นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 679

สรุปบท บทที่ 679 หากไม่จัดการพวกเขา อย่าเรียกข้าว่าคุณชายใหญ่: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 679 หากไม่จัดการพวกเขา อย่าเรียกข้าว่าคุณชายใหญ่ – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 679 หากไม่จัดการพวกเขา อย่าเรียกข้าว่าคุณชายใหญ่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เฟิ่งชิงเฉินคิดไม่ถึงว่าหวังจิ่นหลิงจะเกลี้ยกล่อมเซวียนเส้าฉีสำเร็จก่อนที่นางจะสนทนากับหยุนเซียวเรื่องอาการเจ็บป่วยเรียบร้อยเสียอีก ซึ่งทำให้เฟิ่งชิงเฉินประหลาดใจยิ่ง

เซวียนเส้าฉีโน้มน้าวง่ายเช่นนี้เชียว?

“เขาตอบรับง่ายดายเช่นนี้เชียว? สิ่งที่เราต้องการโจมตีคือเผ่าเซวียนเซียวกง?” แม้ว่าเซวียนเส้าฉีต้องการแข่งขันกับลูกชายของผู้สืบทอดเพื่อมรดก แต่ตามปกติแล้วก็ไม่ง่ายนักที่จะไว้ใจพวกเขา

หวังจิ่นหลิงพยักหน้าและบอกเฟิ่งชิงเฉินเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านความติดของเซวียนเส้าฉีหลังจากเห็นกระดูกของเฟิ่งฮูหยิน แน่นอนว่ายังมีประโยคนั้นที่เขากล่าว "ก็แค่เผ่าเซวียนเซียวกงมิใช่หรือ หากชิงเฉินต้องการ ข้ายินยอมมอบให้”

ท้ายที่สุดหวังจิ่นหลิงก็ได้ถอนหายใจออกมา "ชิงเฉิน เขาทำเพื่อเจ้า”

อืม เพื่อเฟิ่งชิงเฉิน เซวียนเส้าฉียังคงร่วมมือกับพวกเขาเพื่อทรยศต่อบิดาทั้งๆ ที่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาดี แม้หวังจิ่นหลิงจะถอนหายใจออกมาเช่นนั้น แต่ใช่ว่าไม่อาจเข้าใจได้

เพราะหากเป็นเขา เขาก็จะทำเช่นกัน

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินหยุดนิ่งลง นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวว่า "พวกเจ้าอย่าทำให้เขาลำบากใจเลย" อย่างน้อยก็อย่าได้ทำลาย เผ่าเซวียนเซียวกง

ถึงอย่างไรเซวียนเส้าฉีก็มีมิตรภาพอันดีต่อมารดาของนาง ด้วยคำพูดเหล่านี้เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะถูกก้อนหินขนาดใหญ่กดทับหัวใจของนางไว้ทำให้นางหายใจไม่ออก

นางคาดไม่ถึงว่าเซวียนเส้าฉีจะกล่าวเรื่องเช่นนี้ออกมา และคิดไม่ถึงว่าเซวียนเส้าฉีจะตัดสินใจเช่นนี้เพราะเขามิได้คุ้นเคยกับนาง

แม้จะอ้างว่าเหตุเพราะแม่ของนาง แต่พวกเขาเพิ่งพบกันได้ไม่ถึงครึ่งวัน เขาก็กล้าร่วมมือกับหวังจิ่นหลิง เฟิ่งชิงเฉินต้องชื่นชมมากเหลือเกิน

นางรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ใช้ประโยชน์จากเซวียนเส้าฉี

“อย่ากังวลไป ข้าจะวางแผนเอง รากฐานของเผ่าเซวียนเซียวมีมานานกว่าศตวรรษ ใช่ว่าจะเคลื่อนไหวง่ายๆ เป็นการดีสำหรับเราและเขาที่จะให้หัวหน้าของเผ่าเซวียนเซียวกงเปลี่ยนคน ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเราก็คงไม่อยากเผชิญหน้ากับเผ่าเซวียนเซียวกง เซวียนเส้าฉีจะไม่สูญเสียมากเกินไปต่อเรื่องนี้” ในทางกลับกัน เขาอาจได้รับผลประโยชน์กว่าเดิม

ไฟป่าในฤดูใบไม้ผลิยังไม่ดับ จะตัดหญ้าควรถอนรากถอนโคนหรือแทนที่ด้วยหญ้าใหม่ เมื่อเซวียนเส้าฉีให้ความร่วมมือ ก็จะง่ายขึ้นสำหรับพวกเขาในการโจมตีเผ่าเซวียนเซียวกง

ระหว่างการต่อสู้กับเผ่าเซวียนเซียวกง พวกเขายังสามารถผู้มีความสามารถเช่นหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยได้ ให้ผู้คนในเผ่าเซวียนเซียวกงไม่อาจยอมรับว่าคนของเซวียนเส้าฉีตายในสนามรบ

หวังจิ่นหลิงเป็นคนฉลาด เขาจะไม่เพียงใช้ผู้มีความสามารถเข้าไปหลอกล่อฝ่ายตรงข้าม แต่ยังใช้ประโยชน์จากผลประโยชน์ด้วย

เมื่อได้ยินสิ่งที่หวังจิ่นหลิงเอ่ย ความรู้สึกหดหู่ในใจของเฟิ่งชิงเฉินก็ค่อยๆ หายไป จากความร่วมมือนี้เห็นได้ว่าหวังจิ่นหลิงเป็นคนใจกว้างและเป็นคนที่มีภาพรวมและวิสัยทัศน์อันดีงาม

หลังจากที่วางแผนเรื่องเผ่าเซวียนเซียวกงเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็บอกหวังจิ่นหลิงว่านางกำลังจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชน หวังจิ่นหลิงตอบตกลงและสนับสนุนเฟิ่งชิงเฉินด้วยทรัพยากรต่างๆ เช่น แรงคนและสิ่งของ เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธ เพราะนางไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านั้น หวังจิ่นหลิงก็ไม่ได้บังคับ เขากล่าวเพียงว่ามีธุระขอตัวก่อน

หวังจิ่นหลิงต้องการสนทนากับเฟิ่งชิงเฉินอีกสองสามคำ แต่ชิวฮุ่ยเข้ามารายงานว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณชายหยุนมาแล้วเจ้าค่ะ"

เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองหวังจิ่นหลิง เห็นได้ชัดเจนว่าหวังจิ่นหลิงไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่เขาก็ได้ลุกขึ้นว่า "ชิงเฉิน ข้าจะขอตัวกลับก่อน บัดนี้หิมะตกหนัก อย่าออกไปข้างนอกหากไม่จำเป็น”

เขาต้องกลับไปคุยกับคนอื่นอีก เขาเชื่อว่าหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยจะร่วมมือกับเสด็จอาเก้ามากขึ้น หลังจากรู้ว่าเขาและเซวียนเส้าฉีกำลังร่วมมือกัน

หากไม่ฆ่าพวกเขาไปเสีย เขาก็คงไม่ใช่คุณชายใหญ่ผู้มีชื่อเสียงใต้หล้า

เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นเพื่อไปส่ง แต่หวังจิ่นหลิงห้ามไว้ "อย่าออกไปเลย ด้านนอกมีลม ควรระวังเอาไว้”

เมื่อหยุนเซียวเข้ามา เขาก็เห็นเฟิ่งชิงเฉินเพียงคนเดียว คนใช้ทั้งหมดล้วนถูกสั่งให้ออกไป จากท่าทางเช่นนี้ เขารู้ได้ทันทีว่าเฟิ่งชิงเฉินมีบางอย่างจะสนทนากับเขา หยุนเซียวไม่อ้อมค้อม เมื่อเขาเข้ามาก็ได้เอ่ยว่า “แม่นางเฟิ่งมีมือคู่หนึ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าชุยห้าวถิงมีอาการดีขึ้นทุกคืนวัน ข้าช่างซาบซึ้งใจ”

หยุนเซียวมีทักษะทางการแพทย์เล็กน้อยแต่ไม่เก่ง เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาหากจะรักษาคนได้ เพราะเขาเกิดในตระกูลพ่อค้ายา เขากำลังจะเอ่ยเข้าเรื่องโรคของตน คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า

“อาการป่วยของคุณชายชุยไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอีกต่อไป อย่าได้กล่าวถึงมันเลย มากล่าวถึงความเจ็บป่วยของเจ้ากันดีกว่าคุณชายหยุนเซียว” เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นและหยิบกระดานออกมาจากที่ไหนสักแห่ง บนนั้นมีกระดาษสีขาวติดอยู่

เฟิ่งชิงเฉินหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเขียนบางอย่างลงบนแผ่นกระดาษ ขณะที่เขียนนางก็กล่าวว่า "หยุนเซียว เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เก่งเรื่องการใช้คำฟุ่มเฟือย ข้าไม่ชอบวกไปวนมา บอกตามตรงครั้งนี้เมื่อข้าตรวจอาการเจ้า ข้าพบเนื้องอกในสมองของเจ้าและข้าเชื่อว่าเจ้าตระหนักถึงโรคนี้เป็นอย่างดี”

“ใช่ ข้ารู้” รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเซียวค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความจริงจังและเคร่งขรึม หลังจากคิดดูแล้วเขาจึงถามว่า “แม่นางเฟิ่ง เจ้ารักษาได้หรือไม่?”

“ไม่รู้ ข้าต้องตรวจดูเพิ่มเติม นี่คือข้อควรระวังที่ข้าเขียนไว้ เช่นเดียวกับการเตรียมการตรวจร่างกาย หากเจ้าเห็นด้วยโปรดลงนาม” เฟิ่งชิงเฉินเขียนข้อตกลงสองสามข้อ แล้วยื่นไปตรงหน้าหยุนเซียว

ง่ายที่จะสนทนากับคนฉลาด แม้จะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ทุกคนก็รู้ว่าเส้นใต้ของและกันอยู่ที่ใด และจะไม่เอ่ยเรียกราคามหาศาล จากเรื่องของหวังจิ่นหลิงและชุยห้าวถิง หยุนเซียวจึงรู้ดีกว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนฉลาด

มิฉะนั้น หวังจิ่นหลิงคงจะไม่เห็นด้วยกับเขา และห้าวถิงคงไม่สนับสนุนเฟิ่งชิงเฉินในการสนทนากับพวกเขา สตรีคนหนึ่งสามารถทำให้คุณชายชุยและคุณชายใหญ่ตระกูลหวังยอมรับได้ทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน ช่างไม่ง่ายเลย”

หยุนเซียวเก็บสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินเขียน เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นซุนซือสิงเคยบอกเขาเอาไว้ว่า "ชิงเฉิน ข้าได้ยินมาว่าพรุ่งนี้เจ้าจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชน เจ้าและซือสิงเพียงสองคนจะทำทุกอย่างได้อย่างไร ซือสิงยังต้องดูแลห้าวถิงด้วย เจ้าแยกร่างได้หรือ

ข้าจะส่งหมอสองสามคนจากตระกูลหยุนไปให้ แม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของพวกเขาจะไม่ดีเท่าเจ้า แต่ก็ยังสามารถดูแลเรื่องต่างๆ อย่างเช่นอาการหวัดเล็กน้อยได้ นอกจากนี้ หากเจ้าต้องการเครื่องมือใด โปรดเขียนไปที่ร้านขายยาตระกูลหยุน พวกเขาจะจัดส่งให้เจ้าและเราสามารถชำระค่าใช้จ่ายได้ในภายหลัง“หยุนเซียวผู้มีความสง่างามทั้งกายใจ เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องเอ่ยขอ เขาก็เอ่ยปากให้เอง

เฟิ่งชิงเฉินต้องยอมรับว่า “หยุนเซียวเป็นชายที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมาก”

การสนทนากับเขา หากไม่มีเจตนาร้าย ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี เพราะ... เขาคือหยุนเซียว พ่อค้ายาที่โดยธรรมชาติมักแสวงหากำไร

นางใช้ยาของตระกูลหยุนสำหรับโรงพยาบาลเพื่อประชาชน ชื่อเสียงของร้านขายยาตระกูลหยุนก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

“เป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก” หยุนเซียวพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่ใจของเขาก็เศร้าโศก

นี่คือข้อแตกต่างระหว่างเขากับหวังจิ่นหลิง หลักการกระทำของเขาคือทำให้ทั้งสองฝ่ายสบายใจและไม่สำคัญว่าจะประสบกับความสูญเสียเล็กน้อยในบางครั้ง

แต่หวังจิ่นหลิงไม่ต้องการทำมัน สำหรับเรื่องเดียวกัน เป็นการฉลาดสำหรับเขาที่จะปล่อยให้ผู้คนได้ประโยชน์ แต่ตระกูลหวังกลับแสดงความใจดีให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ อีกฝ่ายขอบคุณหวังจิ่นหลิง เพราะหวังจิ่นหลิงเป็นคุณชายของตระกูลหวัง และเขาเกิดมาเพื่อเป็นที่รักของทุกคน

โชคชะตาไม่ยุติธรรมเสียเลย หยุนเซียวรู้เรื่องนี้ดีเสมอมา และไม่คิดว่าเป็นปัญหาใด แต่เมื่อเขากับหวังจิ่นหลิงปรากฏตัวในจวนเฟิ่งเวลาเดียวกันในวันนี้ มันทำให้เขารู้สึกมีอารมณ์ชั่วขณะหนึ่ง

หยุนเซียวปกปิดความคิดของเขาไว้เป็นอย่างดี เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย หลังจากสนทนาถึงความเจ็บป่วยของเขาแล้ว หยุนเซียวก็คิดถึงสิ่งอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยด้วยเช่นกัน

“ชิงเฉิน มีเรื่องหนึ่งที่ข้ารู้สึกอยากจะบอกเจ้า เมื่อเร็วๆ นี้ สาวใช้ของตระกูลซูที่หนานหลิงได้แอบซื้อสมุนไพรเพื่อคลายประสาทและบำรุงสมองที่ร้านขายยาตระกูลหยุน เมื่อดูจากท่าทาง เหมือนว่านางไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตระกูลซูแห่งหนานหลิงมาพร้อมกับหนานหลิงจิ่นฝาน หากซูโหรวต้องการยาใด นางไม่จำเป็นต้องออกไปซื้อเอง การที่ซูโหรวทำเช่นนี้หมายความว่า หนานหลิงจิ่นฝานไม่รู้เรื่องอาการเจ็บป่วยของนาง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ