ทุกครั้งที่พบหน้าท่านล้วนไม่มีเรื่องดี......
แม้ว่าจะเป็นกังวลใจและวิตกเพียงใด เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้ออันมีสีสันของเฟิ่งชิงเฉิน ตี๋ตงหมิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นเล็กน้อย ราชองครักษ์หากไม่มีเรื่องใดจะออกจากวังหรือ จริงเลยเชียว......
หัวหน้าราชองครักษ์ค่อนข้างจะขี้อาย ประกอบกับตี๋ตงหมิงเองก็ขำขึ้นเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาจึงแดงเรื่อ “คุณหนูเฟิ่ง ข้าจะเดินทางออกจากวังต่อเมื่อมีธุระ” ดังนั้น......ไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่ที่พบกันแล้วข้าไม่มีอะไรทำ แต่เมื่อใดที่เขาเดินทางออกจากวังล้วนไม่มีเรื่องดี
เอ่อ......สีหน้าของราชองครักษ์ดูดำมืดไปในทันที ประโยคด้านหลังไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงจะกลายเป็นดั่งที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวจริงๆ เมื่อไหร่ที่พวกเขาล้วนไม่มีเรื่องดี
“ฮ่าๆๆ......” ตี๋ตงหมิงหัวเราะขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้หัวหน้าราชองครักษ์ไม่อาจกล่าวสิ่งใดขึ้นอีก เฟิ่งชิงเฉินนับวันนับมีความสามารถมากขึ้นทุกที
ราชองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังพวกเขาก็เริ่มหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่ได้ ไหล่ของพวกเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย หอกที่อยู่ในมือก็สั่นคลอนเบาๆ เหตุการณ์อันตึงเครียดดูคลี่คลายลงได้มากด้วยรอยยิ้มเหล่านี้ หอกของราชองครักษ์เมื่อครู่ก็ไม่ได้ดูเยือกเย็นดั่งเดิม
ตี๋ตงหมิงแอบยกนิ้วโป้งให้เฟิ่งชิงเฉิน เก่งกาจ เก่งกาจยิ่งนัก! เพียงสองสามประโยคของนางสามารถทำให้สถานการณ์อันหนาวเหน็บกลับคลี่คลายได้อย่างดี
เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ้มตามเช่นกัน นางคาดว่าทงจือน่าจะหยิบปิ่นเฟิ่งมาแล้ว เมื่อเห็นหัวหน้าราชองครักษ์รู้สึกลำบากใจ นางก็หยุดอยู่เพียงเท่านั้น แล้วโค้งกายทำท่าทางขอโทษไปทางหัวหน้าราชองครักษ์เล็กน้อย “ใต้เท้า ชิงเฉินไม่ได้มีเจตนา ใต้เท้าอย่าได้ใส่ใจเลย ไม่ทราบว่าใต้เท้าเดินทางมาที่นี่มีเรื่องอันใด”
การให้ความเคารพก่อนจะจู่โจม ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเย่อหยิ่งเพียงใด แต่นางก็ควรที่จะมีมารยาทตามความเหมาะสม จะให้ผู้อื่นมาหาว่านางไม่มีการศึกษาไม่ได้
“คุณหนูเฟิ่งไม่จำเป็นต้องมากพิธีความ ข้าเดินทางออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำมอบหมายจากองค์จักรพรรดิ คุณหนูเฟิ่ง เมื่อเดือนสิบเอ็ดวันที่สิบแปดคุณหนูและเสด็จอาเก้าเดินทางเข้าไปในพระราชวังในวันนั้น ได้ใช้ปิ่นเฟิ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ต้องห้าม ทุกคนใต้หล้านี้นอกจากองค์จักรพรรดินีแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถใช้มันได้ คุณหนูเฟิ่งดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สวมใส่ปิ่นเฟิ่งโดยผิดกฎหมาย สมควรได้รับโทษตามกฎหมาย คุณหนูเฟิ่ง......” หัวหน้าราชองครักษ์อธิบายโทษของเฟิ่งชิงเฉินออกมาตามขั้นตอน ซึ่งท่าทางของเขาค่อนข้างจะสุภาพเกรงใจ
ในเมื่อเฟิ่งชิงเฉินเกรงใจ ตัวเขาก็พูดง่าย เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินไม่ต่อต้านการจับกุมเขาก็จะไม่ใช้กำลัง จะว่าอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็นับว่ารู้จักกันคุ้นเคยดี ส่วนตัวเขายังค่อนข้างชื่นชมทุกการกระทำของเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก เพียงแต่......เฟิ่งชิงเฉินนั้นเย่อหยิ่งเหลือเกิน จนทำให้องค์จักรพรรดิจับจ้องเป็นเป้าหมาย
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าเหตุใดนางจึงถูกจับกุม ดังนั้นจึงไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด “ใต้เท้า สิ่งที่ชิงเฉินติดประดับไว้บนศีรษะเป็นปิ่นเฟิ่งก็จริง แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด”
คิ้วอันแหลมคมของเฟิ่งชิงเฉินเลิกขึ้นเล็กน้อยดูเข้มงวดมากขึ้น ช่างเย็นชาแตกต่างไปจากรอยยิ้มอันงดงามเป็นกันเองเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินดูเคร่งขรึมสง่างาม
เมื่อถูกเฟิ่งชิงเฉินจับจ้องมองเช่นนี้ หัวหน้าราชองครักษ์ก็หัวใจสั่นไหวเริ่มตื่นตระหนก เขาถอยหลังกลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเขารู้ตัวก็ได้แอบด่าตัวเองว่าไร้ประโยชน์แล้วก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
หัวหน้าราชองครักษ์เหยียดหลังตรง เขาไม่กล้าสบตากับเฟิ่งชิงเฉินอย่างตรงไปตรงมา แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “คุณหนูเฟิ่ง การที่ท่านกล่าวว่าไม่ได้ดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือทำผิดกฎหมายไม่เคารพราชวงศ์ใดๆ ต่อให้กล่าวกับข้าก็ไร้ประโยชน์ ในวันนี้ข้าเดินทางมาตามคำสั่งให้จับกุมคุณหนูไปปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะยุติธรรมหรือไม่นั้น จะถูกตัดสินเองจากความเป็นจริง”
“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว องค์จักรพรรดิคงจะประทานความยุติธรรมให้แก่ข้า เพียงแต่ว่า......” เมื่อเฟิ่งชิงเฉินกล่าวถึงตรงนี้ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก ท่าทางของนางลึกล้ำไม่อาจหยั่งรู้ได้
สายตาเหลือบมองไปที่ประตูที่ถูกองครักษ์ถีบจนเสียหาย อืม แค้นนี้นางจดจำเอาไว้แล้ว
หัวหน้าราชองครักษ์ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่พึงพอใจ เขาละเลยต่อความสง่างามอันเป็นธรรมชาติของเฟิ่งชิงเฉิน และความแข็งแกร่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึง ก่อนจะสงบลงกล่าวว่า “คุณหนูเฟิ่งอย่าได้หยิ่งทะนงเสียจนเกินไป ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด หากคุณหนูเฟิ่งไม่ให้ความร่วมมือล่ะก็อย่าหาว่าข้าไร้เหตุผล”
ประโยคนี้หมายความว่าเขาจะลงไม้ลงมือ
สายตาของตี๋ตงหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาตั้งใจจะเดินหน้าขึ้นไปแล้วใช้อำนาจจากจวนเซียวชินอ๋องผลักดันทหารเหล่านี้ออกไป แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับโบกมือให้เขาแสดงให้เห็นว่าอย่าได้ลงมาลงมือ บัดนี้ในมือของทงจือกำลังถือถาดไม้เดินตรงเข้ามา บนถาดนั้นมีผ้าสีแดงปูวางเอาไว้ ด้านบนคือปิ่นเฟิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินปักในวันนั้น
ทันทีที่ปิ่นเฟิ่งถูกเปิดเผยออกมา ก็จะตัดสินแพ้ชนะได้
เฟิ่งชิงเฉินกวาดตามองไปยังทหารที่ยืนอยู่เต็มไปหมดในเรือนของนาง สายตาคู่นั้นจับจ้องไปที่หัวหน้าราชองครักษ์ กล่าวว่านางเย่อหยิ่งหรือ เช่นนั้นนางจะเย่อหยิ่งต่อหน้าทุกคนให้ดู
เฟิ่งชิงเฉินยกมือขึ้นทัดผมที่หลังหู ท่าทางของนางดูอึดอัดใจเล็กน้อย “ใต้เท้า ที่จริงชิงเฉินก็อยากจะไปกับท่าน แต่น่าเสียดายเหลือเกิน......ใต้เท้าท่านไม่มีความสามารถนั้นที่จะพาชิงเฉินไปได้”
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้ายิ่งนัก ทหาร จับตัวนาง!” หัวหน้าราชองครักษ์รู้สึกโมโห ตี๋ตงหมิงเองก็ตกใจอย่างเหลือเชื่อ
เฟิ่งชิงเฉินบ้าไปแล้วหรือไร?
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ตี๋ตงหมิงก้าวมาข้างหน้าต้องการจะรั้งราชองครักษ์เหล่านั้นไว้ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่ราชองครักษ์ทั้งหลายได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิและไม่สนใจซื่อจื่อเซียวชินอ๋องในสายตา
“ฉึบ” พวกเขาก้าวไปข้างหน้า หอกยาววางไว้ตรงคอของเฟิ่งชิงเฉิน หัวของหอกอันแข็งทื่อเย็นเฉียบชี้ไปที่ลำคอของนางและศีรษะ เพียงแค่ใช้แรงเล็กน้อยเฟิ่งชิงเฉิน ก็อาจได้รับบาดเจ็บทันที
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินยังคงไม่เปลี่ยนไป แววตาอันแหลมคมจับจ้องไปยังหัวหน้าราชองครักษ์อย่างดุเดือด “กล้างั้นหรือ หากจะกล่าวกันถึงความกล้าหาญ ใต้เท้าต่างหากที่เรียกว่ากล้า”
เฟิ่งชิงเฉินพ่นลมหายใจออกมาด้วยความดูถูก ไม่รอให้หัวหน้าราชองครักษ์กล่าวสิ่งใดออกมา นางก็กล่าวกับทงจือว่า “ทงจือ จงไปนำปิ่นเฟิ่งที่จักรพรรดิพระองค์ก่อนประทานมาให้ข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...