นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 609

หลังจากที่เสด็จอาเก้าถูกนำตัวไปแล้ว บรรยากาศในท้องพระโรงก็เงียบสงบลง ขุนนางในที่เกิดเหตุแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น ต่างคนต่างอึ้ง และไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมามองฮ่องเต้

พระราชอำนาจและความน่ายำเกรงของฮ่องเต้ได้มาถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากที่ตระกูลของฮองเฮาพินาศลง ก็มีเสด็จอาเก้าที่ถูกกำจัดไปอีกราย

เมื่อฮ่องเต้ได้ลงมืออย่างจริงจังแล้วก็ต้องเล่นงานฝ่ายตรงข้ามให้ถึงที่สุด บรรดาขุนนางไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกความเก่งกาจของฮ่องเต้อีกเลย

เนื่องจากเสด็จอาเก้าเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว รูปแบบการบริหารงานภายในราชสำนักตงหลิงก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยน แต่ทว่า......หลังการเพลี่ยงพล้ำของเสด็จอาเก้าและตระกูลฮองเฮา ยังจะมีผู้ใดสามารถมาหยุดยั้งความเจริญก้าวหน้าของบรรดาผู้ทรงอำนาจได้ หรือว่าผู้ทรงอำนาจเหล่านี้จะได้ชูคอมากขึ้นกว่าเดิม? ฮ่องเต้จะยอมให้เป็นเช่นนั้นหรือ?

กลุ่มขุนนางจากตระกูลที่ทรงอิทธิพลต่างแอบเปรมปรีดิ์อยู่ในใจ พวกเขาเตรียมลุยงานใหญ่ ในขณะที่ขุนนางคนอื่นๆกำลังกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะขุนนางใหญ่ที่ใกล้ชิดกับเสด็จอาเก้า พวกเขาได้แต่พากันหดหัว เพราะเกรงว่าจะเป็นเหยื่อรายต่อไปของฮ่องเต้

ขุนนางฝ่ายรัชทายาทก็มีสีหน้าที่วิตกกังวล เมื่อเห็นการกระทำของฮ่องเต้แล้ว คนต่อไปที่ฮ่องเต้จะเล่นงานจะต้องเป็นรัชทายาทแน่นอน พวกเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง และในตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาควรจะทำมากที่สุด ก็คือการช่วยเสด็จอาเก้าให้ออกมาจากคุก

แต่ความผิดของเสด็จอาเก้าคือการกระด้างกระเดื่องต่อฮ่องเต้ หากเหล่าขุนนางจะช่วยล้มล้างข้อกล่าวหานี้ ก็จะเป็นการกังขาว่าฮ่องเต้ตัดสินใจผิดพลาด ซึ่งจุดนี้จะเป็นตัวนำพาความซวยมาเยือนอย่างแท้จริง

ตึกตัก......ตึกตัก ท่ามกลางเหมันตฤดู ขุนนางแห่งตงหลิงกลับอกสั่นขวัญแขวนจนเหงื่อออกท่วมตัว ฮ่องเต้กวาดสายตามองมายังด้านล่าง เมื่อเห็นท่าทีของขุนนางส่วนใหญ่แล้ว ก็รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก

นับจากเหตุการณ์ที่เสด็จอาเก้าร่วมมือกับอวี่เหวินหยวนฮั่วมาสร้างความกดดันให้กับเขาก็เป็นเวลาร่วมครึ่งปีมาแล้ว เขาไม่มีวันลืมความอัปยศในวันนั้น เขาเป็นถึงจักรพรรดิแต่กลับต้องมาอยู่ในจุดที่น่าละอายอย่างยิ่ง

มาวันนี้......ในที่สุดเขาก็ลบล้างความอัปยศได้สำเร็จ

ความน่ายำเกรงขององค์จักรพรรดิ ไม่มีผู้ใดต้านทานได้ทั้งนั้น ต่อให้มีสิทธิพิเศษมากเพียงใดก็ตาม หรือต่อให้เป็นเสด็จอาเก้าผู้เป็นที่โปรดปรานของอดีตฮ่องเต้ก็ไม่มีข้อยกเว้น สีหน้าที่หวั่นวิตกและกระวนกระวายของขุนนางแต่ละฝ่าย ทำให้ฮ่องเต้สบายอกสบายใจ นี่ต่างหากล่ะ คือศักดิ์ศรีที่องค์จักรพรรดิควรครอบครอง

การประชุมขุนนางที่ไร้เงาของเสด็จอาเก้ามันช่างจรรโลงใจเสียจริง การเล่นงานเสด็จอาเก้าครั้งนี้เขาต้องทำให้เสด็จอาเก้าไม่มีวันฟื้นคืนชีพอีกเลย......

เมื่อการประชุมขุนนางยามเช้าเสร็จสิ้น ฮ่องเต้ก็กลับไปที่ห้องทรงพระอักษร แล้วทำการร่างข้อกำหนดขึ้นมา โดยอนุญาตให้ชายหนุ่มจากครอบครัวที่แร้นแค้นเข้ามารับราชการในวังหลวงได้ จะมีการกำหนดสอบคัดเลือกปีละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มจากตระกูลผู้มั่งมีหรือยากจน ก็มีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบ

เมื่อข้อกำหนดนี้ถูกถ่ายทอดลงมา ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทักท้วง

เมื่อขุนนางทราบข้อกำหนดนี้แล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอีกแบบ ตอนนี้พวกเขาลืมเรื่องเสด็จอาเก้าไปเสียแล้ว บรรดาขุนนางผู้ทรงอิทธิพลทั้งดีใจและวิตกกังวล ดีใจเพราะลูกหลานของตัวเองจะได้มีหนทางมากขึ้น ส่วนสิ่งที่ทำให้พวกเขาวิตกกังวลก็คือ เกรงว่าลูกหลานของตัวเองจะสู้ลูกหลานคนยากคนจนไม่ได้

แม้พวกเขาจะเกิดมายากจน แต่ครอบครัวที่พอมีปัญญาส่งเสียให้ลูกหลานเรียนหนังสือก็มีอยู่ไม่น้อย หากลูกหลานของตัวเองไม่เอาถ่าน ก็อาจแข่งขันกับลูกหลานคนเหล่านี้ไม่ได้ แต่ว่า......

เมื่อนึกถึงท่านแม่ของฮองเฮา เสด็จอาเก้าและจูอวี้แล้ว ตระกูลขุนนางผู้ทรงอำนาจก็ไม่กล้าท้าทายพระราชอำนาจ

ในทางตรงกันข้ามกับตระกูลขุนนางผู้ทรงอำนาจ ครอบครัวผู้ยากจนต่างพากันไปคุกเข่าสรรเสริญฮ่องเต้อยู่ด้านนอกประตูวัง ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉิน

ผู้ที่ออกจากประตูวังไปพร้อมกับประกาศฉบับใหม่ก็คือทหารองครักษ์ โดยทหารองครักษ์ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปยึดทรัพย์ที่จวนอ๋องเก้า อีกกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปที่เรือนเล็กซีชวีของเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินใช้เครื่องประดับที่มีเพียงฮองเฮาสามารถใช้ได้เพียงผู้เดียว นี่ถือเป็นการกบฏ การที่ฮ่องเต้ส่งทหารองครักษ์ชุดใหญ่บุกไปยังถิ่นนาง มิใช่เพราะกลัวเฟิ่งชิงเฉินจะหลบหนี แต่เพื่อเป็นการป่าวประกาศให้คนในเมืองหลวงได้รับรู้ ว่าผู้ใดที่ทำตัวกระด้างกระเดื่องต่อฮ่องเต้ จะต้องมีจุดจบที่น่าเศร้า

รัชทายาทก็กำลังวิ่งวุ่นหลังจากที่เสด็จอาเก้าถูกคุมขัง เขาพยายามจะช่วยพาเสด็จอาเก้าออกมา ยังไม่มีสมาธิจะไปใส่ใจเรื่องของเฟิ่งชิงเฉิน แล้วอีกอย่าง หากพาเสด็จอาเก้าออกจากคุกได้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็จะปลอดภัยเอง

ใครๆก็รู้ดีว่าการที่ฮ่องเต้ถือสาเอาความกับเรื่องเครื่องประดับหงส์ฟ้านั้นเป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้เสด็จอาเก้า ให้เสด็จอาเก้าที่หัวดื้อได้รับโทษกบฏ

เมื่อถึงตอนนั้นแล้วต่อให้อวี่เหวินหยวนฮั่วจะละทิ้งชายแดนเป่ยหลิงแล้วส่งทหารมาช่วยเขาถึงตงหลิงก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อเสด็จอาเก้าได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักโทษกบฏแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่อาจแสวงหาความเจริญได้อีก ต่อให้ฮ่องเต้จะเมตตาปรานีเขาอย่างไร แต่พวกชาวบ้านไม่มีวันยอมรับเขาแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ