บทที่ 689 แม่นาง พวกข้าอยากรู้ว่าเจ้าคือใคร – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 689 แม่นาง พวกข้าอยากรู้ว่าเจ้าคือใคร จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
คนจากจวนทหารราบเก้าประตูถูกส่งออกไป เฟิ่งชิงเฉินและเซวียนเส้าฉีไม่เคยคิดถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าพวกเขาจะเคยคาดเดาไว้ แต่ก็มองว่าเรื่องนี้ไร้ประโยชน์ เพราะทั้งสองยังคงไม่สามารถหยุดการกระทำของราชสำนักได้
ทั้งสองเดินเข้ามาด้านใน เตรียมที่จะรักษาผู้ที่มีอาการป่วยหนักแต่ไม่มีเงินรักษา เฟิ่งชิงเฉินอธิษฐานอยู่ในใจ หวังว่าจะไม่มีผู้ป่วยอาการหนักกำลังจะสิ้นใจ นางไม่ต้องการให้วันแรกที่เปิดโรงพยาบาลเพื่อประชาชนมีข่าวการเสียชีวิตของผู้ป่วย ซึ่งมันไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขาเท่าไรนัก
เซวียนเส้าฉีติดตามเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาอย่างเงียบๆ เฟิ่งชิงเฉินเกือบลืมบุคคลผู้นี้ไปเสียแล้ว เมื่อหันไปมอง เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ยินเซวียนเส้าฉีพูดจากทางด้านหลังว่า
“มันไม่ดีนักที่เจ้าจะปกป้องเขาเช่นนี้ เจ้าไม่สามารถปกป้องเขาได้ตลอดชีวิต”เซวียนเส้าฉีคิดอยู่นานก่อนที่จะกล่าวคำนี้ออกมาเอ่ยเตือน
ฝีเท้าของเฟิ่งชิงเฉินหยุดลง นางตกตะลึงครู่หนึ่งเพราะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เซวียนเส้าฉีเอ่ยปากพูด ทั้งยังเป็นการตักเตือนนาง
"เขา" จากปากของเซวียนเส้าฉีหมายถึงใคร ทั้งสองคนล้วนเข้าใจดี เช่นนั้นการที่เซวียนเส้าฉีพูดเรื่องนี้ก็หมายความว่าเขาชื่นชอบซุนซือสิงไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สนใจเรื่องของคนอื่นเป็นแน่
ผู้ชายคนนี้สง่างามและใจดีมาก การกระทำของซุนซือสิงในวันนี้เห็นได้ชัดเจนว่าสร้างความวุ่นวายให้กับเขา แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ เขากลับใส่ใจเรื่องการพัฒนาของอีกฝ่ายในอนาคต
เป็นการดีที่เขาชื่นชอบซุนซือสิง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้หันหลังกลับมา แต่หันหลังให้กับเซวียนเส้าฉีและกล่าวว่า "ข้าหวังว่าจะมีหมอที่แสนบริสุทธิ์อยู่ในโลกนี้ ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เขาเป็นเช่นนั้น มอบโลกให้เขาได้ใช้ชีวิตอันบริสุทธิ์ ในโลกนี้สำหรับเขาจะมีแต่ผู้ป่วยและการรักษาของหมอ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ"
เมื่อกล่าวจบ เฟิ่งชิงเฉินก็เดินไปข้างหน้า นางรู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ แม้นางจะไม่สามารถปกป้องซือสิงได้ แต่ก็มีคนอื่นๆ ที่ช่วยนางได้ นางจะพยายามเพื่อซือสิงอย่างสุดความสามารถของนางในการปกป้องเขา
น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินดูนุ่มนวลมาก แต่เมื่อเซวียนเส้าฉีได้ยินเข้าไปในหูกลับรู้สึกหนักอึ้ง เมื่อมองไปที่ร่างอันดูบอบบางแต่แข็งแรงของเฟิ่งชิงเฉิน เซวียนเส้าฉีก็เข้าใจในทันที เฟิ่งชิงเฉิน......
นางเคยเป็นหมอที่แสนธรรมดา แต่ความเป็นจริงในโลกนี้ไม่อาจทำให้นางบริสุทธิ์ได้อีกต่อไป บัดนี้เมื่อนางได้พบกับหมอที่แสนบริสุทธิ์คนหนึ่ง นางจึงไม่ต้องการให้ความเป็นจริงบนโลกใบนี้มาทำลายความใสซื่อของซุนซือสิง
หมอที่แสนบริสุทธิ์
ชิงเฉิน หากนี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะทำหน้าที่ของข้าอย่างเต็มที่เพื่อเจ้า ปกป้องซุนซือสิงและสร้างโลกขึ้นมาเพื่อเขาด้วยผู้ป่วยและทักษะทางการแพทย์ โลกของเขาจะมีแต่ด้านบวกและแสงแดด ส่วนความมืดและเลือดให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาเอง
ทั้งสองมาถึงห้องผู้ป่วยอาการหนัก กลิ่นเหม็นเปรี้ยวคละคลุ้งไปทั่วห้อง กระจัดกระจายลอยไปในอากาศ ทำให้สะอิดสะเอียนยิ่งนัก
เฟิ่งชิงเฉินหยุดที่ตรงประตูและถอดเสื้อคลุมออก บัดนี้เซวียนเส้าฉีเพิ่งเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินสวมชุดสีขาว
เสื้อคลุมสีขาวรูปร่างแปลกๆ คลุมร่างของเฟิ่งชิงเฉินจรดเท้า แต่เฟิ่งชิงเฉินดูดีในนี้มาก นางดูน่าเชื่อถือกว่าซุนซือสิงที่งี่เง่าเหลือเกิน
แววตาของเซวียนเส้าฉีเผยถึงความประหลาดใจเล็กน้อย บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางเคร่งขรึมทำให้คนอื่นๆ มองข้ามรูปลักษณ์ท่าทางของนางไป
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว นางหยิบหมวกจากกระเป๋าด้านข้างแล้วนำขึ้นมาสวมศีรษะ เก็บผมทุกเส้นเข้าไปในหมวก จากนั้นใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัย นางหันหลังกลับไปมองดูเซวียนเส้าฉีแล้วโยน หน้ากากอนามัยกับถุงมือไปให้เซวียนเส้าฉี
“รีบใส่เถิด ข้าไม่อยากรักษาคนไข้เพิ่มอีกคน” ไม่มีใครรู้ว่ามีโรคติดต่ออยู่ในที่แห่งนี้บ้างหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องทำการป้องกันเอาไว้ให้ดี หากคนกันเองกลับมาป่วยก็คงจะน่าขันยิ่งนัก
แม้เซวียนเส้าฉีจะไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์เช่นไร แต่เมื่อเห็นใบหน้าท่าทางอันจริงจังของนางแล้วเขาก็ไม่เอ่ยถามใดๆ ได้แต่รีบสวมใส่ตามวิธีการที่เห็นเฟิ่งชิงเฉินสวมเมื่อสักครู่
เขาสวมชุดจีนโบราณแต่ใส่อุปกรณ์การแพทย์ในสมัยปัจจุบัน มองไปช่างน่าขำเหลือเกิน แต่กลับไม่มีใครหัวเราะออกมา วินาทีที่เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปด้านในนั้น กระเป๋าแพทย์อัจฉริยะก็ได้เปิดการทำงานขึ้น
งานด้านอายุรกรรมซึ่งนางไม่ถนัดที่สุด ได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ใช่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่เก่งเรื่องอายุรกรรม นางเก่งเรื่องศัลยกรรม นับได้ว่างานฝ่ายอายุรกรรมเป็นความท้าทายและการพัฒนาสำหรับนาง
ในยุคปัจจุบัน หมอแบ่งสาขาค่อนข้างละเอียด อายุรกรรมและศัลยกรรมแต่ละอย่างก็แบ่งอีกหลายชนิด ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนเองเท่านั้นจึงจะรู้รายละเอียดดี แต่ในที่นี้เลือกไม่ได้ เพราะว่าไม่มีหมอคนอื่นมาให้ความร่วมมือกับนาง นางจำเป็นจะต้องเรียนรู้ทำด้วยตนเอง ......
แต่ว่ายังโชคดีที่นางมีกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะติดตัวมาด้วย ซึ่งสามารถลดการวินิจฉัยผิดพลาดได้มากทีเดียว ต้องรู้ก่อนว่าโดยมากแล้วผู้ป่วยเสียชีวิตภายใต้การวินิจฉัยที่ผิดพลาดของหมอ
ด้วยคนไข้จำนวนมากที่อาจแน่นกันอยู่ ณ ที่นี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออย่าได้วินิจฉัยอาการเจ็บป่วยผิดพลาดไป ซึ่งตอนนี้เวชระเบียนนับว่าถูกนำมาใช้ได้ทุกสถานการณ์ ในสมัยโบราณหมอและคนไข้จะรักษากันตัวต่อตัว ซึ่งการรักษาเช่นนี้จำเป็นต้องเก็บความลับเอาไว้ ทว่านางไม่จำเป็น นางได้บอกกับซุนซือสิงเอาไว้แล้วก่อนหน้าว่าการรักษาผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ หากมีหมอมาสอบถามคำแนะนำจากเขา ถ้าเขารู้ก็ให้บอกไป ถ้าไม่รู้ก็ให้บอกว่าไม่รู้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องใด
พวกเขายังสามารถรักษาให้หายได้ หมอหญิงคนนี้ทำให้พวกเขาได้เห็นความหวังของชีวิต
ภายนอกห้อง ผู้จัดยาเดินผ่านไปพอดี ได้ยินน้ำเสียงอันเยือกเย็นของสตรีผู้นั้นก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลงแล้วเงี่ยหูฟัง เฟิ่งชิงเฉินอธิบายถึงการเจ็บป่วยและการรักษา
เนื่องจากว่า บรรดาหมอที่อยู่ในร้านขายยาล้วนเก็บกักความรู้ของตนเองเอาไว้อย่างแน่นหนา นั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้จ่ายยาเหล่านี้ขโมยสูตร กลัวว่าพวกเขาจะเข้าไปแทนที่ตำแหน่งตน บัดนี้เมื่อมีโอกาสอันดีเข้ามาพวกเขาจะปล่อยวางมันได้อย่างไร
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ที่ข้างนอกห้องก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย นอกจากผู้จัดจ่ายยาแล้วยังมีครอบครัวของคนไข้ที่เดินทางมา สายตาของพวกเขามองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน ได้ยินนางเอ่ยถึงทักษะทางการแพทย์และอาการเจ็บป่วยการรักษาต่างๆ
ปัจจุบันนี้มีหมอจำนวนน้อยเหลือเกินที่จะบอกวิธีรักษาออกมาอย่างไม่เห็นแก่ตัว พวกเขาเหล่านี้แม้จะไม่รู้วิธีการรักษาทางการแพทย์แต่ก็พอจะเรียนรู้ได้นิดหน่อย
ที่ด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ส่วนเฟิ่งชิงเฉินที่อยู่ด้านในคงจดจ่ออยู่กับการรักษาผู้ป่วยโดยไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น เซวียนเส้าฉีหันมาเห็นและไม่ได้ขับไล่คนเหล่านั้นไป เนื่องจากเขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่รังเกียจที่จะให้คนเหล่านี้รู้เรื่องนี้ด้วย
มองจากภายนอกแล้วแม่เฟิ่งชิงเฉินจะดูจิตใจจดจ่ออยู่กับผลประโยชน์ แต่ภายในจิตใจของนาง นางเป็นหมอที่มีหัวใจบริสุทธิ์คนหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ป่วยเหล่านี้ นางสนใจเพียงคิดหาวิธีรักษาให้แก่พวกเขา ให้ผู้ป่วยเหล่านี้สามารถขจัดความเจ็บปวดออกไปได้ และไม่เคยคิดจะเอาประโยชน์จากผู้ป่วยเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินในสภาพเช่นนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกเห็นใจเหลือเกิน ตัวนางและความคิดในอุดมคติ ได้เดินทางมาบรรจบกันแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินมีความอดทนกับคนไข้มากและตั้งใจ ดึงดูดเซวียนเส้าฉีไม่น้อย เขามองดูนางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย นางก้มลงไปตรวจดูอาการของผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่สนใจว่าร่างกายของพวกเขาจะสกปรกและเหม็นเพียงใด นางตั้งใจตรวจอาการเจ็บป่วยของทุกคนอย่างละเอียด หัวใจของเซวียนเส้าฉีก็รู้สึกอบอุ่นตามมาด้วย เฟิ่งชิงเฉินซึ่งมีเพียงร่างกายบอบบาง กลับมีพลังอันยิ่งใหญ่ นางนำความหวังและแสงอาทิตย์อันสดใสมาให้ผู้อื่น
บัดนี้ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินเหลือเพียงแค่ผู้ป่วยเท่านั้น ทัศนคติของนางที่มีต่อทุกคนล้วนเหมือนเดิม ไม่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมีเพียงท่าทางอันจริงจัง บัดนี้ทำให้เซวียนเส้าฉีเพิกเฉยต่อรูปลักษณ์ภายนอกและอายุของนาง เขาเชื่อมั่นในตัวนางอย่างไร้เหตุผล เชื่อว่านางสามารถรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ทุกคนได้
เฟิ่งชิงเฉินใช้วิชาความรู้ในด้านต่างๆ ของอาชีพนาง ทำให้ทุกคนในที่นั่นเริ่มจากความสงสัยจนกระทั่งเชื่อ เชื่อว่าสตรีที่มีอายุเพียงน้อยนิดคนนี้จะสามารถรักษาโรคต่างๆ ของพวกเขาได้……
ขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเขาทุกคนอยากรู้ว่าหมอหญิงที่ดูอายุน้อยคนนี้คือใครกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...