เฟิ่งชิงเฉินพลันสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมทั้งค่อย ๆ ยื่นสองมือของตนเองไปจับที่ตัวของหวังจิ่นหลิง จากนั้นก็ค่อย ๆ วางมันลงไป บนหน้าอกของจิ่นหลิง เพื่อนอนฟังลมหายใจของเขา
"ยังอุ่นอยู่ ตัวยังอุ่นอยู่ ยังมีเส้นชีพจร ดีจริง ดีจริง ๆ ยังมีโอกาสช่วยจิ่นหลิง ยังมีโอกาสช่วยเขาอยู่"
เฟิ่งชิงเฉินดีใจเสียจนหัวเราะออกมา หยาดน้ำตาไหลลงมาข้างแก้มอีกครั้ง ยามที่นางกำลังหมดหวังถึงขีดสุด พระเจ้าก็ได้มอบความปีติยินดีกลับมาให้นางอีกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินเอาแต่กุมมือของหวังจิ่นหลิงเอาไว้
"จิ่นหลิง ข้ารู้ ข้ารู้ว่าเจ้าจะรอข้า" ในช่วงเวลานั้น เฟิ่งชิงเฉินดีใจเสียจนไม่อาจเอ่ยคำบรรยายอันใดออกมาได้ นางมิเคยดีใจมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่ที่นางสอบแพทย์ได้ หลังจากที่นางเข้ามาเป็นหมอเต็มตัวแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางดีใจ เพราะนางสามารถช่วยชีวิตหวังจิ่นหลิงเอาไว้ได้
"ข้าช่างเป็นคนโง่เสียจริง จิ่นหลิงข้าเป็นคนโง่ ข้าทำตัวเองตกใจเสียแทบแย่ ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีชีวิตอยู่แท้ ๆ แต่ข้ากลับคิดว่าเจ้าจะตายไปแล้ว ทำเอาข้าตกใจยิ่งนัก"
"จิ่นหลิง ดูสิ ว่าข้าโง่มากแค่ไหน ข้าช่างไม่เหมาะกับการเป็นหมอเสียจริง ข้าเอาอารมณ์ตนเองมาก่อนความคิดเช่นนี้ ทั้งยังเอาอารมณ์มาตัดสินความเป็นความตายของคนอีกด้วย" เฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ดีเสียจนเอ่ยหยอกล้อให้กับความผิดพลาดของตนเอง
เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ เช็ดหยาดน้ำตาของตนเอง จากนั้นก็หาน้ำมาให้หวังจิ่นหลิงดื่มเล็กน้อย พร้อมทั้งเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะออกมาเพื่อตรวจสอบดูร่างกายของหวังจิ่นหลิง
เป็นอย่างที่เฟิ่งชิงเฉินคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด บาดแผลบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน หาได้มีที่ใดได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ แต่เป็นเพราะร่างกายกายขาดสารอาหารเสียจนอ่อนแอ ร่างกายของหวังจิ่นหลิงจำเป็นที่จะต้องได้รับการบำรุงอย่างรวดเร็วที่สุด
เฟิ่งชิงเฉินมองไปยังศพที่อยู่ตรงปลายเท้าของนาง ศพนั่นเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาแล้ว ร่างกายของหวังจิ่นหลิงกำลังอ่อนแอ เขาไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่กลิ่นศพเช่นนี้ นางจำเป็นจะต้องพาหวังจิ่นหลิงออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
หากเป็นในยามปกติแล้วละก็ นางย่อมไม่สามารถพาหวังจิ่นหลิงเดินออกไปได้แน่ แต่ทว่า ร่างกายของหวังจิ่นหลิงในยามนี้ ทั่วร่างมีเพียงก้อนเนื้อเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแค่นางอุ้มเขาเบา ๆ ขึ้นมา นางก็สามารถพาหวังจิ่นหลิงออกมาได้แล้ว
คุณชายใหญ่ที่ได้รับความประคบประหงมเป็นอย่างดีนั้น การที่เขาต้องมาพบเจอสถานการณ์ที่น่าลำบากเช่นนี้ เขาจะทรมานมากเพียงใดกัน ในระยะเวลาเพียงแค่สามเดือน เขาก็เปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินเห็นสภาพเขาที่เป็นเช่นนี้แล้วรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
"จิ่นหลิง ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใคร ถึงได้ทำให้เจ้าต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ปล่อยมันไปแน่ รอจนกว่าพวกเราจะกลับไปก่อน พวกเราจะไปหาคนพวกนั้น เพื่อให้พวกมันรู้ว่า คุณชายใหญ่ที่เป็นหนึ่งในใต้หล้า หาใช่คนที่พวกมันจะมาย่ำยีอย่างไรก็ได้ หากพวกมันคิดจะมาทำกับเจ้าเช่นนี้ พวกมันย่อมต้องชดใช้"
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินหาพื้นที่ราบเรียบ ๆ ได้แล้ว นางจึงได้วางหวังจิ่นหลิงลง พร้อมทั้งหยิบน้ำตาลกลูโคสออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ เพื่อทำการให้เจาะเลือดให้น้ำเกลือกับหวังจิ่นหลิง หลังจากที่ปรับระดับการให้น้ำเกลือเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงได้หยิบอาภรณ์ชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป็นเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ แล้วจึงนำมาห่มให้กับหวังจิ่นหลิง
หลังจากที่ใช้เวลาในการกางเต็นท์แล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงได้อุ้มหวังจิ่นหลิงเข้าไปด้านในเต็นท์ หลังจากนั้นก็ช่วยหวังจิ่นหลิงชำระล้างร่างกายของตนเอง พร้อมทั้งผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้กับเขาเป็นตัวที่สะอาดที่สุด เมื่อมองเห็นร่างกายของคุณชายใหญ่ที่มีแต่กระดูกโผล่ออกมามากมายนั้น ความเศร้าโศกภายในใจของเฟิ่งชิงเฉินจึงฉายแววให้เห็นผ่านทางแววตาอย่างชัดเจน
นอกจากร่างกายที่อ่อนแอแล้ว ทั่วร่างของหวังจิ่นหลิงก็มีบาดแผลด้วยเช่นกัน ที่น่องของเขามีอาการกระดูกร้าว แม้ว่าองครักษ์ของเขาจะทำการจัดการบาดแผลให้แล้ว ทว่า หาได้เข้าที่ไม่ เฟิ่งชิงเฉินจึงได้จัดการต่อกระดูกให้กลับมาเข้าที่อีกครั้ง
เมื่อเห็นใบหน้าของหวังจิ่นหลิง ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดของการต่อกระดูกแล้วนั้น แต่หวังจิ่นหลิงกลับมิได้แสดงสีหน้าออกมาเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก อดมิได้ที่จะเป็นคนรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เอง ในขณะเดียวกัน นางก็พลันเอาแต่กล่าวโทษตนเองว่า ไม่ยอมสนใจเรื่องราวของจิ่นหลิงให้มากกว่านี้ มิเช่นนั้น จิ่นหลิงก็คงมิต้องมาโดนทำร้ายเช่นนี้เหมือนกัน
คุณชายใหย่ แม้ว่าโลกทั้งใบจะมากองอยู่ตรงหน้า ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันขาดคุณชายใหญ่เช่นเขาไปอยู่ดี เป็นผู้ใดกันแน่ ที่สามารถทำให้จิ่นหลิงมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ พวกเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขากล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้!
เฟิ่งชิงเฉินดูแลหวังจิ่นหลิงเป็นอย่างดี ทั้งยังคอยเฝ้าเขาไม่ไปไหน เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าในยามนี้ นางสมควรที่จะบำรุงร่างกายของหวังจิ่นหลิงเสียก่อน เนื่องจากว่า หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา เขาจะต้องรู้สึกหิวมากอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าหวังจิ่นหลิงหิวมากไปนั้น ก็อาจจะทำให้ปวดกระเพาะก็เป็นได้ ตอนนี้จึงได้แต่ต้องให้เขาทานอาหารอ่อน ๆ สถานการณ์เช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินมีแต่ต้องหาอาหารที่เพิ่มความอบอุ่นมาให้จิ่นหลิงทานเท่านั้น
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่หยิบตะเกียงแอลกอฮอล์ออกมา เพื่อทำการหุงหาอาหารให้จิ่นหลิงกินในทันที นางไม่รู้ว่าหวังจิ่นหลิงจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด เฟิ่งชิงเฉินจึงเริ่มลงมือปรุงอาหารในทันที หลังจากนั้นจึงใช้ตะเกียงไฟในการเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
เมื่อยามราตรีมาถึง บรรยากาศโดยรอบภายในหุบเขาแห่งนี้ อุณหภูมิจึงลดลงด้วยความรวดเร็ว เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าอุณหภูมิบนตัวของหวังจิ่นหลิงลดลงมากกว่าปกตินั้น นางจึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องดึงตัวหวังจิ่นหลิงเข้ามากอดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับเขาตลอดทั้งคืนในทันที
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่า ความตั้งใจในการเอาชีวิตรอดของผู่ป่วยบางคนนั้น สามารถตัดสินความเป็นความตายของพวกเขาได้ในทันที เฟิ่งชิงเฉินจึงใช้เวลาทั้งคืน ในการกระซิบข้างหู เพื่อพูดคุยกับหวังจิ่นหลิง แม้ว่าจะไม่มีปฏิกิริยาอันใดก็ตาม ตนเองพูดคุยไปได้ไม่เท่าไหร่ ลำคอของตนก็เจ็บปวดเสียจนคล้ายว่ามีดมากรีดที่คออย่างไรอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...