นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 585

หวังจิ่นหลิงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมานั้น นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก นางจึงมิทันได้สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติไปของหวังจิ่นหลิง ทั้งยังมิได้สังเกตเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจของหวังจิ่นหลิงอีกด้วย

หลังจากที่ฉลองข่าวดีกันไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงได้นำโคมไฟมาอุ่นซุปให้หวังจิ่นหลิงทาน

"จิ่นหลิง เจ้าลุกขึ้นมาดื่มอะไรหน่อยเถอะ" เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ พยุงหวังจิ่นหลิงขึ้นมา พร้อมทั้งค่อย ๆ ป้อนซุปเข้าไป

หวังจิ่นหลิงยิ้มให้กับเฟิ่งชิงเฉินเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มเช่นเดียวกันกับที่เขายิ้มให้นางครั้งแรก รอยยิ้มของจิ่นหลิงนั้น คล้ายกับว่า เขามิเคยโกรธแค้นใครสักคนบนโลกใบนี้

จิ่นหลิงค่อย ๆ อ้าปากออกมา เพื่อให้ความร่วมมือเฟิ่งชิงเฉินในการป้อนอาหารเข้าไป โดยไม่มีการบ่นโอดครวญเกี่ยวกับร่างกายของตนเองหรือความเห็นแก่ตัวของตระกูลตนเองเลยแม้แต่น้อย

เขาคือหวังจิ่นหลิง เขาคือบุคคลที่ผู้คนในใต้หล้าสามารถละทิ้งเขาไปได้ เขาก็เป็นบุคคลคนหนึ่งที่รักและหวงแหนในชีวิตของตนเอง เขายังเป็นบุรุษที่รักและสนุกกับชีวิตของตน รู้จักโกรธเกลียดคนเช่นกัน ทว่า เขาไม่ชื่นชอบที่ตนเองจะต้องเอาอารมณ์โกรธแค้นมาดำเนินชีวิตต่อไปเช่นนี้ ทางเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือการละทิ้งทุกอย่าง

ละทิ้ง ตั้งแต่ที่ตระกูลของเขาคิดจะทิ้งเขาให้มีสภาพเช่นนี้ เขาก็ได้ละทิ้งตระกูลของเขาไปแล้วเช่นกัน ตั้งแต่วันนั้น เขาเพียงวางตนเองเป็นคนหนึ่งในตระกูล หาใช่ผู้ที่ได้นั่งอยู่บนตำแหน่งท่านผู้นำตระกูลไม่

ในครั้งนี้ เขาเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตทั้งหมดเก้าคน และยังมีผลประโยชน์ของเขาที่ตระกูลหวังได้ละทิ้งมันไปเช่นกัน เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอที่จะตอบแทนบุญคุณของตระกูลให้กับพ่อแม่ที่มีต่อเขา นับตั้งแต่ที่ตระกูลละทิ้งเขาไปนั้น เขาก็ไม่ใช่คุณชายใหญ่ของตระกูลหวังอีกต่อไป เขาเป็นเพียงแค่หวังจิ่นหลิง เป็นเพียงบุรุษที่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองเท่านั้น

ความโกรธแค้นของหวังจิ่นหลิง มีอยู่เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เพียงแค่แวบเดียวก็ทำให้เขาคิดได้แล้วว่าควรจะละทิ้งทุกอย่างไป เฟิ่งชิงเฉินหาได้รู้เรื่องไม่ว่า วินาทีแรกที่หวังจิ่นหลิงลืมตาขึ้นมานั้น เขาก็มีความคิดนี้ภายในหัวแล้ว

เวลาที่เหลืออยู่ หวังจิ่นหลิงจะมอบชีวิตของตนเองให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะต้องการให้เขาทำสิ่งใด เขาก็จะทำตามที่นางบอก จะฟังแต่นางและให้การสนับสนุนนางเท่านั้น แต่ทว่า การที่เขาต้องมานอนโดยไม่อาจขยับตัวทำสิ่งใดได้เช่นนี้ ย่อมต้องมีเรื่องให้ต้องรู้สึกอับอายตามมา เช่นการถ่ายหนักถ่ายเบา

เมื่อได้กินอาหารและดื่มน้ำลงไปบ้าง เขาก็เริ่มที่จะปวดเบาแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าอาภรณ์บนตัวเขาในยามนี้ ก็เป็นเฟิ่งชิงเฉินผลัดเปลี่ยนให้เขาเช่นกัน อาภรณ์ตัวเดิมที่อยู่ด้านในของเขาก็ถูกสับเปลี่ยนออกไปจนหมดเช่นกัน ในยามนี้ร่างกายของเขาจึงรู้สึกสบายตัวยิ่งนัก นั่นย่อมเป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินช่วยเช็ดชำระล้างให้เขาอีกเช่นกัน แต่ทว่า ในช่วงเวลานั้น เป็นเขาที่นอนไม่ได้สติอยู่ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะมิได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด หากแต่ความอับอายที่เขาต้องเผชิญก็ได้แต่ต้องเก็บเอาไว้ภายในใจ แต่ในยามนี้

เขาตื่นขึ้นมาแล้ว และต้องการไปปลดทุกข์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจขยับกายของตนเองไปได้เลย ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อตนเองได้เลยแม้แต่น้อย

หวังจิ่นหลิงพยายามเป็นอย่างมากที่จะกลั้นมันเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจกลั้นไว้ได้ แม้ว่าเขาจะเป็นคุณชายใหญ่ที่รูปงาม แต่ทว่าเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนปุถุชนคนทั่วไปเช่นกัน เมื่อเขาที่พยายามอดกลั้นมันไว้เป็นเวลานานนั้น ก็เริ่มที่จะไม่มีเรี่ยวแรงต่อไปแล้ว หากว่าเขาปลดเบารดตัวเองละก็ ย่อมเป็นเรื่องน่าอายหนักกว่าเดิมแน่

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน หวังจิ่นหลิงก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก สีหน้าที่แดงก่ำของเขา พร้อมกับกะพริบตาด้วยความเร็วไว แล้วจึงกล่าวออกมาว่า "เอ่อ ชิงเฉิน ข้า ข้าอยากจะ" ถึงแม้ว่าเขาจะทำใจพูดออกมาแล้วนั้น แต่คำพูดดันติดอยู่ที่ปากมิกล้าเอ่ยออกมาเช่นเดิม

เรื่องเช่นนี้ เป็นการทำลายบรรยากาศดี ๆ ยิ่งนัก

"จิ่นหลิง เจ้าเป็นอะไรไป?" เฟิ่งชิงเฉินเป็นหมอ หาใช่พยาบาลไม่ ดังนั้น จึงมีเรื่องที่นางจะละเลยไปบ้าง เมื่อรวมไปถึงร่างกายของหวังจิ่นหลิงที่ได้รับความปลอดภัยแล้วนั้น นางจึงเผลอปล่อยตัวไปอย่างสบายใจ โดยเฉพาะอาการความเหนื่อยล้าของนางที่สะสมมานานนั้น ทำให้เฟิ่งชิงเฉินมิค่อยมีสติคิดทบทวนสิ่งใดมากนัก

"ข้า ข้าอยากปลดทุกข์" หวังจิ่นหลิงพลันหลับตาลง พร้อมกับกลั้นใจพูดออกมา ผู้ใดไม่รู้คงจะคิดว่าเขาเป็นวีรบุรุษที่พยายามโห่ร้องเพื่อที่จะพลีชีพตนเองอย่างแน่นอน แต่แท้จริงแล้ว หวังจิ่นหลิงเพียงแค่ทำใจกว้างเอ่ยออกมาเท่านั้น

"ปลดทุกข์ ? อ๋อ ได้ เจ้ารอสักครู่หนึ่ง" เฟิ่งชิงเฉินโทษตนเองที่ไม่รู้จักคิดให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ เหตุใดนางถึงได้หลงลืมเรื่องนี้ไปเสียได้

หวังจิ่นหลิงรู้สึกอับอายเสียแทบตาย แต่เขากลับพบว่าเฟิ่งชิงเฉินหาได้มีท่าทีรู้สึกอึดอัดใจไม่ ดังนั้น เขาจึงค่อย ๆ ปล่อยวางเรื่องนี้ลงไป เขาเองก็หาใช่ผู้ที่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย

ทว่า ยามที่เฟิ่งชิงเฉินนำโถฉี่ขึ้นมาให้เขานั้น พร้อมทั้งบอกวิธีการใช้ไปมากมาย ในยามนี้ เขามีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวเองให้ตายอยู่รอมร่อ เขาในยามนี้รู้สึกอับอายจนแทบอยากจะมุดดินหนีเสียจริง!

"ชิงเฉิน ข้าไม่อยากใช้ของพวกนี้" บุรุษที่เป็นชายชาตรีเช่นเขา ต้องมาใช้ของพวกนี้นั้น นับว่าน่าขายหน้ายิ่งนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หากเขาใช้มันไป เฟิ่งชิงเฉินก็ต้องไปช่วยเขาเททิ้งอีก เขาไม่อาจยอมรับวิธีเช่นนี้ได้

"ร่างกายของเจ้ายังไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายตอนนี้ ในยามนี้ เจ้าใช้ได้แต่อันนี้เท่านั้น จิ่นหลิง ข้ารู้ว่ามันอาจจะดูน่าอายไปหน่อย แต่สถานการณ์ในยามนี้นั้น เจ้าอดทนหน่อยเถิด เช่นนั้น เจ้าก็จัดการด้วยตนเองเสีย แล้วข้าจะออกไปรอด้านนอก" เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าหวังจิ่นหลิงไม่ค่อยเต็มใจนัก ฉะนั้นแล้ว นางจึงมิได้พูดว่าตนเองจะคอยช่วยเหลือเขา

ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก มิต้องพูดถึงว่าจิ่นหลิงเป็นสหายของนาง แม้ว่าจะเป็นคนไข้ของนาง นางก็จะช่วยดูแลพวกเขาเช่นนี้เหมือนกัน

ให้ข้าตายเถอะ!

เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับโถปลดทุกข์เช่นนี้ หวังจิ่นหลิงรู้สึกอยากตายมากกว่าหนึ่งครั้งเลยทีเดียว แต่ทว่า ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ หวังจิ่นหลิงก็ได้แต่ต้องยอมรับในชะตากรรมของตนเองเช่นกัน หากว่าเขาปลดเบาลดตัวเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอายกว่ามากนัก

หลังจากที่ใช้เวลาทำใจเป็นเวลานาน หวังจิ่นหลิงก็ค่อย ๆ ทำใจได้แล้ว ยามที่กำลังจะเอื้อมมือไปปลดกางเกงของตนเองนั้น มือไม้ของเขาสั่นเสียจนไม่อาจบังคับให้มันปลดอาภรณ์ออกไปได้ "ชิงเฉิน"

หวังจิ่นหลิงรู้สึกหงุดหงิดกับตนเองที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ยิ่งนัก ภาพลักษณ์ของเขาที่อยู่ในใจของชิงเฉินคงจะติดลบมากกระมัง

"เป็นอะไรไป?" เฟิ่งชิงเฉินนางหาได้เดินไปไหนไกลไม่ เพียงแค่หวังจิ่นหลิงเรียกนาง นางก็เดินเข้ามาหาในทันที

"ข้าแก้ไม่ออก" หวังจิ่นหลิงชี้ไปที่กางเกงของตนเอง ด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ หากว่าตอนนี้มีเต้าหู้อยู่ก้อนหนึ่งนั้น เขาคงไม่รีรอที่จะเอาหน้าไปจุ่มมันในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ