ตี๋ตงหมิงเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินมีเรื่องกังวลใจมากมาย เขารู้ว่าระยะนี้นางมีแรงกดดันสูงจึงรู้สึกปวดใจเล็กน้อย ยกกาน้ำชาขึ้นมารินให้นาง
“เอาเถอะ เรื่องของฝู่หลินเจ้าไม่ต้องสนใจ เขาถูกขังอยู่ในคุกของซุ่นเทียนฝู่ก็เป็นเรื่องดี แม้จะบอกว่าเขาจะถูกนำมาให้ต่อกรกับเสด็จอาเก้า แต่ข้าเชื่อว่าฝู่หลินในยามนี้ไม่มีทางทำเช่นนั้น มิฉะนั้นเขาก็คงสูญเสียความพยายามที่ทุ่มเทมาไปเปล่าๆ
ในคุกซุ่นเทียนฝู่ เขาจะทำอะไรมากนักไม่ได้ ในขณะเดียวกันพวกเราก็สามารถคอยดูได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของฝู่หลินคือใคร คนผู้นั้นจะช่วยฝู่หลินออกมาหรือไม่ หรือว่าฝู่หลินจะมีความสามารถนำตนเองออกมาจากคุกได้”
แม้จะบอกว่าการทำเช่นนี้จะดูใจร้ายไปหน่อย แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นวิธีที่ดีทีเดียว พวกเขาเองก็ไม่ได้ต้องการชีวิตของฝู่หลิน เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องของฝู่หลินเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน
ตี๋ตงหมิงดื่มชาแก้กระหายแล้วจึงพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ที่รถม้าของเจ้าชนเข้ากับเจิ้นกั๋วกงนั้นเป็นเรื่องอะไรกัน?” ข้าได้ยินข่าวรีบมา ผู้คนก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหมือนว่าหลังเรื่องจบมีคนจ่ายชดเชย ข้าส่งคนไปสอบถามมา พวกเขาพูดถึงแต่ว่าเจิ้นกั๋วกงทำไม่ถูกต้อง”
ที่ตี๋ตงหมิงได้ยินเรื่องของเจิ้นกั๋วกงจึงมาปกป้องเฟิ่งชิงเฉินไฉนเลยจะรู้ว่าเขามีธุระอื่นจึงทำให้ต้องเสียเวลา เมื่อเขามาถึงก็พบเข้ากับเฟิ่งชิงเฉินและฝู่หลินเข้าพอดี เช่นนี้ก็ถือว่าเขาช่วยนางแก้เรื่องวุ่นวายไปได้เช่นกัน
“กระทบกระทั่งกันเล็กน้อย คุณชายใหญ่ตระกูลหยุนช่วยจัดการแล้ว ด้วยฝีมือของเขา ข้าไม่มีทางเป็นอะไรแน่” ตี๋ตงหมิงสืบมาไม่ได้ความ เห็นได้ชัดว่าหยุนเซียวจัดการเรื่องราวได้อย่างดี ครั้งนี้เจิ้นกั๋วกงได้แต่เพียงต้องยอมรับความโชคร้ายไปเท่านั้น
มีเงินนั้นจัดการเรื่องได้ง่ายจริงๆ จะอุดปากคนเหล่านั้นไว้ได้ เทียบกับหญิงฟุ่มเฟือยอย่างนางแล้ว หยุนเซียวจึงจะเป็นผู้ที่ใช้เงินเหมือนกระดาษอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าครั้งนี้นางเป็นหนี้บุญคุณของหยุนเซียวครั้งหนึ่ง
“คุณชายใหญ่ตระกูลหยุนจัดการเรียบร้อยแล้วก็ดี ช่วงนี้เจ้าระวังหน่อยก็แล้วกัน ผู้ที่คิดจ้องเล่นงานเจ้ามีมากมาย อย่าให้ยังไม่ทันช่วยเสด็จอาเก้าออกมาได้ เจ้าก็แย่ไปเสียอีกคน ถึงตอนนั้นคงต้องวุ่นวายมากแน่
แต่เรื่องจวนเจิ้นกั๋วกงนั้นเจ้าอย่าไปชะล่าใจ ที่ตอนนี้คลี่คลายไปได้เป็นเพียงเรื่องทางราชการเท่านั้น เจิ้นกั๋วกงได้รับความโกรธแค้นย่อมมาหาเรื่องเจ้าแน่ แม้จะบอกว่าตอนนี้จวนเจิ้นกั๋วกงไม่ได้ยิ่งใหญ่ดังเช่นแต่ก่อน แต่อูฐที่ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ทำต่อหน้าไม่ได้เขาจะหาเรื่องเจ้าลับหลังก็ได้” สำหรับหยุนเซียวนั้นตี๋ตงหมิงไม่ได้เกลียดชังอันใด การเกลียดชังหยุนเซียวก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก
ไม่โทษที่ตี๋ตงหมิงและเฟิ่งชิงเฉินจะระวังตัวถึงเพียงนี้ การกระทำทุกฝีก้าวของพวกเขาล้วนต้องได้ประโยชน์ เพราะพวกเขาไม่รู้แผนหมากกระดานใหญ่ของเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง
เรื่องที่ภูเขาห้าลูกระเบิดไม่ได้แพร่กระจายออกไป องค์จักรพรรดิปิดข่าวอย่างแน่นหนา เสด็จอาเก้าก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับเฟิ่งชิงเฉิน เรื่องใหญ่เช่นนี้หวังจิ่นหลิงก็ไม่กล้าเอ่ยปากแม้เพียงครึ่งคำเช่นกัน เรื่องพวกนี้ให้คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี ฝ่าบาทไม่ได้ประกาศให้ใต้หล้ารู้ เจ้าเองก็รู้ว่าแปลว่ามันเกี่ยวข้องกับเจ้ามิใช่หรือ
หมากของหวังจิ่นหลิงและเสด็จอาเก้าดำเนินไปอย่างลับๆ แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ถูกปิดบัง ภูเขาระเบิดแล้ว แต่ข่าวลือจะแพร่ออกไปหรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่
นี่เป็นการปะทะกันระหว่างพวกเขากับองค์จักรพรรดิ ดูว่าใครจะฝีมือเหนือกว่า พวกเขาแพร่ข่าวลือได้มากกว่าหรือฝ่าบาทจะปิดข่าวลือได้เยี่ยมกว่า หากไม่ถึงที่สุดก็ยังไม่รู้ผล
“วางใจเถอะ ข้าจะคอยระวัง จวนเจิ้นกั๋วกงนั้นจะไม่กล้าทำอะไรโดยพลการในไม่ช้า จริงสิ ของที่ข้าให้เจ้าเตรียมไว้มีวี่แววหรือไม่?” ไม่ใช่เพราะนางร้อนใจจึงได้ถามตั้งแต่วันที่สอง หากช่วยเสด็จอาเก้าออกมาได้เร็วหนึ่งวัน ภายนอกก็จะสงบสุขขึ้นเร็วอีกหนึ่งวัน เจิ้นกั๋วกงจะต้องสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากองค์จักรพรรดิ ฝ่าบาทต้องสงสัยตอนแรกที่เขายักยอกทรัพย์ อย่างไรเจิ้นกั๋วกงก็เคยติดต่อกับหลี่เสี่ยงมาก่อน
“ยังเลย ระยะนี้งานที่ฝ่าบาทให้ทำมีมากมายหรือเกิน ข้ายุ่งจะแย่!” ตี๋ตงหมิงมีสีหน้ายุ่งยากใจ
ช่วงนี้เขายุ่งมากจริงๆ วันนี้ฝ่าบาททรงรับสั่งให้เขาปิดเมืองค้นหาไปทั่วทุกครัวเรือน แม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตี๋ตงหมิงก็ยังทำตามรับสั่งอย่างตั้งใจเพื่อที่ฝ่าบาทจะได้หาเรื่องเขาไม่ได้…
ของที่ให้เตรียม?
บนหลังคาสายตาของซีหลิงเทียนเหล่ยเปล่งประกายวาบ เขาแน่ใจได้ว่าของสิ่งนี้เป็นไปได้มากที่จะเกี่ยวข้องกับเสด็จอาเก้า แต่เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาเพียงแค่ประโยคเดียวก็ไม่ได้กล่าวถึงอีกและสนทนากับตี๋ตงหมิงถึงเรื่องที่ไม่สลักสำคัญนัก ทำให้ซีหลิงเทียนเหล่ยร้อนใจเสียจน…
แม้จะล่วงเข้าสู่เวลากลางคืนแล้วเขาก็พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ดังนั้นเมื่อหลานจิ่วชิงชายชุดดำผู้สวมหน้ากากเงินปรากฏตัวขึ้นที่สวนจิงเยว่ของซีหลิงเทียนเหล่ยและบุกเข้ามาในห้องนอนของเขาอย่างบังอาจ ซีหลิงเทียนเหล่ยจึงได้รู้ตัว “ใครน่ะ?”
“องค์รัชทายาทเหล่ย!” หลานจิ่วชิงกล่าวเรียกอย่างโอหังโดยไม่เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตกใจ
หน้ากากเงินสะท้อนแสงเย็นเยียบลงบนหน้าเขา ทำให้ถึงแม้เห็นไม่ชัดแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ที่มาเยือนคือผู้ใด “หลานจิ่วชิง เจ้าช่างบังอาจนัก ถึงขั้นกล้าบุกเข้ามาในห้องนอนของข้า”
ซีหลิงเทียนเหล่ยหยิบดาบคู่กายขึ้นมาพลิกตัวแทงไปที่หลานจิ่วชิง แต่หลานจิ่วชิงไม่ได้ตอบโต้ เขาเพียงแต่ถอยร่นไปด้านหลัง ซีหลิงเทียนเหล่ยรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการจะทำร้ายเขา มิเช่นนั้นคงไม่เรียกเขาเสียเสียงดัง แต่นั่นแล้วจะทำไม…
หลานจิ่วชิงไม่ได้อยากทำร้ายเขา แต่เขามีใจคิดอยากสังหารหลานจิ่วชิง เขาไม่อาจลืมได้ว่าหลานจิ่วชิงเคยเกือบจะปลิดชีพเขาไปแล้ว
ในห้องนอนของซีหลิงเทียนเหล่ยมีเสียงต่อสู้ดังขึ้น เหล่าทหารจึงบุกเข้ามาและตะโกนบอกกันว่ามีมือสังหาร มือธนูเล็งมาที่หลานจิ่วชิงอย่างพร้อมเพรียงกัน หลานจิ่วชิงไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ดึงดาบออกมารับมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...