ความกังวลพลันฉายออกมาทางสีหน้าของหวังชีในทันที เมื่อเฟิ่งชิงเฉินถูกทหารองค์รักษ์พานางเข้าไปในลานตำหนักของราชวงศ์
เมื่อมองตามลับสายตาของเฟิ่งชิงเฉินไปนั้น สีหน้าของหวังชีพลันฉายแวววิตกกังวลออกมาอย่างหนักในทันที "ท่านแม่ทัพอวี่เหวิน ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่นอนเลย"
"เรื่อง อย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น หากแต่ ผู้ที่เสียเปรียบจะเป็นผู้ใดไม่อาจเดาได้ ทว่า เฟิ่งชิงเฉินผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนางก็รับมือได้หมด อย่างไรนางย่อมไม่อาจยอมให้ตนเองเป็นผู้เสียเปรียบไปได้แน่ เจ้าก็ทำใจให้สบายเถอะ นางไม่ตายง่าย ๆ หรอก" อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันตบไหล่หวังชีเบา ๆ พลางส่งสัญญาณว่าพวกเราควรกลับได้แล้ว
ตราบใดที่เฟิ่งชิงเฉินยังมีชีวิตอยู่ นางจักต้องมาเข้าร่วมงานเทศกาลดอกท้อให้ได้ นอกเสียจากว่านางจะตายไปแล้ว นางถึงไม่อาจเข้าร่วมเทศกาลดอกท้อได้อีก มิเช่นนั้น องค์หญิงอันผิงจะใช้เหตุการณ์นี้ ในการหาเรื่องนำนางมาลงโทษเสียจนได้
อีกทั้งงานเทศกาลดอกท้อ ล้วนแต่เป็นงานของอิสตรี ด้านในงานมีเพียงแค่ราชองค์รักษ์ที่คอยรักษาความปลอดภัยและขันทีคอยรับใช้เท่านั้น บุรุษธรรมดาไม่อาจเข้าไปร่วมงานได้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีใจอยากช่วยเฟิ่งชิงเฉินมากก็ตาม แต่ก็ไม่อาจช่วยได้อย่างใจอยาก
"แต่ข้ากังวลจริง ๆ ท่านก็รู้ ว่าพี่ชายของข้า ยังต้องรอนางมารักษาดวงตาให้อยู่ หากนางตายไป แล้วดวงตาของพี่ชายข้าจะทำเช่นไรเล่า" หวังชีพลันถูกอวี่เหวินหยวนฮั่วลากไปขึ้นม้าในทันที
ขบวนของอวี่เหวินหยวนฮั่ว จึงค่อย ๆ เคลื่อนพลกลับไปที่เมืองหลวง
"เฟิ่งชิงเฉิน นางสามารถรักษาดวงตาให้พี่ชายของเจ้าได้จริง ๆ หรือ" อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันชักม้าให้เข้าไปใกล้ ๆ หวังชี
เขาคิดว่า เรื่องนี้เป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่หวังจิ่นหลิงเข้ามาช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉินเสียอีก ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงเสียได้
"ได้ นางกล่าวว่านางมั่นใจถึงเก้าส่วน" หวังชีพลันหยักหน้าเป็นเชิงยืนยัน เรื่องเช่นนี้จะเป็นเรื่องโกหกไปได้อย่างไร หากว่าแต่งเรื่องขึ้นมานั้น ราคาที่ต้องจ่ายย่อมสูงตาม
"เป็นเช่นนั้นหรือ" อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันลากเสียงยาวในคำท้าย พร้อมทั้งแอบครุ่นคิดว่า หากเขาเข้าร่วมการพนันในเมืองหลวง เขาจักมีโอกาสในการชนะพนันสูงหรือไม่
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามิใช่กล่าวว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งหรือ?
ไม่ต้องห่วง ข้าจักใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มเอง
ระหว่างทางกลับ อวี่เหวินหยวนฮั่วยังคงสอบถามเรื่องราวของเฟิ่งชิงเฉินจากหวังชีมากมาย ถึงแม้ว่าหวังชีจะรู้ว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วจงใจตะล่อมถามเรื่องราวของเฟิ่งชิงเฉินนั้น หากแต่เขาก็เต็มใจที่จะเล่าออกไปจนหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เล่าได้หรือไม่ได้ เขาล้วนแต่เล่าให้ฟัง
หวังชีต้องผูกมิตรกับอวี่เหวินหยวนฮั่วเอาไว้ เนื่องจากว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองตะกลูในยามออกนอกเมืองในครานี้ ได้ถูกใช้ไปกับการช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉินไปหมดแล้ว แน่นอนว่า การปลูกถ่ายกระจกต้านั้น เรื่องนี้เขายังคงเก็บเป็นความลับเอาไว้อยู่ เนื่องจากว่าเขาได้ทำการสาบานตนไปแล้วว่าจะไม่เพร่งพรายออกไป
เมื่ออีกคนรุก อีกคนรับ ทั้งอวี่เหวินหยวนฮั่วและหวังชีต่างก็พูดคุยกันสนุกสนานยิ่งนัก ในยามที่ต้องแยกจากกันนั้น หวงัชียังเรียนรู้ความกล้าหาญมาจากเฟิ่งชิงเฉินอีกว่า วันพรุ่งเขาจักเชิญอวี่เหวินหยวนฮั่วออกไปร่ำสุราด้วยกัน
เฟิ่งชิงเฉินหาได้ล่วงรู้ไม่ว่า ธรรมเนียมการร่ำสุราในแวดวงขุนนางต่างก็มีจุดเริ่มต้นมาจากนางทั้งนั้น
ภายนอกของตำหนักแยกของราชวงศ์ หลานจิ่วชิงได้แต่แอบส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย เมื่อเขามองไปยังกำแพงสีแดงอิฐของตำหนักแยกพระราชวงศ์นั้น ก็พลันรู้สึกลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ ลอบเข้าไป
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามัน ไม่ง่ายที่จะต่อกรด้วยเลยจริง ๆ ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าเจ้าจะมีอะไรมาทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจได้มากกว่านี้อีกหรือไม่"
หากมิใช่ว่า เขาเผอิญไปได้ยินสิ่งที่องค์หญิงรับสั่งกับนางกำนัลละก็ เขาก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งกับเรื่องของเฟิ่งชิงเฉินเท่าใดนัก อีกทั้ง บุญคุณความแค้นของเขาและเฟิ่งชิงเฉินต่างก็หายกันไปแล้ว
ตำหนักแยกของราชวงศ์ที่มีการป้องกันอย่างเข้มงวดเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่สามารถทำอันใดกับหลานจิ่วชิงได้ เนื่องจากว่าหลานจิ่วชิงสามารถไปมาได้อย่างอิสระเช่นนี้
ยิ่งเดินตามมากเท่าไหร่ หนทางก็ยิ่งยาวไกลมากขึ้นเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินพลันรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ไม่ปกติในทันที ทว่า ด้านหน้ามีทหารองค์รักษ์เดินอยู่สองนาย ด้านหลังก็มีอีกสองนายเช่นกัน เมื่อเอ่ยปากถามไปกี่รอบนั้น พวกเขาก็เพียงตอบว่า ใกล้จะถึงแล้ว
เฮอะเฮอะ เฟิ่งชิงเฉินพลันส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งเดินตามไปอย่างไม่ใส่ใจอันใด
เมื่อกองกำลังส่วนตัวของตระกูลอวี่เหวิน เห็นนางก้าวเข้าไปในตำหนักแยกของพระราชวงศ์นั้น หากนางเกิดตายอยู่ที่นี่ขึ้นมา พวกราชวงศ์จะจัดการเรื่องนี้เช่นไร?
เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจได้ว่า องค์หญิงอันผิงจะไม่ยอมฉีกหน้าของตนเองออกมาแน่
ในที่สุด เมื่อเดินผ่านป่าดอกท้อมาได้แล้วนั้น ทหารองค์รักษ์ก็พลันพาเฟิ่งชิงเฉินมาหยุดอยู่เรือนรับแขกในทันที อีกทั้งภายนอกของเรือนรับแขกก็ได้มีทั้งสาวใช้และขันทีบางส่วนยืนรอรับใช้อยู่แล้ว เมื่อเฟิ่งชิงเดินมาถึง ก็พลันมีนางกำนัลเอวบางสองคน พร้อมกับผ้าคาดอกสีขาวเดินนวยนาดเข้ามาหา
เฟิ่งชิงเฉินพลันส่ายหน้าไปมา เสมือนว่านางกำลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายราชวงศ์ถังเสียอย่างไรอย่างนั้น
"คุณหนูเฟิ่ง องค์หญิงมีรับสั่งให้เชิญท่านเข้าไปด้านในเพคะ" แววตาของนางกำนัลทั้งสองพลันฉายแววดูถูกออกมา เสมือนว่ากำลังรอรับชมเรื่องดี ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่
เฟิ่งชิงเฉินพลันพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับเดินตามสาวใช้เข้าไปด้านในตำหนักในทันที
ชิ
ยามที่เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปนั้น ประตูเรือนก็พลันถูกปิดลงมาในทันที กลิ่นอายของดอกท้อพลันถูกขังเอาไว้ด้านนอกของตำหนัก พลางมีกลิ่นอายหวานเลี่ยนเข้ามาแทนที่ในทันที กลิ่นนี้มัน
ผิดปกติ!
เฟิ่งชิงเฉินพลันสูดดมไปเล็กน้อย พร้อมกับมองไปยังนางกำนัลทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาประเมิน พลันพบว่า ดวงหน้าของสาวใช้ทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ พร้อมกับสีหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย
ในยามนี้ ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นสตรีที่ซื่อบื้อ แต่นางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่ผิดปกติได้ในทันที เฟิ่งชิงเฉินจึงค่อย ๆ ลดความเร็วของฝีเท้าลง จากนั้นก็พลันปรับอัตราการหายใจของตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...