ? ซู่ชินอ๋อง?” ทหารเฝ้าประตูเมืองตกใจและรีบวิ่งลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...