เฟิ่งชิงเฉินเรียกได้ว่ารังแกผู้คนกันเกินเหตุ หัวหน้าราชองครักษ์โมโหเสียจนอยากจะฆ่านาง แต่ว่าในมือของเฟิ่งชิงเฉินมีปิ่นเฟิ่งอยู่ ต่อให้เขาไม่พอใจเพียงไรก็ทำได้เพียงอดทน
หัวหน้าราชองครักษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามยิ้มออกมาอย่างแข็งกระด้าง เขาหยิบตั๋วเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ บิดไปที่ปลายจมูกแล้วกล่าวว่า “คุณหนูเฟิ่งหนึ่งร้อยตำลึงพอหรือไม่”
ประตูจวนคาดว่าราคาไม่เกินยี่สิบตำลึง อีกแปดสิบตำลึงที่เหลือนับว่าเป็นค่าทำขวัญของเฟิ่งชิงเฉิน
“หนึ่งร้อยตำลึงหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ หัวหน้าราชองครักษ์ได้ยินดังนั้นก็หยิบตั๋วเงินมาอีกหนึ่งใบอย่างว่าง่าย “สองร้อยตำลึง?”
บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกโกรธเคืองมาก เนื่องจากเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีผู้ใดใช้เงินมาฟาดหัวนาง อีกอย่างเงินเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านี้ คิดว่านางยากจนมากหรืออย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินโมโหเสียจนหัวเราะออกมา แล้วกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านคิดว่าข้าขาดแคลนเงินทองหรือไม่?”
ต่อให้นางสาวยากแค้นจริงๆ เงินจำนวนหนึ่งร้อยสองร้อยตำลึงเหล่านี้นางก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา หากจะให้นางเอ่ย แน่นอนว่าต้องไม่ต่ำกว่า ทองจำนวนหนึ่งพันตำลึง
“เอ่อ......” หัวหน้าราชองครักษ์เก็บตั๋วเงินลงไปแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างสุภาพว่า “คุณหนูต้องการให้ข้าน้อยทำอย่างไร?”
“ทำอย่างไร?”
ต้องให้นางสอนหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกทาง “ในเมื่อใต้เท้าเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ชิงเฉินก็จะขอกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ในเมื่อพวกท่าน เตะประตูบานนี้จนพัง แน่นอนว่าพวกท่านจะต้องซ่อมมันด้วยตัวเอง ซ่อมเสร็จเมื่อก็สามารถไปได้เมื่อนั้น”
เฟิ่งชิงเฉินหันไปโบกมือให้กับบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลัง ทงจือและทงเหยารีบนำเก้าอี้มาวางไว้ตรงด้านหน้า
“ว่าอย่างไรนะ? จะให้พวกเราซ่อมประตูหรือ?” หัวหน้าราชองครักษ์ทำสีหน้าเหมือนกับรับประทานอุจจาระมาอย่างไรอย่างนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า เฟิ่งชิงเฉินต้องการทำให้พวกเขาต้องอับอาย ทำให้พวกเขาต้องรู้สึกเสียหน้า
แต่พวกเขาถูกใส่ร้ายจริงๆ พวกเขาเพียงแค่เดินทางมาทำตามคำสั่ง จะรู้ได้อย่างไรว่าบังเอิญเตะเข้ากับเฟิ่งชิงเฉินซึ่งเป็นดุจดั่งแผ่นเหล็กขนาดใหญ่เช่นนี้
เฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าเมื่อไหร่ที่พบเขาล้วนไม่มีเรื่องดี เห็นได้ชัดว่าตัวเขาต่างหากไม่เคยมีเรื่องดีทุกครั้งที่พบกับเฟิ่งชิงเฉิน ครั้งก่อนที่จวนเฟิ่งก็เช่นกัน เวลาครึ่งเดือนนับได้ว่าลำบากที่สุดในชีวิต ส่วนในครั้งนี้......
ซวยยิ่งกว่าเดิม จากนี้ดูเหมือนเขาจะจินตนาการได้ถึงความโมโหขององค์จักรพรรดิแล้ว
หัวหน้าราชองครักษ์เริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการที่ได้พบกับเฟิ่งชิงเฉินนั้นช่างโชคร้ายยิ่งนัก
“หูของท่านได้ยินไม่ผิดไปหรอก ซ่อมประตู” เฟิ่งชิงเฉินยกเสื้อตัวยาวของนางขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงอย่างสง่า ร่างกายของนางเอนไปทางขวาเล็กน้อย มือขวาจับไปที่คาง รัศมีดุจดังราชินี เมื่อพบว่าหัวหน้าราชองครักษ์ไม่ขยับแม้แต่น้อยเป็นเวลานาน นางจึงได้ยกมือซ้ายขึ้นอย่างไร้ความอดทน “ใต้เท้าเชิญลงมือเถิด”
เห็นได้ชัดว่าท่าทางของนางดังนี้ต้องการจะอยู่เพื่อคุมงาน หากพวกเขาไม่ซ่อมแซมประตูให้นางล่ะก็คงไม่อาจจากไปได้ง่ายๆ
หัวหน้าราชองครักษ์ ทิ้งมารยาทต่างๆ นานาที่เขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลาช้านาน เขาพยายามระงับความโมโหไว้ในใจแล้วกัดฟันกล่าวว่า “แม่นางเฟิ่งอย่าได้ทำเหตุ พวกเราจะต้องกลับไปที่พระราชวังเพื่อรายงานเรื่องราวตามคำสั่งที่ได้รับมา หากว่าชักช้า ทั้งเราและท่านล้วนไม่อาจรับผลที่ตามมาได้”
“อ๋อ เช่นนั้นหรือ......ถ้าเช่นนั้น ในเมื่อพวกท่านทุกคนเร่งรีบจะเดินทางกลับ ก็จงรีบเร่งเข้า อย่าได้เสียเวลาปฏิบัติหน้าที่อื่นของท่าน” ดูเหมือนเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ได้ยินหรือไม่เข้าใจคำข่มขู่จากประโยคเมื่อครู่ของหัวหน้าราชองครักษ์ นางกล่าวออกมาอย่างใจเย็น
การที่องค์จักรพรรดิทรงส่งราชองค์รักษ์มาอย่างหยิ่งผยองนั่นก็เพราะต้องการจะจัดการเสด็จอาเก้าไม่ใช่หรือ ต้องการที่จะเชือดไก่ให้ลิงดูไม่ใช่หรือ ในเมื่อองค์จักรพรรดิเริ่มก่อน ก็อย่าได้โทษนาง
ผู้ใดตบหน้าคนอื่นไม่เป็น?
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มแล้วมองไปยังผู้คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจวนของนางมากมาย องค์จักรพรรดิทำเรื่องนี้ให้ยุ่งยากอย่างเปิดเผย ทำเอาเสียผู้คนกว่าครึ่งในเมืองหลวงรู้ว่ามีราชองครักษ์เดินทางมาจับตัวเฟิ่งชิงเฉินไป แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับเป็นนางที่ชนะ
ราชองครักษ์ล้มเหลวต่อหน้าที่ในการพาตัวเฟิ่งชิงเฉินไป อีกทั้งยังต้องนั่งซ่อมประตูให้แก่เฟิ่งชิงเฉินด้วย แล้วองค์จักรพรรดิจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“แม่นางเฟิ่งจงพอเท่านี้เถิด การไม่เคารพต่อองค์จักรพรรดิมีโทษประหารชีวิต”
“ใต้เท้า การไม่เคารพต่อจักรพรรดิและจักรพรรดินีพระองค์ก่อน จะต้องประหารเก้าชั่วโคตร” ใครบ้างที่จะข่มขู่ไม่เป็น ช่วงการปฏิวัตินั้นเรียกได้ว่ามีขู่ข่มขู่คนอื่นเกิดขึ้นจำนวนมาก
“เจ้า......!” หัวหน้าราชองครักษ์ไม่อาจสงบอารมณ์ได้อีกต่อไป มือขวาของเขากำเอาไว้ที่ด้ามดาบราวกับต้องการจะชักมันออกมา
ไม่รู้ว่าตี๋ตงหมิงลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไร เขานั่งลงไปพร้อมกับเสียงดังตุ๊บ ใบหน้าของเขากล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “อะไรกัน ก็แค่ซ่อมประตูไม่ใช่หรือไง รีบทำเร็วเข้า มัวชักช้าทำไม องค์จักรพรรดิคงจะตำหนิพวกเจ้าเอาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...