เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนเช่นไรกันแน่ ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วถึงเพียงนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้ ชุยห้าวถิงและหยวนซีก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไรดี พวกเขาเตรียมคำปลอบมามากมายเพื่อตั้งใจจะปลอบโยนเฟิ่งชิงเฉิน แต่......
พวกเขาพบว่าพวกเขาคิดมากจนเกินไป เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการคำปลอบโยนแม้แต่น้อย นางขับไล่ทุกคนออกไป หลังจากที่นางร้องไห้อย่างหนักแล้ว นางก็จัดการเก็บอารมณ์ของตนและออกเดินทางอีกครั้ง......
จนกระทั่ง ชุยห้าวถิงส่งเฟิ่งชิงเฉินออกไป หยวนซีจึงได้สติกลับคืนมาแล้วชี้ไปที่ร่างอันขาวผ่อง "เฟิ่งชิงเฉินนางสบายดีจริงหรือ? พรุ่งนี้นางสามารถให้การรักษาเจ้าตามปกติได้หรือ?”
“ดูจากท่าทางของนางแล้วคาดว่าคงจะสบายดี เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนเฉลียวฉลาด นางจะไม่สร้างความวุ่นวาย มิเช่นนั้นนางคงไม่ปล่อยเย่เย่ไปเมื่อวานนี้” ชุยห้าวถิงคิดว่าตนรู้จักเฟิ่งชิงเฉินดี นางจะไม่เอาชีวิตของเขาและของนางมาล้อเล่นเป็นอันขาด
อย่างไรก็ตาม เฟิ่งชิงเฉินแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด เขาคิดว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวันกว่าเฟิ่งชิงเฉินจะฟื้นตัว แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะฟื้นตัวได้ภายในคืนเดียว
สตรีนางนี้น่ากลัวยิ่งนัก ความโง่เขลาของเย่เย่นำปัญหาใหญ่มาสู่เย่เฉิงเสียแล้ว
“เจ้าฟื้นตัวได้เร็วเช่นนี้เชียวหรือ?” มือของหยวนซีสั่นเล็กน้อย หากใครเห็นก็คงจะแปลกใจ นางคือปรมาจารย์ด้านฉินเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่านางคือผู้ป่วยที่กำลังจะเป็นบ้า
“เฟิ่งชิงเฉินช่างเกินมนุษย์เสียจริง หากเมื่อวานนี้ข้าไม่ได้ไปที่นั่น ข้าเองก็คงจะสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นความจริงหรือไม่”
ความโศกเศร้าและความโกรธเคืองของเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถหลอกกันได้ แต่นางก็ไม่สามารถหลอกลวงความสงบของตนในวันนี้ได้เช่นกัน หยวนซีถามตัวเองว่าผิดหรือไม่ที่เขาต้องหลบหนีมาเป็นเวลานานกว่าสิบปีเพราะความตายของบุคคลนั้น เขาดูเหมือนจะเทียบกับสตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็ยังไม่ได้
เฟิ่งชิงเฉิน สตรีตัวเล็กๆ ที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะ นางสามารถก้าวออกมาจากความเศร้าโศกนั้นได้ แล้วเหตุใดเขาจะทำไม่ได้?
“บุตรสาวของท่านแม่ทัพเฟิ่ง นางจะอ่อนแอได้อย่างไร อย่าลืมว่าแม่ทัพเฟิ่งใช้เวลาเพียงห้าปีในการก้าวขึ้นจากทหารธรรมดาไปเป็นแม่ทัพใหญ่ เฟิ่งชิงเฉินผู้มีสายเลือดเดียวกันกับแม่ทัพเฟิ่งจะยอมก้มหัวลงอย่างง่ายดายต่อโชคชะตาได้อย่างไร" ผู้ที่ไม่ก้มหัวให้กับโชคชะตา หากกล้าหาญมากขึ้นเท่าไร ก็สามารถก้าวไปได้ไกลขึ้นเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเฟิ่งชิงเฉินจึงเป็นคนเช่นนี้ บางทีตระกูลชุยควรให้ความสนใจเฟิ่งชิงเฉินและไม่ปฏิบัติต่อนางในฐานะสตรีที่รู้วิธีการรักษาโรคเท่านั้น เขาสามารถมั่นใจได้ว่าตราบเท่าที่เฟิ่งชิงเฉินยังมีชีวิตอยู่ เขาจะสามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ในจิ่วโจว
หยวนซีทำได้เพียงพยักหน้าในเวลานี้ ชุยห้าวถิงเห็นว่าหยวนซียังคงอยู่ในอาการมึนงงจึงไม่อยากไม่สนใจ เขาจะต้องเข้ารับการผ่าตัดพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงต้องปรับอารมณ์ของตนให้คงที่
หากบอกว่าเขาไม่ประหม่าก็คงจะโกหก แต่ไม่ว่าเขาจะประหม่าเพียงไรก็ต้องเผชิญหน้า ในวันพรุ่งนี้ เขาจะตั้งตารอดูฝีมือของเฟิ่งชิงเฉินและคาดว่ามือของเฟิ่งชิงเฉินจะสามารถเขียนชะตากรรมของเขาใหม่ได้
หลังจากนั้นไม่นาน หยวนซีก็ได้สติกลับคืนมา เขาละสายตาของตนกลับมาอย่างเงียบๆ และพึมพำ "สตรีนางนี้เหมาะที่จะเป็นสะใภ้ตระกูลชุยจริงๆ หากนางอยู่ในตระกูลชุย ตระกูลจะต้องยั่งยืนอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดาย...... เรื่องนี้ถูกข้าทำเสียจบเห่ นางปฏิเสธคำขอแต่งงานของตระกูลหยุนแล้วนางจะก้าวเข้าสู่ตระกูลชุยที่เป็นเหมือนสระน้ำมังกรและถ้ำเสือได้อย่างไร”
ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!
……
เฟิ่งชิงเฉินและชุยห้าวถิงสนทนาเรื่องการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้ทงจือและทงเหยาจัดเตรียมของขวัญ นางตั้งใจจะไปสารภาพผิดกับผู้ใหญ่ที่มาเมื่อวานนี้
จวนองค์รัชทายาท จวนของเซียวอ๋อง และจวนของหนิงกั๋วกงทั้งสามแห่งนี้จำเป็นต้องไปเยี่ยม ที่อื่นๆ ขึ้นอยู่กับเวลาที่เหลือว่านางสามารถไปได้อีกกี่หลังในวันนี้
เฟิ่งชิงเฉินต้องการบอกเย่เย่และผู้ที่รอคอยดูอยู่เบื้องหลังว่านางเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่ตุ๊กตากระดาษ มันไม่ง่ายที่จะเอาชนะนาง
“คุณหนู ร่างกายของท่าน?” ของขวัญได้จัดเตรียมไว้นานแล้ว แต่พวกนางกังวลว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ไหว เนื่องจากเมื่อวานนี้นางประสบเหตุการณ์อันร้ายแรง
“ร่างกายของข้าแข็งแรงดี ไปเตรียมตัวเถิด” เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อนางถูกลมหนาวพัดมาตลอดช่วงบ่าย อีกทั้งเป็นลมเนื่องจากความโศกเศร้าเกินขีดจำกัด นางน่าจะป่วยเกินกว่าจะลุกขึ้นได้ ทว่าเมื่อนางตื่นขึ้นกลับไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ
“เจ้าค่ะ” ทงจือไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก จากนั้นสั่งให้คนจัดเตรียมรถม้าและนำของขวัญสำหรับแต่ละจวนเข้าไปในรถม้าทันที
เฟิ่งชิงเฉินฟื้นตัวแล้ว แต่หากมองดีๆ จะพบว่านางแข็งแกร่งและสง่างามกว่าเมื่อก่อน ดวงตาสีเข้มคู่นั้นช่างน่ากลัว
บางทีเจ้านายอาจอารมณ์ไม่ดี บ่าวรับใช้ของ จวนเฟิ่งแต่ละคนล้วนทำงานมีประสิทธิภาพมาก พวกเขาจัดเตรียมทุกสิ่งพร้อมเสร็จภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยาม
“ทงจือ ทงเหยา เจ้าอยู่ที่นี่ ชุนฮุ่ย ชิวฮว่า เจ้าสองคนออกไปกับข้า” ตอนที่เฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ ทงจือและทงเหยานับได้ว่าเป็นนายของจวนเฟิ่ง
นายและบ่าวแต่งกายด้วยชุดสีขาวเดินออกจากจวน ทันทีที่พวกนางไปถึงประตู พวกนางก็พบว่าบนท้องฟ้ามีหิมะตกลงมาราวกับขนห่านขาว
“เอ๋ เหตุใดหิมะจึงตกทั้งที่อากาศดีเช่นนี้ คุณหนู โปรดรอสักครู่ บ่าวจะไปเอาร่มมาให้เจ้าค่ะ” เมื่อหิมะร่วงหล่นลงมา ร่างกายก็เย็นชา
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า นางสวมเสื้อผ้าที่ไม่อาจป้องกันความหนาวจากหิมะได้ นางไม่อยากทำให้ตนเองต้องหนาว อีกอย่างหากร่างกายเต็มไปด้วยหิมะ เดินทางไปพบผู้ใดล้วนถูกมองว่าไร้มารยาท
เมื่อนำร่วมมาแล้ว ชุนฮุ่ยและชิวฮว่าจึงนำกางร่มให้เฟิ่งชิงเฉินทั้งซ้ายและขวา เพื่อไม่ให้หิมะตกลงมาบนร่างนาง นายบ่าวทั้งสามคนเข้าไปในรถม้า จากนั้นรถม้าก็มุ่งหน้าไปยังจวนองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทได้ยินบ่าวรับใช้เข้ามารายงานว่าเฟิ่งชิงเฉินเดินทางมาขอโทษเป็นการส่วนตัวด้วยตนเอง องค์รัชทายาทจึงทุบถ้วยน้ำชาในมือของเขาอย่างแรง "เฟิ่งชิงเฉินเดินทางมารวดเร็วเช่นนี้เชียว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...