นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 668

เสด็จอาเก้าเดินทางไปยังจวนเฟิ่ง เขาตรวจสอบพบว่ามีขุนนางสองใจที่หวังทำลายจักรพรรดิอย่างแน่นอน แน่นอนว่าจักรพรรดิไม่มีทางลงโทษที่เสด็จอาเก้าเรื่องหลบหนีไปด้วยเรื่องส่วนตัว

เนื่องจากท้ายที่สุด การหลบหนีของเสด็จอาเก้าก็เปรียบเสมือนการทำเรื่องบางอย่างให้กับเขา ค้นพบภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับเขา ถ้าหากลงโทษก็เหมือนเป็นการทำร้ายความรู้สึกมากเกินไป

เสด็จอาเก้าพูดถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับจักรพรรดิ เสด็จอาเก้าเชื่อว่าการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ จักรพรรดิได้รับกำไรอันยิ่งใหญ่

จักรพรรดิไม่พูดถึงเรื่องการหลบหนี เขามองดูเสด็จอาเก้าด้วยสายตาขี้เล่น ชายผู้นี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของเขา แต่ความสงบเยือกเย็นนั้นลูกชายของเขาเทียบไม่ได้เลย

“น้องเก้า ทำไมเจ้าต้องเอาเรื่องนี้มาบอกข้า?” ตามเหตุผลแล้ว เสด็จอาเก้าควรจะติดต่อกับทางด้านของตระกูลลู่ ร่วมมือกับตระกูลลู่ ลากเขาลงสู่พื้นดินถึงจะถูก

ซึ่งนี่ถึงจะสอดคล้องกับการต่อสู้ทางการเมืองและสอดคล้องกับจุดยืนร่วมกันของพวกเขา

การเคลื่อนไหวของเสด็จอาเก้าทำให้จักรพรรดิรู้ไม่เข้าใจ เขากำลังทำเพื่อเฟิ่งชิงเฉินอยู่หรือเปล่า?

เป็นไปไม่ได้ ผู้ชายตระกูลตงหลิงอย่างพวกเขา ไม่มีทางทำเรื่องที่อาจจะทำให้ตนเองสูญเสียผลประโยชน์เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว

เสด็จอาเก้าเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิ “ท่านพี่ ตั้งแต่ข้าเรียกท่านว่าจักรพรรดิ ท่านก็กลายเป็นจักรพรรดิที่เป็นพี่ชายของข้า ราชวงศ์ตงหลิงของพวกเราต่อสู้ภายในกันอย่างไร นั่นเป็นเพราะของพวกเรา มันคือเรื่องระหว่างพี่น้อง ตระกูลลู่เป็นคนนอก แต่กล้าวางแผนทำร้ายคนในตระกูลตงหลิงอย่างพวกเรา พวกเขาสมควรตาย!”

น้ำเสียงในคำพูดของเสด็จอาเก้าสื่อความหมายออกมาได้อย่างชัดเจน ไม่มีทางที่จักรพรรดิจะสัมผัสไม่ได้ ในตอนนี้ไม่ว่าจิตใจจะแข็งแกร่งแต่ไหน แต่จักรพรรดิก็อดใจสั่นไม่ได้

ใช่ การต่อสู้ระหว่างตระกูลตงหลิงของพวกเขาจะเป็นอย่างไรมันก็เป็นเรื่องภายในตระกูล คนนอกไม่เกี่ยวอะไร แต่วางแผนมาทำร้ายคนในตระกูลของเขา ตระกูลลู่สมควรตาย

ข้าไม่สามารถแตะต้องตระกูลหวังที่มีรากฐานหยั่งลึกได้ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้มั่งคั่งในแห่งซานตง!

จักรพรรดิมีความคิดจะจัดการตระกูลลู่อยู่ในใจ เสด็จอาเก้าเงยหน้ามองจักรพรรดิ มือของเขาหยิบถ้วนชาและจิบอย่างใจเย็น

ตระกูลลู่มันเพียงพอที่จะทำให้ความโกรธของเฟิ่งชิงเฉินลดลง ส่วนเรื่องอื่นค่อยไว้จัดการทีหลัง!

เนื่องจากเรื่องของตระกูลลู่ ทำให้สองพี่น้องที่น่านับถือของตระกูลตงหลิงร่วมมือกัน มันเป็นอะไรที่ยากจะเห็น จักรพรรดิไม่แค้นหรือไล่ต้อนต่อไป เสด็จอาเก้าเองก็ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้า เป็นแบบนี้ ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ทั้งหมดคงไปได้ดีโดยไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกัน

จักรพรรดิเดินทางออกจากคุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์เพื่อกลับไปยังพระราชวังในตอนเช้าตรู่ เสด็จอาเก้ายังคงอยู่ในคุกใหญ่แห่งศาลราชวงศ์ต่อไป ยังไม่มีอิสระในช่วงเวลานี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ฤดูหนาวเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการนอนหลับ เฟิ่งชิงเฉินเหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับไปเป็นเวลานาน ตอนสายของวันยังไม่เห็นหน้า เหล่าสาวใช้รู้นิสัยของสาวใช้ดีจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวน แต่สำหรับคุณชายหยวนซีนั้นแตกต่างกันออกไป

การผ่าตัดเมื่อวานนี้ คุณชายหยวนซีอยู่ในอาการกังวลและหวาดกลัว เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกว่าตนเองกำลังอยู่ในห้อง ตอนที่รู้สึกตัวก็ลุกขึ้นมาจากเตียงในทันที จากนั้นถามสาวใช้ว่าชุยห้าวถิงอยู่ที่ไหน และรีบออกไป

ด้วยผมที่กระเซอะกระเซิงมันจะไปมีภาพลักษณ์ของไท่ซือที่โด่งดังอยู่ได้อย่างไร แน่นอน......ผู้ที่ได้เห็นฉากนี้มีอยู่ไม่มาก คนรับใช้ในจวนเฟิ่งแต่ละคนล้วนปากแข็ง ไม่ต้องกังวลว่าเรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปให้เสียหน้าของไท่ซือ

คุณชายหยวนซีรีบวิ่งมายังห้องผู้ป่วย สัมผัสชุยห้าวถิงในทันที เมื่อรับรู้ว่าลมหายใจของชุยห้าวถิงยังปกติ สีหน้าไม่เลวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที

“โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ โชคดีเหลือเกิน” เหมือนกับคุณชายหยวนซีได้รีบอิสระ ดวงตาของเขามีสีแดงพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์

ซุนซือสิงถูกคุณชายหยวนซีทำให้ตกใจ เห็นว่าคุณชายหยวนซีกำลังสัมผัสร่างกายของชุยห้าวถิงก็รีบก้าวออกมาเพื่อให้คำแนะนำ และพูดอธิบายออกมาทันทีถึงเหตุผลที่ทำไมชุยห้าวถิงยังไม่ฟื้นขึ้น

คุณชายหยวนซีพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซุนซือสิงเห็นเช่นนั้นก็พูดแจ้งเตือนคุณชายหยวนซีอย่างนุ่มนวล ให้เขากลับไปเพื่อจัดการกับตัวเองก่อน รูปลักษณ์แบบนี้มันดูไม่ได้

ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้คุณชายหยวนซีออกไปได้ ซุนซือสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จะไปรู้ได้อย่างไร......หลังจากผ่านไป 15 นาที คุณชายหยวนซีกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ซุนซือสิงเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะไล่เขาออกไป เขารู้ว่าชุยห้าวถิงในตอนนี้ห้ามแตะเนื้อต้องตัวตามใจชอบ เพราะอาจส่งผลกระทบต่ออาการป่วยของชุยห้าวถิง เขาถามออกมาไม่ยอมหยุดว่า “ทำไมถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”

“เมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมา”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชุยห้าวถิงหรือเปล่า”

……

ท่าทางกระวนกระวายและกระสับกระส่ายของคุณชายหยวนซี ไม่เหลือร่องรอยของคุณชายแห่งตระกูลชุย จิตใจอันงดงามของไท่ซือมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดา คนในครอบครัวที่เป็นหัวญาติพี่น้องตนเอง เมื่อเทียบกับความสงบสุขของเมื่อวาน ช่างเป็นอะไรที่ต่างราวฟ้ากับเหว

ซุนซือสิงเคารพในตัวคุณชายหยวนซีมาโดยตลอด หลังจากนั้นคุณชายหยวนซีกล่าวออกมาว่า “เมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมา?” จากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า “ทำไมถึงยังไม่ฟื้น?” และสุดท้ายซุนซือสิงก็โกรธในที่สุด

เขากำลังสังเกตการฟื้นตัวของชุยห้าวถิง บันทึกการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิร่างกาย แต่กลับถูกคุณชายหยวนซีรบกวน ทำอะไรไม่ได้เลย ซุนซือสิงโกรธมาก เป็นความโกรธที่ยากจะหยั่งถึง เขายกเท้าเตะคุณชายหยวนซีและพูดออกไปว่า “ไปถามอาจารย์ของข้า”

มีเรื่องอะไรก็ไปถามท่านอาจารย์ นี่เป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมา และซุนซือสิงก็ดำเนินการเช่นนั้นมาโดยตลอด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ