นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 667

ในคุกแห่งศาลราชวงศ์ จักรพรรดิที่แต่งกายด้วยชุดราชวงศ์สีเหลืองพระอาทิตย์ กำลังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่นั่งประจำของเสด็จอาเก้า อ่านหนังสือที่เสด็จอาเก้าอ่านเป็นประจำ ดื่มชาที่เสด็จอาเก้าดื่มทุกวันอย่างสบายใจ

เสด็จอาเก้าเดินเข้ามาจากด้านนอกโดยไม่ได้สร้างความยุ่งยากแต่อย่างใด เมื่อเห็นจักรพรรดิด้านบนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เขาเดินเข้าไปด้วยตนเอง ยกเว้นผู้ที่นั่งอยู่ในคุก เขาไม่มีอะไรแตกต่างจากคนอื่นในคุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์เลย ข้างกายของจักรพรรดิไม่มีองครักษ์ มันเหมือนกับวันธรรมดาอันแสนสงบสุขของเสด็จอาเก้า

ความอัศจรรย์แบบนี้มีให้เห็นในคุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์เท่านั้น จักรพรรดิไม่เหมือนกับจักรพรรดิ นักโทษไม่เหมือนกับนักโทษ จักรพรรดินั่งอยู่ในคุกใหญ่ นักโทษเดินเข้ามาจากด้านนอกของคุก

“ท่านพี่!” เสด็จอาเก้ากล่าวออกไปอย่างไม่ร้อนใจ ไม่มีความตื่นเต้นแม้แต่น้อย เขายืนเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอย่างนิ่งสงบ ไม่มีความรู้สึกเขินอายที่หนีออกจากคุกแล้วถูกจับได้

เมื่อเทียบกับความนิ่งสงบของเสด็จอาเก้าในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินเทียบไม่ติด มาดูกันว่าเขาจะนิ่งสงบได้มากขนาดไหน

“กลับมาแล้วหรือ” จักรพรรดิยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ดวงตาของเขานุ่มนวล การเคลื่อนไหวของเขา น้ำเสียงของเขา ดูเหมือนผู้อาวุโสที่ใจดี ไม่มีร่องรอยของความโกรธ แต่......

ทั้งสองคนต่างเข้าใจดี นี่เป็นเพียงความสงบที่แสดงออกมาตามธรรมชาติ หากจักรพรรดิไม่โกรธจริง เขาคงไม่มีออกมาจากวังในวันหิมะตกหนัก มาอยู่ที่คุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์ และรอคอยเป็นเวลาหนึ่งคืน

จักรพรรดิโกรธมาก และผลที่ตามมาก็ร้ายแรงอย่างที่คิด

“......” เสด็จอาเก้ายังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสงบ ไม่ตอบ ไม่ก้มศีรษะ และจ้องมองดูจักรพรรดิอย่างสงบ ไม่เหมือนการเผชิญกับจักรพรรดิ มันเหมือนกับการเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสที่เคารพมากกว่า

จักรพรรดิเองก็ไม่ได้โกรธ หากเสด็จอาเก้าคุกเข่าลงต่อหน้าเขาด้วยความกลัว นั่นเขาถึงสงสัยว่าคนที่อยู่ด้านหน้าของเขาเป็นตัวจริงหรือเปล่า จักรพรรดิชี้ไปยังที่นั่งด้านหน้า “นั่งลง!”

เสด็จอาเก้าเองก็ไม่เกรงใจ เขานั่งลงทันทีที่ยกเสื้อคลุม หยิบกาน้ำชา โดยที่จักรพรรดิไม่พูดอะไร เขาเทชาใส่ถ้วยและดื่มด้วยตนเอง

เขาเดินทางทั้งคืนและไม่ได้ดื่มชาร้อนตอนที่อยู่บ้านของเฟิ่งชิงเฉิน นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจเรื่องของการรับแขก

เสด็จอาเก้ากระหายน้ำมาก แต่ท่าทางการดื่มชาของเขากลับดูสง่างาม ค่อยๆจิบมันเข้าไปอย่างช้าๆ และไม่คิดว่าการปล่อยให้จักรพรรดิรอเป็นเรื่องผิด

จักรพรรดิเองก็ไม่ได้รีบร้อน รอให้เสด็จอาเก้าดื่มชาจนหมดถึงพูดออกมาว่า “น้องเก้า เจ้ายังติดค้างคำอธิบายกับข้าอยู่หนึ่งอย่าง”

ใช่ หนึ่งคำอธิบาย คำอธิบายว่าทำไมถึงหนีออกจากคุกในชั่วข้ามคืน ทำอธิบายที่สามารถปล่อยให้เข้าออกจากวัง คำอธิบายที่สามารถทำให้เขาเสด็จอาเก้าพ้นจากการรับโทษ

จักรพรรดิเชื่อว่าการที่เสด็จอาเก้ากล้าหนีออกไปแบบนี้จะต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พาใครมาที่นี่ และรอเสด็จอาเก้าที่นี่เพียงลำพัง

สองพี่น้องทะเลาะกันมานานขนาดนี้ เรื่องแค่นี้จะไม่รู้ได้อย่างไร

“คนพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่” เสด็จอาเก้าวางแก้วชาและพูดออกมาด้วยการให้เกียรติ

ความหมายในคำพูดนี้แฝงไว้ว่า:คนที่เจ้าส่งมา ข้าไม่ได้สังหาร หากข้าสังหาร วันนี้เจ้าก็คงไม่มีทางมาที่นี่ ไม่มีข่าวที่ข้าส่งให้เจ้า เวลาเพียงค่ำคืนเดียวเจ้าไม่มีทางเดินทางมาจากวังได้ทันเวลาแน่นอน

เจ้าต้องการคำอธิบายอะไร ข้าได้บอกกับเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าจะออกจากคุกใหญ่ อีกอย่างนี้ไม่ใช่เจตนาของเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าสั่งให้คนมาพูดถึงความน่าสงสารของเฟิ่งชิงเฉินให้ข้าฟัง มันไม่ได้หมายความว่าให้ข้าออกไปคุกไปยังจวนเฟิ่งหรือไง

สายตาของเสด็จอาเก้าเหมือนสายน้ำ เขาไม่สนใจความโกรธและความยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมาจากตัวของจักรพรรดิเลย

เขาเคยชินกับมัน เมื่อพี่ชายเห็นเขา เป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นช่วงเวลาแห่งการสงบจิตสงบใจ

“นี่คือคำอธิบายที่เจ้าให้ข้าหรือ?” จักรพรรดิไม่พอใจอย่างยิ่ง

ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ให้เขาเดินทางออกจากพระราชวังด้วยตนเอง จักรพรรดิไม่เชื่อว่าเสด็จอาเก้าไม่มีไพ่ตาย ต้องรู้ว่าการหลบหนีจากคุกนั้นถือเป็นความผิดร้ายแรง เขาสามารถเอาโทษตายกับตงหลิงจิ่วได้ และจะไม่มีใครกล้าขัดเขาแม้แต่คนเดียว

“จักรพรรดิอยากได้ยินอะไร? น้องชายผู้นี้พูดในสิ่งที่รู้ออกไปหมดแล้ว จะไม่พูดในสิ่งที่ไม่รู้” พูดมากยิ่งผิดมาก เขาไม่ชอบพูดอะไรมากมายกับจักรพรรดิมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเนื่องจากมันยากที่จะเห็นผลประโยชน์

เรื่องนี้เขาทำได้ดีมาโดยตลอด ทุกครั้งที่จักรพรรดิเห็นเขาในสภาพแบบนี้จะโกรธและไม่มีที่ให้ไปต่อ

“หึ......น้องเก้า เจ้าอย่าดิ้นรนต่อไปเลย ที่ข้าออกจากพระราชวังในยามค่ำคืน ข้าไม่ได้มาเพื่อดูว่าเจ้าใช้ชีวิตในคุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์อย่างสุขสบายหรือเปล่า น้องเก้า อย่ายั่วยุข้า” เขาคือจักรพรรดิ หากเขาไม่สนใจทุกอย่าง ใช้ทรัพยากรของประเทศในการจัดการกับเสด็จอาเก้าก็ไม่มีใครสามารถขวางทางเขาไว้ได้

ปล่อยให้ตงหลิงจิ่วมีชีวิตอยู่ อย่างแรกเพื่อตงหลิง อย่างที่สองเพื่อให้คนในใต้ล้าได้รู้ ว่าสิ่งที่พวกบัณฑิตกล่าวไว้ว่าเขาทำลายสายเลือดในราชวงศ์ของตนเองอย่างสิ้นซากนั้นไม่เป็นความจริง

ไม่ เมื่อมีตงหลิงจิ่วอยู่ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าเขาสังหารพี่น้องในสายเลือดทั้งหมด เนื่องจากถ้าเขาทำเช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้เสด็จอาเก้าที่มีความน่านับถืออย่างเปรียบไม่ได้มีชีวิตอยู่

เสด็จอาเก้าไม่ได้เกรงกลัวการยั่วยุต่อจักรพรรดิ แต่เขาเกลียดการที่จักรพรรดิไปสร้างความลำบากให้กับเฟิ่งชิงเฉิน เขาอยู่ในคุก ข่าวมากมายที่เขาไม่สามารถรับรู้ได้ทันท่วงที แม้ต่อให้รู้แต่เมื่อเขาออกไป ทุกอย่างก็อาจจะสายไปแล้ว

“ท่านพี่ ท่านยังจำการตายของแม่ทัพเฟิ่งได้หรือไม่” เสด็จอาเก้าเปิดประเด็น

จักรพรรดิขมวดคิ้วเล็กน้อย “เฟิ่งจ้าน? เขาทำไมอย่างนั้นหรือ” ตอนนั้นเขาเองก็อาจจะรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง แน่นี่ผ่านมานานหลายปีแล้ว ประกอบกับศักดิ์ศรีและเกียรติของจักรพรรดิที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้มีความผิดในเรื่องตอนปีนั้น

เฟิ่งจ้านเป็นขุนนางของเขา การตายเพื่อเขาถือเป็นเรื่องที่สมควร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ