สรุปตอน บทที่ 693 ร่ำไห้ เหตุใดไม่มาเร็วกว่านี้ – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
ตอน บทที่ 693 ร่ำไห้ เหตุใดไม่มาเร็วกว่านี้ ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
"จับมันไว้!"
น้ำเสียงของตี๋ตงหมิงดังขึ้น ท่ามกลางพายุหิมะ และการต่อสู้ที่ดุเดือด จึงทำให้ดูอ่อนแอมากไปกว่าเดิม อย่างน้อยคนจากทหารราบเก้าประตูก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น ตอนที่พวกเขาเห็น ก็พบว่าพวกเขาถูกคนของตี๋ตงหมิง จับกดไว้ที่พื้นแล้ว
บรรดาทหารราบเก้าประตู กล้าที่จะลงมือกับชาวบ้านธรรมดา แต่สำหรับคนของตี๋ตงหมิงนั้น ทหารพวกนี้เคยอยู่ในสนามรบมาก่อน ถ้าต่อสู้ด้วยก็คงไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เกิดเรื่องอะไรกัน? พวกแกเป็นใคร? พวกเราเป็นคนจากทหารราบเก้าประตู ได้รับคำสั่งมาปฏิบัติหน้าที่ที่นี่ พวกเจ้าจับคนผิดแล้วหรือไม่ ทุกคนล้วนเป็นคนกันเอง มีอะไรค่อยพูดค่อยจา” ในเมืองหลวงนี้แต่ไหนแต่ไรมา พวกเขาเคยแต่จับคนอื่น แต่ไม่เคยถูกคนอื่นจับเช่นนี้ คนจากทหารราบเก้าประตูจึงได้พากันตะโกนขึ้น
แม้จะบอกว่าในเมืองหลวงมีทหารมากมาย แต่โดยปกติแล้วทุกคนก็ทำหน้าที่ของตนเอง ไม่เข้ามาละเมิดข้องเกี่ยวซึ่งกันและกัน หากมีขัดแย้งกันบ้างก็จะไม่แสดงออกมาชัดเจน
นี่เป็นครั้งแรกที่คนจากกองทหารถูกคนอีกกลุ่มหนึ่งจับกุมตัว อะไรกันนี่?
“คนจากทหารราบเก้าประตูงั้นหรือ ใครเป็นคนสั่งให้เจ้ามาทำ หน้าที่ในครั้งนี้คืออะไร?” ตี๋ตงหมิงยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นแล้วเหยียบลงไปบนหลังของทหารนายหนึ่งที่กำลังพูด ตี๋ตงหมิงโน้มตัวไปข้างหน้า ท่าทางขี้เล่นไม่เบา
“เจ้า......เป็นใครกัน?” เดิมทีทหารนายนั้นรู้สึกโมโหมาก แต่เมื่อพบว่าตี๋ตงหมิงไม่แยแสเรื่องราวใดๆ จึงได้รู้ว่าคนคน นี้ไม่ใช่คนที่เขาจะทำให้ขุ่นเคืองใจได้ง่ายๆ ทีท่าจึงเปลี่ยนไปในทันที
“เพียะ......” ตี๋ตงหมิงตบไปที่ศีรษะของชายผู้นั้น “เจ้าไม่ตอบคำถามข้าก็ยังไม่เท่าไร กล้าดีอย่างไรจึงถามข้ากลับเช่นนี้ อยากตายอย่างนั้นหรือ ข้าจะสนองเจ้าเอง”
ตี๋ตงหมิงหยิบมีดสั้นออกมาจากรองเท้ายาวของ วิธีนี้เขาเรียนรู้มาจากเฟิ่งชิงเฉิน ดูเหมือนเฟิ่งชิงเฉินผู้หญิงคนนั้นจะมีอาวุธที่สามารถฆ่าคนอื่นได้ใส่เอาไว้เต็มร่างกาย
ประกายของมีดแวววาวจ่อไปที่คางของคนผู้นั้น ตี๋ตงหมิงไม่ได้จัดการเขาโดยตรง แต่กลับนำมันลูบไปมาแล้วข่มขู่อีกฝ่ายอย่างดุดันว่า “เจ้าว่าข้าจะลงมือจากที่ใดก่อนดี?”
“พลั่ก ตุ๊บ......” ทหารผู้นั้นสีหน้าซีดเผือดด้วยความตกตะลึงแล้วล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นราวกับปลาตาย จากนั้นก็มีกลิ่นของปัสสาวะลอยออกมา
“ให้ตายสิขี้ขลาดเหลือเกิน” ตี๋ตงหมิงใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนหลังของเขา เมื่อทหารผู้นั้นขยับเขยื้อน ตี๋ตงหมิงจึงได้เอนไปตามแรงของเขาจนเกือบทำให้ต้องเหยียบปัสสาวะนั้น โชคดีเหลือเกินที่ทหารซึ่งอยู่ด้านหลังของเขาพบเข้าทัน ดังนั้นจึงเข้าไปดึงตี๋ตงหมิงเอาไว้ เพียงแต่ว่า......การกระทำนี้ ทำให้รูปลักษณ์อันหล่อเหลาและดุเดือดของตี๋ตงหมิงต้องถูกทำลาย ตี๋ตงหมิงหงุดหงิดและยกเท้าขึ้นเปลี่ยนตำแหน่งในการเหยียบไปเหยียบที่หัวของอีกฝ่าย แล้วถามขึ้นด้วยความประชดประชันว่า “จงบอกมาเดี๋ยวนี้ ผู้ใดสั่งให้เจ้ามาทำหน้าที่นี้?”
ให้ตายสิ เขาเกือบจะลื่นล้มเพราะฉี่นั้น น่าอายเหลือเกิน!
“ท่านผู้บังคับบัญชาทหารราบเก้าประตูให้คำสั่งมาว่าให้พวกเรามาจับกุมกบฏ” ทหารผู้นั้นถูกตี๋ตงหมิงเหยียบย่ำใส่จนแทบพูดออกมาไม่เป็นคำ เขาพูดติดๆ ขัดๆ ในที่สุดจึงได้พูดอย่างชัดเจน และพบว่าตี๋ตงหมิงได้ยกขาขึ้น
“บอกเสียตั้งแต่แรกก็ไม่เป็นไรแล้ว ต้องให้เท้าข้าสกปรก” ตี๋ตงหมิงทำท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์แล้วหยิบผ้าเช็ดมือสีขาวออกมาเช็ดรองเท้า จากนั้นยัดใส่เข้าไปในปากของทหารผู้นั้น “ลากตัวไป จับตาดูให้ดี อย่าเอาให้ตาย”
“อือ......” เจ้าหน้าที่คนนั้นพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง และใช้ขาถีบไปด้านหน้า หากบัดนี้เขาสามารถพูดได้คงจะเอ่ยถามว่า ใต้เท้าอย่างน้อยช่วยบอกหน่อยเถิดว่าท่านเป็นใคร
น่าเสียดายเหลือเกิน ตี๋ตงหมิงจะสนใจกุ้งหอยปูปลาตัวน้อยๆ แบบนี้หรือ? หากท่านทหารราบเก้าประตูเดินทางมาเองก็ยังไม่เท่าไหร่
“จงไปบอกคนที่อยู่ข้างในว่าข้าเดินทางมา และสั่งให้พวกเขาหยุด” ตี๋ตงหมิงทำท่าทางเหมือนนักเลงและเอาแต่ใจ ช่างเย่อหยิ่งผยอง ซึ่งเอาแต่เชิดหน้าและใช้จมูกมองดูคนอื่น
“แค่กๆ......” ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เขาหยิ่งหรอก แต่ว่าเขาไม่รู้จะเผชิญหน้าเฟิ่งชิงเฉินอย่างไรเท่านั้นเอง
ในตอนนั้น สาเหตุการตายของนายพลเฟิ่ง ปู่ของเขารู้ดีแต่กลับปิดบังเอาไว้ นายพลเฟิ่งทำประโยชน์ให้กับประเทศมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นแม่ทัพที่พ่ายแพ้ นี่ไม่ยุติธรรมต่อนายพลเฟิ่ง เพราะเขาไม่ได้รับเกียรติอย่างที่สมควรจะได้รับ
หลังจากที่ตี๋ตงหมิงรู้เรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าทำผิดต่อนาง
เขาไม่ได้โง่พอที่จะพูดว่าให้ปู่ของเขาล้างแค้นแก่นายพลเฟิ่งและฆ่าทุกคนที่ทำร้ายนายพลเฟิ่ง แต่อย่างน้อยเขาควรจะคืนความยุติธรรมให้แก่นายพลเฟิ่ง ให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาตายอย่างวีรบุรุษ ไม่ใช่ถูกผู้คนประณามดุด่าอย่างเช่นทุกวันนี้
คนที่ตะโกนออกไปก็คือทหารภายใต้การดูแลของตี๋ตงหมิง เขารู้วิธีการพูด จึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินหยุดลงได้ “แม่นางเฟิ่ง ท่านซื่อจื่อเดินทางมาขอรับ ผู้คนข้างนอกถูกกุมตัวไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกท่านหยุดลงมือได้แล้ว”
ตี๋ตงหมิงเดินทางมางั้นหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินชะงักการกระทำของตนลง จากนั้นก็หันมาร้อยด้ายต่อ แล้วพูดกับคนที่กำลังปาหี่ก้อนหิมะว่า “พอได้แล้ว ผู้ช่วยเรามาถึงแล้ว”
“พลั่ก......”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนอะไรมาก่อน แต่ตอนนี้กลับมีระเบียบวินัยเช่นเดียวกับทหาร เฟิ่งชิงเฉิน ออกคำสั่งออกไปดังนั้น พวกเขาต่อให้ถือหิมะอยู่ในมือก็พากันวางลงอย่างเชื่อฟัง
ณ ที่นี้คำสั่งของเฟิ่งชิงเฉินมีประสิทธิภาพมากกว่าคำสั่งของทหารเสียอีก เฟิ่งชิงเฉินคือผู้ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยพิบัติเหล่านี้และให้ความหวังในการดำรงชีวิตต่อแก่พวกเขา
ท่านปู่พูดไว้ไม่ผิด ดูเหมือนเขาจะโง่เง่าเหลือเกิน ยังไม่ทันได้รู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปก็ได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องเหล่านี้โดยไม่อาจถอนตัวได้อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ตี๋ตงหมิงทำท่าทางไร้เดียงสาแล้วมองไปทางเฟิ่งชิงเฉิน ราวกับต้องการจะกล่าวว่า เฟิ่งชิงเฉินอย่าได้ทำร้ายข้าเลย ข้าทำตามเจ้า
“ท่านซื่อจื่อ ข้าขอให้สัญญาว่าสิ่งที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่นั้นเป็นความจริงทุกประการ คนจากทหารราบเก้าประตูเดินทางมาถึงก็ลงมือทำลายข้าวของ คว่ำหม้ออาหารและเหยียบย่ำหมั่นโถวกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ผู้คนเหล่านั้นทำลายข้าวของไม่ให้ผู้ประสบภัยพิบัติมีข้าวกิน”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าโจ๊กและหม่านโถวเหล่านั้นสำหรับพวกเขาแล้วราวกับเป็นสิ่งที่เข้ามาต่อชีวิต แต่ว่าทหารเหล่านั้นกลับไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเขา ได้แต่เข้าไปทำลายทิ้ง แล้วกดพวกเขาลงกับพื้นบีบบังคับให้พวกเขาเลียโจ๊กที่อยู่บนพื้น”
“ตี๋ตงหมิง ทหารเหล่านั้นเป็นมนุษย์ ประชากรเหล่านี้ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน ต่อให้พวกเจ้ารับหน้าที่ให้มาปฏิบัติภารกิจ ก็ควรที่จะเห็นแก่ความเป็นความตายของคนอื่น ไม่ควรที่จะมาทำลายอาหารประทังชีวิตของพวกเขาเหล่านี้”
“ตี๋ตงหมิงข้าไม่รู้ว่าเรื่องนี้ใครถูกใครผิด หวังเพียงแค่ว่าไม่อยากให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต สวรรค์ดูเหมือนไม่อยากให้พวกเขาได้มีชีวิตรอด แต่องค์จักรพรรดิจะมาบีบบังคับให้พวกเขาต้องตายอีกหรือ พวกเขาก็เป็นหนึ่งในประชาชนแห่งราชวงศ์ตรงหลิง และเป็นคนของจักรพรรดิ เหตุใดองค์จักรพรรดิจึงไม่คุ้มครองปกป้องพวกเขาเล่า”
ในประโยคสุดท้าย ช่างบีบคั้นหัวใจเหลือเกินทุกคนที่อยู่ในที่นั้น มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินที่กล้าพูดออกมา เมื่อเฟิ่งชิงเฉินพูดประโยคนั้นออกมาแล้ว ผู้คนที่เมื่อสักครู่ได้เอาหิมะเหวี่ยงปลาบรรดาเหล่าทหารก็ได้พากันร้องไห้ร้องห่มออกมา
ตี๋ตงหมิงยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิมเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินช่างดึงดูดหัวใจของพวกเขาเหลือเกิน อย่าว่าแต่บรรดาผู้ที่ถูกทำร้ายจากภัยธรรมชาติเลย แม้แต่ตัวเขาเองฟังดูก็รู้สึกปวดใจ
ในขณะนี้ ทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายตี๋ตงหมิงเดินตรงเข้ามา แล้วกระซิบที่ข้างหูของตี๋ตงหมิงสองสามประโยค สีหน้าของตี๋ตงหมิงดูเปลี่ยนไปแววตามีความดุเดือดขึ้น เมื่อทหารคนนั้นถอยออกไปตี๋ตงหมิง ก็ได้หันไปโค้งคารวะผู้ประสบภัยทั้งหลายอย่างจากใจจริง “ทุกท่าน ขออภัยที่ข้ามาช้า”
“ฮือๆ......”
ประโยคนี้เสมือนกับกุญแจ เดิมทีพวกเขาพากันร้องไห้ร้องห่มออกมาแล้วก่อนหน้า เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวขึ้น พวกเขาก็ร้องไห้ออกมาหนักขึ้นกว่าเดิม
“เหตุใดท่านจึงไม่เดินทางมาให้เร็วกว่านี้ หากท่านเดินทางมาเร็วกว่านี้พวกเราก็จะมีโจ๊กและหมั่นโถวกิน พวกเราก็คงจะไม่อดตาย!”
“ฮือๆ......เหตุใดท่านจึงไม่มาให้เร็วกว่านี้”
เพียงแค่มาเร็วกว่านี้อีกสักเล็กน้อย พวกเขาก็คงจะไม่ต้องถูกทำร้ายร่างกายด้วยและไม่ต้องหิวโซ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...