เซวียนเส้าฉีเคยพบกับเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่มีผู้ตายมากมายนับพันนับหมื่นคน แต่เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน......
คนเหล่านี้ต่อสู้กับทหารทั้งหลายเพื่อโจ๊กและหมั่นโถว แม้ว่าจะไม่ได้ถึงแก่ชีวิต แต่พวกเขาดูช่างน่ากลัวเสียกว่า แววตาของพวกเขานั้นไม่หลงเหลืออะไรไว้เลยนอกจากความสิ้นหวัง
ความตายไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือการรอความตาย คนเหล่านี้เป็นไปเช่นนั้น พวกเขาทุกคนกำลังรอความตาย และอดอาหารซึ่งไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น
เจ้าหน้าที่ทหารเหล่านั้นทำลายที่แจกจ่ายอาหาร ไม่ให้ผู้ประสบภัยได้มีอาหารกิน นั่นก็หมายความว่าได้ทำลายความหวังในการเอาชีวิตรอดของพวกเขาไปจนสิ้นแล้ว
หินตกลงมาปิดถนน ภูเขาก็เข้าไปไม่ได้ แม่น้ำถูกปิดกั้น นอกจากต้องพึ่งพาคนอื่นแล้วพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลย แต่ ณ เวลานี้ทางการกลับเข้ามาปิดกั้นหนทางรอดเดียวของพวกเขา
หากพวกเขาต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะก็ แม้จะต้องก้มหน้าลงไปเลียอาหารบนพื้นดุจดั่งสุนัข พวกเขาก็จะทำ
พวกเขาเพียงแค่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป มันผิดหรือ?
“พวกเราเพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เราผิดด้วยหรือ?” ชายชราผมหงอกขาวคนหนึ่งที่ถูกเซวียนเส้าฉีเข้าไปรั้งเอาไว้พูดขึ้น
ชายชราร่างกายผอมโซมีแต่กระดูกเหมือนไม้เสียบผี เขาโค้งกายงอเข้าหากัน ความเศร้าในดวงตาทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกปวดใจยิ่งนัก ชายชราผู้นี้น่าจะอายุพอๆ กับปู่ของนาง นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหากปู่ของนางต้องมามีสภาพเช่นนี้ แล้วนางจะทำอย่างไร?
บางทีนางอาจจะบ้าไปเลยก็ได้
ทหารเหล่านี้กำลังบีบบังคับให้ประชาชนก่อกบฏอย่างงั้นหรือ แต่นางจะไม่ทำดังนั้น พวกเขาจะเอาเหตุผลอะไรมาแอบอ้างเล่า
เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบความโกรธในใจของนาง แล้วหยิบตราประทับออกมากล่าวว่า “ทงจือ จงนำตราประทับนี้ไปหาตี๋ซื่อจื่อ ให้เขาส่งคนมาจัดการสถานการณ์ที่นี่ หลังจากไปหาตี๋ซื่อจื่อเรียบร้อยแล้ว จงเดินทางไปที่จวนเซียวชินอ๋อง ขอร้องเข้าพบเซียวชินอ๋องแล้วบอกสถานการณ์ที่นี่แก่เขา ว่าภายใต้การปกครองของฝ่าบาทมีทหารที่ไร้ซึ่งกฎหมายในสายตาเช่นนี้อยู่ แล้วในที่อื่นๆเล่า ผู้ประสบภัยในที่อื่นๆ พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ผู้คนเหล่านี้เข้ามาท้าทายขีดจำกัดของนาง ต่อให้นางพยายามอดทนหรือเย็นชาสักเพียงไรก็ไม่อาจทนมองต่อไปได้
นางเข้าใจจุดประสงค์ของการทำร้ายและทุบตีข้าวของของคนเหล่านี้แล้ว เหตุผลที่คนเหล่านี้เข้ามาทำลายโรงแจกจ่ายอาหารและไม่ยอมไปนั้น ก็เพราะต้องการทำให้ชาวบ้านเหล่านี้ต้องรู้สึกโมโหขุ่นเคือง และเมื่อชาวบ้านสร้างความเดือดร้อนไม่สงบขึ้นมา พวกเขาก็จะมีเหตุผลที่จะจับทุกคนเข้าคุกอย่างยุติธรรม
ไม่ว่าชาวบ้านจะมีเหตุผลใดก็ตาม เพียงแค่เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ทหาร ประชาชนก็จะกลายเป็นผู้ไร้เหตุผลในทันที หากเป็นก่อนหน้านี้บางทีนางอาจจะทะเลาะเบาะแว้งด้วยแต่ตอนนี้......
นางเคยทุกข์ทนมามาก และเคยทำผิดมามาก ถ้านางยังทำเหมือนเดิมอีกก็คงจะโง่เง่านัก
ทงจือเดินทางจากไป เฟิ่งชิงเฉินหันไปมองผู้คนที่อยู่ข้างกาย และพูดกับคนที่ยังพอดูแข็งแรงว่า “พวกเจ้าทั้งหลายจงแทรกกายเข้าไปพาผู้ที่บาดเจ็บออกมา แต่จงจำไว้ว่าอย่าต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร หากพวกเขาทำร้ายเจ้าก็หลบ หากหลบไม่ทันก็จงอดทนเอาไว้”
ประโยคเหล่านี้ช่างดูไร้สาระ แต่เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาก็คงเข้าใจ ต่อให้เจ้าหน้าที่ทหารไร้เหตุผล แต่ชาวบ้านต่อสู้ก็นับว่าผิดเช่นกัน
“แม่นางเฟิ่งพวกเราเชื่อท่าน” ชายหนุ่มผู้นั้นโมโหเป็นที่สุดเสียจนขาดสติ หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉิน เขาคงจะเข้าไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหารอย่างสุดกำลังแล้ว
ความไว้วางใจดังกล่าวนี้เป็นแรงกดดันต่อเฟิ่งชิงเฉิน นางจะทำให้ความไว้วางใจของพวกเขาเสียเปล่าไม่ได้
“ไปเถิด ไปบอกกับพวกเขาว่าทุกคนจะไม่อดตาย แม้สวรรค์จะไม่อยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ แต่ผู้ที่แจกจ่ายอาหารแก่พวกเจ้า คนคน นั้น......แม้จะไม่สามารถต่อสู้กับฟ้าดินได้ แต่ในใจเขาก็มีชาวบ้านอยู่”
ตอนที่นางพูดประโยคนี้ออกมา ณ ที่นี้ ทำให้ดูมีพลังน่าเชื่อถือ
“คนที่นำอาหารมาแจกจ่ายแก่พวกเราคือใครกัน ไม่ใช่แม่นางเฟิ่งหรือ?” มีใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นจากทางด้านหลัง
“ไม่ใช่ข้า ข้าไม่มีความสามารถเช่นนั้น เอาล่ะ......อย่าได้มัวกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้เลย พวกเจ้ารีบเข้าไปช่วยคนเถิด ทั้งโจ๊กและหมั่นโถวจะยังมีให้พวกเขาอย่างแน่นอน” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปทางผู้คนด้านหลัง แล้วนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมาแยกไว้อีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะทำแผลอย่างง่ายๆ
“พวกเราสามารถช่วยได้หรือไม่?” สตรีนางหนึ่งและเด็กผู้หญิงผอมแห้งคนหนึ่งพากันมองดูเฟิ่งชิงเฉิน แววตาพวกเขาไม่ค่อยมั่นใจนักว่าจะช่วยเฟิ่งชิงเฉินได้
เจ้าหน้าที่ทหารเหล่านี้กล่าวว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ขยะที่ไร้ประโยชน์ วันๆ เอาแต่ขออาหารคนอื่นกิน ทางการต้องเสียเงินซื้อข้าวซื้อน้ำมาเลี้ยงคนเหล่านี้ พวกเขาสมควรตายเสียด้วยซ้ำ การที่มีโจ๊กและหมั่นโถวกินก็ควรจะเอ่ยขอบคุณสวรรค์แล้ว
พวกเขาคิดมาเสมอว่าตนเองไร้ประโยชน์ คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสามารถสร้างประโยชน์ได้
“แน่นอนสิ สวรรค์จะช่วยเหลือผู้ที่พยายามช่วยเหลือตนเองเสมอ พวกเราจะสามารถข้ามผ่านและเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติหิมะครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อหิมะสิ้นสุดลง” น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนมีพลังพิเศษทำให้ทุกคนในที่นั่นเชื่อว่านางพูดเรื่องจริง
เพียงแค่ผ่านพ้นจากพายุหิมะนี้ไปได้ พวกเขาก็ไม่กลัวอะไรแล้ว
พวกเขาถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คนที่ยังพอมีเรี่ยวแรงก็เข้าไปในการต่อสู้นั้นแล้วรีบพาผู้บาดเจ็บออกมา ตอนที่พวกเขาก้าวขาเข้าไปท่ามกลางเหตุการณ์ชุลมุน เท้าของพวกเขาเหยียบย่ำไปบนโจ๊กและหมั่นโถว หัวใจของพวกเขาหลั่งนองเป็นเลือด แต่ละคนกำมือแน่นพยายามระงับความอาฆาตแค้นในใจของตน
“หยุดเถิด นายท่านทั้งหลาย ขอร้องปล่อยพวกเราไปเถิด พวกเราไม่ดื่มโจ๊กและไม่กินหมั่นโถวเหล่านี้แล้ว”
“ขอร้องเถิดอย่าได้ ลงมือกันอีกเลย”
ชายกลุ่มหนึ่งเข้าไปรุมล้อมและล้มลงอยู่แทบเท้าเจ้าหน้าที่ทหาร พวกเขาไม่อยากต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจึงทำได้เพียงเอากายเข้าปิดกั้น ให้คนอื่นๆพาผู้บาดเจ็บออกไป
สตรีและเด็กที่อยู่ด้านข้าง ช่วยกันพาผู้บาดเจ็บแบกเข้าไป ด้วยความช่วยเหลือจากหมอและผู้จ่ายยาของตระกูลหยุน จึงสามารถรักษาแผลให้แก่ผู้บาดเจ็บได้อย่างราบรื่น
เมื่อร่วมใจกันสามัคคีคือพลัง
สถานการณ์อันวุ่นวายค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ทหารเหล่านั้นคิดไม่ถึงว่าชาวบ้านเหล่านี้จะไม่ต่อสู้และดูสงบเสงี่ยมทำให้พวกเขาทำตัวไม่ถูกเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...