คราวนี้ เฟิ่งชิงเฉินได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นางไม่ถูกทิ้งให้ไปอยู่กับฝู่หลินที่ซุ่นเทียนฝู่ และไม่ถูกพาไปทรมานด้วยน้ำมือองครักษ์เสื้อโลหิต แต่ถูกนำตัวไปคุมขังในสถานที่ที่เสด็จอาเก้าถูกขังเป็นครั้งแรก
ใช่แล้ว นั่นก็คือคุกฟ้าในวังหลวง นางได้รับการปฏิบัติที่ดีมาก แต่นั่นก็หมายความว่าจะไม่มีใครได้พบเจอนางอีก และนางก็จะไม่มีทางรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก นี่เป็นเจตนาของฮ่องเต้ที่ต้องการให้นางถูกขังอยู่ในนี้
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินถูกราชองครักษ์นำตัวมายังคุกฟ้าแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจไยดีนาง ไม่มีการสอบสวน ไม่มีการลงทัณฑ์ ก็ช่วยไม่ได้นี่นา นางมีปิ่นเฟิ่งในครอบครอง ใครหน้าไหนจะกล้าลงทัณฑ์นาง ตอนนี้ทุกอย่างต้องรอพระราชวินิจฉัยเท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับคุกขององครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว คุกขององครักษ์เสื้อโลหิตเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แถมยังมีเสียงกรีดร้องไม่ขาดช่วง ส่วนคุกฟ้าไม่เหมือนคุกเท่าไรนัก เป็นเพียงห้องอับๆที่แสนเงียบสงบ เงียบสงบเสียจนวังเวง ราวกับว่านอกจากเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ก็ไม่มีใครอาศัยอยู่ในนี้
"การถูกคุมขังก็เท่ากับถูกลงทัณฑ์มิใช่หรือ?" เฟิ่งชิงเฉินเหลือกตามองบนพร้อมกับเอามือขึ้นมาเท้าคาง
นางไม่ได้คาดหวังว่าตนเองต้องโชคดี คนพวกนี้แค่พานางมาอยู่ในห้องที่อับทึบ เพื่อให้นางตัดขาดจากโลกภายนอก วิธีที่นำมาเล่นงานนาง หากเปลี่ยนเป็นการผลัดเปลี่ยนเวรยามกันมารบกวนนางจนไม่ได้นอนแล้วล่ะก็ นั่นต่างหากที่จะทำให้คนเราหมดความอดทนได้
หากมีเพียงความหนาวเย็น ความมืด และความเงียบมาทรมานนาง ฝ่ายตรงข้ามอาจจะต้องผิดหวัง คนอย่างเฟิ่งชิงเฉินเคยปีนขึ้นมาจากกองศพคนตายมาแล้ว จะให้กลัวความมืดมิดได้อย่างไร คิดว่านางเป็นคุณหนูที่อ่อนปวกเปียกอย่างนั้นหรือ
ส่วนความเงียบสงัดก็ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีเสียงคุยก็ไม่ถึงตายหรอก นางฝึกจิตมาเป็นอย่างดี เอาล่ะ เรื่องความหนาวเหน็บ การที่บนเตียงไม่มีผ้าห่มให้ในช่วงฤดูหนาว นี่ถือว่าเป็นความทรมานระดับหนึ่ง นี่คือการทารุณกรรมผู้ต้องขัง!
ที่นี่ไม่มีใครคุยกับนางเลย ตอนเที่ยงมีคนมาส่งอาหารให้นาง นั่นก็คือข้าวต้มที่เหลวจนแทบจะเป็นน้ำ คนส่งอาหารคนนี้ก็ไม่ยอมพูดกับนางแม้แต่คำเดียว
"นี่จะให้ข้าหิวจนไม่มีเรี่ยวมีแรงวิ่งหนีเลยงั้นหรือ รอบๆตัวข้าก็มีแต่ผนังห้องสี่เหลี่ยม และประตูเหล็กที่สูงเพียงครึ่งเดียวของตัวคน ส่วนช่องระบายอากาศก็ถูกปิดสนิท เมื่อถูกเปิดออกก็มีเพียงชามข้าวชามหนึ่งลอดเข้ามาได้ สถานที่เช่นนี้จะให้ข้าวิ่งหนีได้อย่างไรกันล่ะ" เฟิ่งชิงเฉินทานข้าวต้มที่แทบจะนับจำนวนเม็ดข้าวในชามได้ เมื่อทานเสร็จแล้ว ก็ยื่นถ้วยกลับคืนไปช่องเดิม นางรู้ว่าคนส่งอาหารคนนั้นยังรออยู่ด้านนอก
แล้วก็มีคนมาหยิบถ้วยออกไป แล้วปิดช่องระบายอากาศจนสนิท เมื่อมีเสียงคนเดินจากไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็นั่งอิงผนังพร้อมกับถอนหายใจและเหม่อลอย
"ข้าจะหนีดีหรือว่าไม่หนีนะ? นี่ข้าว่างจะตายอยู่แล้ว มาหาทางออกให้ตัวเองหรือคนต่อไปที่ได้มาอยู่ห้องนี้ดีกว่า" เฟิ่งชิงเฉินเหม่อมองดูผนัง หลังจากนั้นสักพักนางก็ตัดสินใจว่าจะหาอะไรทำ มิฉะนั้นนางคงเบื่อแย่เลย
เฟิ่งชิงเฉินเปิดใช้งานกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ นางเลือกไปเลือกมาก็ค้นหาอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการหลบหนีได้สำเร็จ เมื่อนางแน่ใจว่าไม่มีใครแอบมองนางอยู่ ก็เริ่มสวมถุงมือ หยิบอุปกรณ์ขึ้นมา แล้วทำการทุบผนังให้แตก
นางจะไม่ขอแก่ตายในคุกฟ้าแห่งนี้เป็นอันขาด จะได้ผลหรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ลองดูสักตั้งเพื่ออนาคตก็แล้วกัน!
เมื่อทราบข่าวที่เฟิ่งชิงเฉินถูกนำตัวไปคุมขัง ตงหลิงจื่อลั่วก็รู้สึกโล่งใจ ตอนแรกเขาก็อุตส่าห์คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมีทางหนีทีไล่ โชคดีที่คราวนี้เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
ตงหลิงจื่อลั่วจัดแจงระเบียบของเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปข้างนอก "ไปเตรียมเกี้ยว ข้าจะไปคุกใหญ่ที่ศาลราชวงศ์" มีข่าวดีเช่นนี้ หลานที่แสนดีคนนี้ก็ต้องไปรายงานให้เสด็จอาเก้าได้ทรงทราบก่อนใคร
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนที่ไม่อยากให้เสด็จอาเก้าทราบข่าวนี้ นั่นก็คือรัชทายาท
รัชทายาทกลัวว่าเสด็จอาเก้าจะทราบว่าเฟิ่งชิงเฉินโดนคุมขัง เมื่อเขาทราบข่าวว่าตงหลิงจื่อลั่วกำลังมุ่งหน้าไปแจ้งข่าวกับเสด็จอาเก้าที่คุกใหญ่ ก็รีบไปที่คุกใหญ่ในทันที โดยหวังว่าจะไปหยุดตงหลิงจื่อลั่วไว้ได้ทัน
ช่างน่าเสียดายนัก......รัชทายาทมาช้าไปก้าวเดียว เมื่อรัชทายาทมาถึง ก็เห็นตงหลิงจื่อลั่วกำลังสั่งให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูห้องขัง
"น้องเจ็ด" รัชทายาทร้องทัก ตงหลิงจื่อลั่วจึงหันหลังไปมอง แล้วทำความเคารพรัชทายาท "ถวายบังคมองค์รัชทายาท ท่านเองก็มาเยี่ยมเสด็จอาเก้าเช่นกันอย่างนั้นหรือ ช่างบังเอิญจริงๆเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!" เมื่อพูดจบ เขาก็เดินตรงไปยังห้องขัง โดยไม่รอรัชทายาทตอบกลับ
รัชทายาทยังยืนอยู่ตรงนี้แท้ๆ แต่ตงหลิงจื่อลั่วกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย ไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่น้อย
รัชทายาทมีแววตาที่ฉุนเฉียว เขาอยากจะเอ่ยปากแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา ฮ่องเต้โปรดปรานตงหลิงจื่อลั่วเสียยิ่งกว่าอะไร ส่วนตัวเขากลับถูกปฏิบัติอย่างไม่ไยดี
รัชทายาทควบคุมอารมณ์ไว้ แล้วจึงเดินเข้าไปข้างใน
อยู่ในคุกเช่นเดียวกัน แต่สภาพแวดล้อมของเสด็จอาเก้ากลับดูดีกว่าของเฟิ่งชิงเฉิน ห้องขังของเสด็จอาเก้ามีลมโกรกปลอดโปร่ง แสงสว่างเพียงพอ บนเตียงก็มีผ้าห่มให้ แถมยังมีโต๊ะเก้าอี้พร้อมน้ำชาอย่างครบครัน
เสด็จอาเก้าไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาหลายวันแล้ว แต่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ก็ยังดูดีมีระเบียบ ไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย แถมเมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เสด็จอาเก้ากำลังอ่านหนังสือกองโต ไม่สนใจการมาเยือนของรัชทายาทและตงหลิงจื่อลั่วแม้แต่น้อย
"เสด็จอาพ่ะย่ะค่ะ"
"เสด็จอาเก้า"
ประโยคหน้าเป็นคำเรียกที่นอบน้อม ประโยคหลังเป็นคำชี้แจง
"อืม นั่งสิ" แม้จะอยู่ในสถานะนักโทษ แต่เสด็จอาเก้าก็ยังมีบุคลิกงามสง่า เมื่อรัชทายาทและตงหลิงจื่อลั่วมาเยือน เขาเพียงแต่รับรู้ แต่ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...