สรุปเนื้อหา บทที่ 691 ทหาร ทำลายโจ๊กเหล่านี้เสีย – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บท บทที่ 691 ทหาร ทำลายโจ๊กเหล่านี้เสีย ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
กว่าสถานการณ์จะสงบลงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บัดนี้ก็พากันส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง โดยมากผู้คนล้วนคุกเข่าพากันขอโทษ ส่วนคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย เมื่อได้ยินคนรอบข้างพูดออกมาเช่นนั้นจึงเข้าใจถึงเหตุและผล ต่างก็พากันคุกเข่าลง “แม่นางเฟิ่งผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม แม่นางเฟิ่งผู้สูงส่ง!”
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น นอกจากเฟิ่งชิงเฉินแล้วล้วนพากันทำสีหน้าท่าทางอันตื่นเต้น แม้แต่ซุนซือสิงเองก็ดีอกดีใจเสียจนพูดไม่ออก เซวียนเส้าฉีทำท่าทางภูมิใจแทนเฟิ่งชิงเฉิน มีเพียงใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่ยังคงเฉยเมยดังเดิม
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เซวียนเส้าฉีพบว่าเฟิ่งชิงเฉินดูผิดปกติไปจึงได้เอ่ยถาม
“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งชิงเฉินพึมพำอยู่ในใจ มุมปากของนางขยับเล็กน้อย นางหัวเราะออกมาเบาๆ แต่แววตานั้นไม่ได้มีรอยยิ้มอยู่เลย เมื่อมองไปยังชาวบ้านที่พากันคุกเข่าอยู่ตรงหน้านี้ และได้แต่โทษตัวเองต่างๆ นานา แววตาของเฟิ่งชิงเฉินกลับดูเยือกเย็นลงกว่าเดิม
การที่เลือกโรงพยาบาลเพื่อประชาชนให้อยู่ใกล้กับประตูเมือง ก็เพื่อต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมตอนนี้นางดูรู้สึกไม่ดีใจแม้แต่น้อย?
เฟิ่งชิงเฉินหันหลังกลับไปเงียบๆ มองไปยังทิศทางของพระราชวังแล้วนึกในใจว่า เสด็จอาเก้า ผลลัพธ์เช่นนี้ เจ้าพอใจแล้วหรือไม่?
นางเคยเจ็บปวดและถูกประณามอย่างอัปยศอดสู แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้คนเหล่านี้ พวกเขาทั้งหลายเพียงแค่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ก็เท่านั้น อีกอย่างการที่พวกเขาเอาแต่ตำหนิตนเองออกมาเพื่ออะไรกัน ต่อให้พวกเขาไม่แสดงความเสียอกเสียใจและรู้สึกผิดเช่นนี้ออกมา ตัวนางก็สามารถใช้ชีวิตอย่างดีได้
เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลงหายใจเข้าลึก เมื่อนางกล่าวขึ้นมาอีกครั้งน้ำเสียงนั้นก็ดูสงบ ท่าทางอันเป็นธรรมชาติดูเหมือนไม่ได้รับการกระทบใดๆ จากผู้คนเหล่านี้เลย
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด”
ผู้คนเหล่านั้นไม่ได้ขยับเขยื้อน พากันนั่งนิ่งเงียบ แต่ละคนมองมาทางเฟิ่งชิงเฉิน ดูเหมือนไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงดูสงบนิ่งได้เพียงนี้ เพราะในตอนนั้นพวกเขาทั้งหลายได้ทำร้ายนางอย่างสาหัส
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด เรื่องในอดีตจงปล่อยให้มันผ่านพ้นไป อย่านำไปใส่ใจเลย หากข้ายังถือสาพวกเจ้าทุกคนก็คงจะไม่เดินทางมาให้การรักษาในวันนี้” แม้ว่าการรักษาในวันนี้นาง ไม่ได้เป็นคิดขึ้นเพื่อตนเอง แต่ในเมื่อพูดแล้วก็ควรที่จะพูดให้ดี
“แม่นางเฟิ่ง ท่าน ช่างเป็นคนดีเหลือเกิน” คำพูดนับหมื่นพันคำกลายมาเป็นเพียงประโยคนี้ประโยคหนึ่ง บรรดาชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นชายรูปร่างกำยำหรือหญิงวัยกลางคน ต่างพากันจ้องหน้ากันไปมาและดูกระอักกระอ่วม
นางช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!
สำหรับพวกเขา สิ่งที่พูดออกมาเมื่อสักครู่นั้นมาจากใจจริง แต่เมื่อได้ยินไปถึงหูของเฟิ่งชิงเฉินกลับกลายเป็นการประชดประชัน
นางไม่ได้ดีเลย!
“เอาล่ะ อากาศในฤดูหนาวช่างหนาวเหน็บ หากคุกเข่าอยู่ที่พื้นเป็นเวลานานอาจจะทำให้ความเย็นเข้าสู่ร่างกายและเป็นหวัดเอาง่ายๆ ทุกคนลุกขึ้นเถิดอย่าได้มองคุกเข่ากันไปเลย” น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินดูบางเบาและเยือกเย็น แต่เมื่อทุกคนได้ยินกลับกลายเป็นว่านางเป็นห่วงพวกเขา
เฟิ่งชิงเฉินเป็นห่วงพวกเขา!
ในที่สุดทุกคนก็หยุดทำการดื้อรั้นและช่วยกันพยุงขึ้นจากพื้น
“ฮือๆๆ” บรรดาผู้ที่เคยทำร้ายเฟิ่งชิงเฉินได้แต่ตำหนิตนเองแล้วก้มหน้าด้วยละอายใจ ไม่กล้ามองดูเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลง ซ่อนรอยยิ้มอันเยือกเย็นในดวงตาของตนเอาไว้ คำขอโทษเช่นนี้สำหรับนางสำคัญงั้นหรือ
บางทีนางอาจจะเคยบ่นว่าคนเหล่านี้โง่เขลา ไม่รู้เรื่องรู้ราวถูกยุยงได้ง่าย แต่ในตอนนั้นนางไม่ได้ทำอะไรเลย คนเหล่านี้กลับมาทำร้ายนาง เอาเถอะตอนนี้นางไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นและไม่สนใจว่าคนเหล่านี้จะคิดอย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจผู้ที่อยู่ตรงหน้าและหันไปพูดกับซุนซือสิงที่อยู่ด้านข้างว่า “ซือสิงกลับไปทำงานของเจ้าอย่าทิ้งผู้ป่วยเอาไว้เช่นนี้”
“ท่านอาจารย์ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ใบหน้าของซุนซือสิงดูเป็นห่วงกังวลเฟิ่งชิงเฉิน
ผู้คนเหล่านี้แม้จะบอกว่าขอโทษอาจารย์ของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ต่างอันใดกับการที่โรยเกลือไปลงบนบาดแผลอีกครั้ง ทำให้อาจารย์ของเขาต้องรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่ง แม้เขาจะมีจิตใจงดงาม แต่เขาก็มีหัวใจนอกจากบิดามารดาของตนแล้ว อาจารย์เป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้าได้อีกแล้ว เดิมทีเรื่องราวในตอนนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของข้า บัดนี้พวกเขาได้เอ่ยขอโทษข้าแล้วจงให้เรื่องราวเหล่านั้นผ่านไปเถิด” ต่อให้ไม่ปล่อยให้มันผ่านไปนางเองก็ไม่อยากสนใจเอาผิดกับคนธรรมดาเหล่านี้
“หากท่านอาจารย์ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ซุนซือสิงพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปจัดการธุระก่อน”
ก่อนเดินทางจากไปสายตาของเขาจับจ้องไปที่เซวียนเส้าฉี ซุนซือสิงดูสับสน คุณชายชุยกล่าวว่าท่านอาจารย์ไม่อยากแต่งงานกับเซวียนเส้าฉี ต่อให้ตัวเขาคิดว่าเซวียนเส้าฉีเป็นคนดีก็ไม่ได้ เขาควรที่จะช่วยอาจารย์ขับไล่เซวียนเส้าฉีออกไป แต่ตอนนี้ข้างกายของท่านอาจารย์มีเพียงเซวียนเส้าฉีคนเดียวเท่านั้น
ซุนซือสิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปกล่าวกับเซวียนเส้าฉีอย่างจริงจังว่า “นายท่านน้อย ได้โปรดช่วยดูแลท่านอาจารย์ของข้าด้วย” ทุกสิ่งทุกอย่าง ความปลอดภัยของอาจารย์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
เซวียนเส้าฉีชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองใบหน้าอันจริงจังของซุนซือสิง แล้วพยักหน้าตอบรับอย่างเคร่งขรึม “จงวางใจเถิด”
ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันออกไปคนหนึ่งเข้าไปข้างในคนหนึ่งออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ทันเดินไปได้กี่ก้าวด้านนอกก็เกิดน้ำเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นพร้อมกับเสียงสิ่งของกระทบกระทั่งกัน
“อย่า ขอร้องได้โปรดเถอะนายท่าน อย่าได้ทุบเลย อย่าทุบเลย นี่เปรียบเสมือนชีวิตของพวกเรา สิ่งนี้ประทังชีวิตของพวกเรา!”
“นายท่านได้โปรดเถิด อย่า โปรดให้ทางรอดแก่พวกเราด้วย!”
“นั่นมันหม่านโถวจริงๆ อย่าได้เหยียบมันเลย ได้โปรดอย่าเหยียบมัน!”
“โอ้......อย่าเททิ้ง อย่าเทมันทิ้ง หม้อนั้นให้ชีวิตพวกเราได้ ท่านทำเช่นนี้เท่ากับบีบบังคับให้เราถึงแก่ชีวิต!”
น้ำเสียงร้องไห้ต่างๆ นานาดังขึ้น เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องผิดปกติไป เฟิ่งชิงเฉินจึงหันหลังกลับมาอย่างรวดเร็ว นำยาในมือยื่นไปให้ซุนซือสิงแล้วพูดว่า “ซือสิง คนไข้ด้านในข้าได้เขียนอาการของพวกเขาเอาไว้พร้อมกับต้องจ่ายยาชนิดใด เจ้าจงจ่ายยาตามที่ข้าเขียนเอาไว้หากทำไม่ได้ให้รอข้ากลับมา ข้าจะออกไปดูหน่อยว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”
เฟิ่งชิงเฉินรีบวิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“ต่อให้เจ้าไปก็ไร้ประโยชน์ ดูเถิดทหารพวกนั้นได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว ต่อให้พวกเราเข้าไปก็ได้ประโยชน์ พวกเขาทำลายอาหารทิ้งไปจนเกลี้ยงแล้ว บัดนี้พวกเราแทรกเข้าไปก็ทำให้ความขัดแย้งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้นเอง” เซวียนเส้าฉีมองดูเฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะอธิบายเรื่องเหล่านี้เขาจึงได้เอ่ยแทนนาง
เขาไม่อยากให้บ่าวรับใช้คนนี้เข้าใจเฟิ่งชิงเฉินผิดไป อีกอย่าง ไม่ควรต่อสู้กับทหาร การที่พวกเขาเข้าไปต่อสู้กับทหารและขุนนางเหล่านี้เดิมทีไม่ผิดก็ต้องผิด
“คุณหนูเจ้าคะ ข้า......” ทงจือเข้าใจได้ในทันที นางหันไปทางเฟิ่งชิงเฉินแล้วเอ่ยขอโทษ
ทุกสิ่งอย่างพังทลายหมดแล้ว ต่อให้พวกนางพุ่งเข้าไปแล้วทำอะไรได้เล่า จะช่วยอะไรได้บ้าง?
ทหารเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเดินทางมาเพื่อสร้างปัญหา ในเมื่อพวกเขาทุกๆ อย่างทุกสิ่งทิ้งแล้วก็คงจะเดินทางจากไป บัดนี้หากทุกคนก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวคงจะทำให้ทหารเหล่านี้ห้าวหาญมากยิ่งขึ้น
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไร นางทำเพียงหยุดคนอื่นๆ ที่ต้องการจะเข้าไป ขัดแย้งต่อสู้กับทหาร หากเป็นก่อนหน้านี้คนเหล่านั้นคงไม่เชื่อฟังคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน ทว่าในเวลานี้ไม่เหมือนเดิม
เฟิ่งชิงเฉินกล่าวขึ้น แม้พวกเขาไม่อยากจะหยุดฝีเท้าอยู่ตรงนั้นแต่ทุกคนก็ต้องหยุดและเก็บความคับข้องใจเอาไว้
“แม่นางเฟิ่ง......” ชายคนหนึ่ง ถึงกับน้ำตาไหลเมื่อเห็นโจ๊กและหม่านโถวถูกเหยียบย่ำลงไปบนพื้น
“อย่าเลย อย่าได้ไปเลย ไร้ประโยชน์ ปล่อยให้พวกเขาทุบเถิด เมื่อทุบเสร็จพวกเขาก็จากไปเอง” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปลอบโยนพวกเขานางเพียงกล่าวออกมา
“ฮือๆ......” ผู้คนพากันร้องไห้ร้องห่มมากยิ่งขึ้น แต่ละคนส่งสายตาอันดุเดือดมองไปทางทหาร แต่ไม่มีใครก้าวเข้าไปข้างหน้าเพื่อหยุดยั้ง แววตาของพวกเขาจับจ้องมองไปยังโจ๊กและหมั่นโถวที่อยู่บนพื้น
“โจ๊กนี้ทั้งหอมและเข้มข้นเหลือเกิน พวกเขาไม่กล้าที่จะกินแม้แต่คำเดียว” ทุกคนตั้งใจจะเก็บเอาไว้ไปให้บิดามารดาที่บ้านกิน แล้วไหนจะหมั่นโถวอีก หลายปีมานี้พวกเขาไม่เคยได้กินหมั่นโถวที่รสชาติกลมกล่อมหอมนิ่มขนาดนี้มาก่อน
“โอ้สวรรค์ ท่านไม่ต้องการให้พวกเรามีชีวิตอยู่เเล้วงั้นหรือ!”
“ข้าแต่สวรรค์ผู้เมตตา พวกเราทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือพวกเราทำสิ่งใดผิดไป?”
“พวกเจ้าไม่ได้ทำผิดหรอก คนที่ผิดก็คือบรรดาขุนนางที่กินไม่รู้จักอิ่มเหล่านั้น พวกเขาไม่เข้าใจถึงความหิวโหยและไม่เข้าใจว่าความหิวมันน่ากลัวและลำบากเจ็บปวดเพียงใด”
เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้เข้าไปปะทะกับทหาร นางจึงวางใจเล็กน้อย เพราะหากเป็นเช่นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม
“ไปเถิด ไปตามคนเหล่านั้นมา” นางหันหลังกลับไป แล้วกำชับกับเซวียนเส้าฉี
นางให้เขาไปนำผู้ที่ปะทะกับทหารเมื่อครู่ดึงกลับมา ผู้คนเหล่านั้นถูกทุบตีเสียจนเลือดออก......ทำให้ทั้งโจ๊กและหมั่นโถวสีขาวที่อยู่บนพื้นแดงเรื่อ แต่พวกเขาล้วนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด และเข้าปะทะกับทหารเหล่านั้นด้วยความเย็นชา
โจ๊กหมดไปแล้ว หมั่นโถวก็หมดไปแล้ว ความหวังเดียวในชีวิตของพวกเขาได้หมดสิ้นลง ในเมื่อพวกเขาไม่มีหนทางรอด เช่นนั้นชีวิตนี้จะเก็บไว้เพื่ออะไรเล่า สู้เถิดสู้ให้ถึงที่สุด......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...