อ่านสรุป บทที่ 670 บุญคุณ สติปัญญาของเฟิ่งชิงเฉิน จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บทที่ บทที่ 670 บุญคุณ สติปัญญาของเฟิ่งชิงเฉิน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หลังจากได้รับพระราชโองการ เฟิ่งชิงเฉินก็ตามคุณชายหยวนซีไปดูอาการของชุยห้าวถิง อาหารเที่ยง สุดท้ายเฟิ่งชิงเฉินก็ยังไม่ได้ทาน ไม่ใช่ไม่ให้นางทาน แต่เป็นเพราะตัวนางไม่มีอารมณ์ที่จะทาน
ในเวลานี้นางต้องการข่าวดีสักข่าว ทำให้ความหดหู่ในหัวใจหายไป สำหรับหมอ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เห็นคนไข้ฟื้นตัว เฟิ่งชิงเฉินตัดสินใจรีบไปดูอาการของชุยห้าวถิง
ตอนที่เฟิ่งชิงเฉินไปถึงชุยห้าวถิงเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาพอดี ประโยคแรกที่เขาพูดออกมาก็คือ “ข้ายังไม่ตาย!”
ใช่ ยังไม่ตาย! ยังลืมตาขึ้นมาได้นั่นแปลว่าการผ่าตัดของเฟิ่งชิงเฉินประสบความสำเร็จ อาการป่วยของเขาหายดีแล้ว
“เจ้าจะตายได้อย่างไร ข้าบอกไปแล้วว่ามันต้องสำเร็จ นี่แสดงว่าเจ้าไม่เชื่อใจข้า” เห็นชุยห้าวถิงฟื้นขึ้นมา ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเผยให้เห็นรอยยิ้ม มันคือรอยยิ้มจากใจจริง
แม้ว่านางไม่มีความสามารถแย่งชีวิตคนเหมือนพญายม แต่นางก็ไม่ต้องการทำลายทุบหม้อข้าวของตนเอง เรื่องการผ่าตัดนางไม่กังวล สิ่งที่นางกังวลคือการปฏิเสธของไขกระดูก ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
ชุยห้าวถิงโชคดีไม่เบา!
“ห้าวถิง ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว?” คุณชายหยวนซีผลักเฟิ่งชิงเฉินออกไป พุ่งออกมาด้านหน้า กอดชุยห้าวถิงไว้ในอ้อมแขน น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง......
“ท่านอา ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” ชุยห้าวถิงไม่ได้ยินในสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมา ตอนนี้สมองของเขาโล่ง เขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น เขารู้เพียงแค่ว่ายังมีชีวิตอยู่ เฟิ่งชิงเฉินลบเงาแห่งความตายที่แขวนไว้บนศีรษะของเขาออกไปให้
ตั้งแต่นี้ไปเขากลายเป็นปกติ อยากยิ้มก็ยิ้ม อยากร้องก็ร้อง ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วว่าตนเองจะตายไปตอนไหน
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ ดีเหลือเกิน!” ดวงตาของชุยห้าวถิงฉายแววของน้ำตา หลังจากนี้เขาไม่ต้องทรมานกับความเจ็บปวดของอาการป่วยอีกต่อไป ไม่ต้องทนกับความเห็นอกเห็นใจ การเยาะเย้ย และความสงสารอีกต่อไป
เขาชุยห้าวถิงสามารถมีชีวิตอยู่เหมือนกับคนปกติทั่วไปได้
เห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความดีใจจนไม่อยากจะเชื่อของชุยห้าวถิง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกสดใสขึ้นเช่นกัน ในเวลานี้ ความเหนื่อยล้าจากการผ่าตัดทั้งหมดหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน
“การมีสุขภาพแข็งแรงเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินมีรอยยิ้มของความอ่อนโยน
นางยังมีอะไรต้องให้บ่น ชุยห้าวถิง เมื่อเทียบกับพวกของหยุนเซียว นางเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกมีความสุขมาก นางเฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงแค่สามารถทำให้ร่างกายของตนแข็งแรง แต่ยังสามารถทำให้ร่างกายของผู้อื่นแข็งแรงได้อีกด้วย
“ใช่ การมีร่างกายที่แข็งแรงคือพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เฟิ่งชิงเฉิน ขอบคุณเจ้ามา ขอบคุณที่ทำให้ข้าแข็งแรงขึ้น ทำให้ข้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บป่วยอีกต่อไป”
นอกจากประโยคนี้ชุยห้าวถิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา ในตอนนี้เขารู้สึกว่าคำพูดของเขาไร้ความหมาย มันไม่มีอะไรที่สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกของเขาได้
“เอาล่ะ ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังมีความสุข แต่......ตอนนี้เจ้ายังอยู่ในช่วงเวลาพักฟื้น ไม่ต้องตื่นตัวจนมากเกินไป ตอนนี้ให้ข้าตรวจสอบร่างกายของเจ้าก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง” เฟิ่งชิงเฉินก้าวมาด้านหน้า หยุดการเคลื่อนไหวแห่งความดีใจของชุยห้าวถิง
“อ่า อ่า......” เมื่อได้ยินน้ำเสียงขี้เล่นของเฟิ่งชิงเฉิน ใบหน้าของชุยห้าวถิงแดงขึ้นมา นอนลงบนเตียงด้วยความเขินอาย ไม่กล้าเคลื่อนไหว
เมื่อสักครู่เขาเสียกิริยาไปจริงๆ ในตอนนั้นเขาลืมคำสอนที่ได้เล่าเรียนมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ เขาแสดงออกมาให้เห็นถึงความดีใจอย่างสุดกำลังของเขา
จู่ๆเฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกว่าชุยห้าวถิงในสภาพแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน ในที่สุดก็เหมือนกับชายหนุ่มทั่วไป นางไม่ชอบชุยห้าวถิงในท่าทางของหนุ่มน้อยที่มีท่าทางเหมือนชายชราที่สงบราวกับถูกทารุณกรรม
ถ้าหากเจ้าคิดเช่นนี้ เจ้าอย่ามาเป็นหมอเลยดีกว่า คนที่มีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจไม่มีทางเป็นหมอได้อย่างแท้จริง
เฟิ่งชิงเฉินเดินออกไปพร้อมกับซุนซือสิง ทำให้ในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงคุณชายหยวนซีและชุยห้าวถิง มองการจากไปของเฟิ่งชิงเฉิน คุณชายหยวนซีกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ว่า “เฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้มีสติปัญญา นางฉลาดมาก และรู้จักเลือกวิธีที่ถูกต้อง”
ถ้าหากเฟิ่งชิงเฉินเลือกจะรับบุญคุณครั้งนี้ของชุยห้าวถิงไว้ แน่นอนว่าในช่วงระยะเวลาอันสั้นตระกูลชุยไม่มีทางพูดอะไรออกมา แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปนาน ความไม่สบายใจก็จะเกิดขึ้น
ไม่มีใครชอบให้ผู้อื่นเอาบุญคุณมาค้ำคอ เที่ยวไปบอกคนอื่นว่านางเป็นผู้ช่วยชีวิตของเจ้า ไม่มีนางเจ้าตายไปตั้งนานแล้ว เรื่องแบบนี้ได้มันน่ารำคาญมากเกินไป เหมือนกับว่าตนเองกำลังติดหนี้นางอยู่
ตระกูลชุยของพวกเขาไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณเฟิ่งชิงเฉิน!
“ทุกคนล้วนมีปรัชญาในการเอาชีวิตรอดของตัวเอง นี่คือปรัชญาการเอาตัวรอดของเฟิ่งชิงเฉิน ถ้าหากนางไม่มีนิสัยเช่นนี้ นางจะกลายเป็นคนสนิทของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังได้อย่างไร จะได้รับคำชื่นชมจากซีหลิงเทียนอวี่ได้อย่างไร”
เฟิ่งชิงเฉินรักษาดวงตาของหวังจิ่นหลิงจนหายดี ทำให้ซีหลิงเทียนอวี่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ นี่สำหรับซีหลิงเทียนอวี่กับหวังจิ่นหลิงแล้วถือเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่ เฟิ่งชิงเฉินต้องการอะไรจากพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางปฏิเสธ
แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปพูดกับคนภายนอก ไม่เคยแสดงตัวว่าตนเป็นผู้มีพระคุณต่อหน้าซีหลิงเทียนอวี่กับหวังจิ่นหลิง หรือให้พวกเขาทำการตอบแทนแต่อย่างใด
การกระทำเช่นนี้ของเฟิ่งชิงเฉินนั้นถือเป็นเรื่องที่ฉลาดมาก มองจากตรงนี้ ดูเหมือนว่านางเองจะเสียอะไรไปมาก แต่เจ้าจะรู้เองว่าสิ่งที่นางได้กลับไปนั้นมันมากกว่า
“ผ่านประสบการณ์ความเป็นตายครั้งนี้ เจ้าดูสงบลงไม่น้อย ในที่สุดข้าก็สามารถวางใจได้ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้อยู่บนสวรรค์ เห็นร่างกายของเจ้ากลับมาแข็งแรง เห็นการเติบโตของเจ้า พวกเขาจะต้องดีใจมากเป็นแน่” คุณชายหยวนซีนำมือลูบใบหน้าของชุยห้าวถิง ด้วยความโล่งใจ......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...