นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 596

เฟิ่งชิงเฉินเกร็งไปทั้งร่างและไวต่อความรู้สึกกว่ายามปกติ เมื่อเสด็จอาเก้าใช้นิ้วที่หยาบเล็กน้อยแตะบาดแผลที่ไวต่อความรู้สึกของนาง เฟิ่งชิงเฉินก็ตัวสั่นและอดอ้าปากครางออกมาไม่ได้…

ความรู้สึกเสียวซ่านวาบลงมาจากกลางหลังแผ่ไปทั่วสรรพางค์กายราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ร่างกายของนางสั่นสะท้าน เฟิ่งชิงเฉินพยายามขืนตัวให้ปิดปากลงกลืนเสียงครางในลำคอของนางลงไปและตัดพ้อออกมา “เสด็จอาเก้า ท่านอย่าแกล้งข้า ข้าเป็นคนเจ็บ เป็นคนเจ็บ!”

ไม่ใช่นางจงใจทำเป็นอ่อนแอ แต่ร่างกายของนางรับการหยอกล้อของเสด็จอาเก้าไม่ไหว เพียงแค่เขาแตะนางนิดหน่อย ร่างกายของนางก็อ่อนระทวยลงอย่างไม่อาจควบคุมได้

เมื่อใจสั่นก็เริ่มหวั่นไหว!

“ในหัวของเจ้าคิดเรื่องอะไรกันแน่ ข้ายังไม่ได้เลวถึงเพียงนั้น” ในยามนี้ใบหน้าของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยความอึมครึม ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉิน เขาดูหิวกระหายยิ่งนัก มิฉะนั้นนางจะคิดว่าเขามีความคิดเช่นนั้นต่อนางได้อย่างไร?

เสด็จอาเก้าไม่พอใจ เขายกมือขึ้นคิดจะตีลงบนหลังของนาง แต่เมื่อนึกได้ว่าด้านหลังของนางก็มีแผลจึงเปลี่ยนเป็นตีก้นแทน

“เพี๊ยะ…” เสด็จอาเก้าโมโหแล้ว แน่นอนว่าเมื่อลงมือจึงไม่ปรานี เขาตีก้นของเฟิ่งชิงเฉินอย่างแรง

เจ็บเสียจึงจะดี!

เฟิ่งชิงเฉินเดิมทีก็ฝืนร่างกายอยู่ไม่ให้ต้นขาของนางสัมผัสกับตั่ง เมื่อเสด็จอาเก้าตีลงมาเช่นนี้จึงทำให้นางฟุบตัวลงกับที่นอน บาดแผลที่ต้นขาด้านในจึงโดนเข้ากับเบาะ

“โอ๊ย… เจ็บจังเลย” เฟิ่งชิงเฉินไม่ทันเตรียมตัว เมื่อเจ็บก็เกือบกัดลิ้นตนเอง

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เสด็จอาเก้าฟังรู้ว่านางไม่ได้เสแสร้งก็ตกใจมาก คิดไปว่าตนเองลงมือหนักเกินไปแล้วจึงเอื้อมมือออกไปคว้านางเข้ามากอด คนหนึ่งหมุนตัวนั่งอยู่บนเบาะทำให้เฟิ่งชิงเฉินพลิกตัวเข้าสู่อ้อมกอดโดยระวังไม่ให้โดนบาดแผลที่หลังของนาง

“ออกจากเมืองไปคราวนี้เจ้าเอาแต่ใจยิ่งนัก ข้าตีเจ้า เจ้ายังจะชักสีหน้าใส่ข้าอีก” เสด็จอาเก้าไม่เคยพูดเอาใจนางเลยแม้แต่น้อย แต่การกระทำของเขากลับล้วนเปิดเผยความในใจ

ชิ มันน่านัก

เฟิ่งชิงเฉินผ่อนคลายจากความเจ็บปวดและมีใจคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว แต่เมื่อคิดหน้าของนางก็ซีดลง

แผลของนาง!

โอ๊ย! ไม่ทันแล้ว เสด็จอาเก้าลงมือฉีกชุดของนางออกดูแล้ว นางนุ่งน้อยห่มน้อย จึงทำให้เสด็จอาเก้าจึงสะดวกมากขึ้นไปอีก แม้เฟิ่งชิงเฉินอยากจะห้าม แต่นางก็ไม่มีความสามารถนี้

ไม่เอา!

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากคิดว่าเมื่อเสด็จอาเก้าเห็นบาดแผลบนตัวนางแล้วใบหน้าของเขาจะบูดบึ้งเพียงใด มือของนางปิดหน้าทำเป็นมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

“เฟิ่งชิงเฉิน บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ตามคาด เมื่อเสด็จอาเก้าเห็นสองขาที่มีแผลเหวอะของนางก็ไม่เพียงแต่มีหน้าบึ้ง แม้แต่น้ำเสียงก็เย็นชาอย่างมาก แรงกอดเฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งแรงขึ้นจนนางรู้สึกเจ็บ เสด็จอาเก้าจึงได้สติขึ้นและรีบปล่อยมือ

“เฟิ่งชิงเฉิน บอกข้ามาว่านี่มันเรื่องอะไรกัน” เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ตอบ เสด็จอาเก้าก็ถามขึ้นอีก ครั้งนี้ยิ่งเพิ่มความเคร่งขรึมจริงจังบ่งบอกนางว่าอย่าได้คิดหลอกเขา

เฟิ่งชิงเฉินอยากร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา นางคลายมือออกช้าๆ มองลอดนิ้วมือไปยังหน้าของเสด็จอาเก้าที่บูดบึ้งราวยมทูตและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ดวงตาของนางกลอกเล็กน้อยและแสร้งสำออยขึ้นมาทันที

“แผลของข้า เจ็บจังเลย เสด็จอาเก้า…” พยางค์สุดท้ายนางไม่เพียงทำเสียงสูงแต่ยังลากเสียงยาวอย่างออดอ้อน

หากเป็นยามปกติ เสด็จอาเก้าคงปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง เห็นว่านางแสร้งทำตัวอ่อนแอจึงยอมให้นางกล่อมให้เรื่องผ่านไป แต่วันนี้ไม่ได้

“เฟิ่งชิงเฉิน คุยกันดีๆ วันนี้อย่าว่าแต่เจ้าจะเรียกเสด็จอาเก้าเลย เรียกอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น บอกว่า แผลของเจ้านี่เป็นเรื่องอะไรกัน?”

เสด็จอาเก้าอยากจะตีเฟิ่งชิงเฉินนัก ใครใช้ให้นางดื้อ ใครใช้ให้นางดื้อ แต่เมื่อหาอยู่นานก็ยังหาที่ลงมือไม่ได้ หากตีแล้วนางเจ็บ เขาเองก็ปวดใจ

เรียวขาขาวราวหิมะในตอนนี้มีทั้งเลือดและหนอง แม้จะไม่สาหัสเท่าบาดแผลที่กลางหลัง แต่เมื่อมองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแผลที่ขาดูแย่กว่าเสียอีก มันดูเหมือนแผลพุพอง เขาดูจนใจเจ็บปวด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ