นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 711

ในค่ำคืนอันวุ่นวาย เฟิ่งชิงเฉินทำทุกอย่างที่ตนเองสามารถทำได้ แต่ยังไม่มีร่องรอยว่าหลานจิ่วชิงจะฟื้นขึ้นมา เฟิ่งชิงเฉินตรวจชีพจรและวัดอุณหภูมิให้หลานจิ่วชิงทุกสามสิบนาที

ทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่กลับไม่มีร่องรอยของการฟื้นตัว นี่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเกิดความสงสัยในกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะว่าเทคโนโลยีขั้นสูงนี้มันเชื่อถือได้หรือไม่?

อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีขั้นสูงไม่สามารถเชื่อถือได้ แต่ประสบการณ์ของนางเชื่อถือได้อย่างแน่นอน ผลตรวจของนางเหมือนกับผลตรวจจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ นั่นก็คือหลานจิ่วชิงไม่ได้เป็นอะไร ค่าดัชนีต่างๆในร่างกายของเขาเหมือนกับคนปกติ

แน่นอน ยกเว้นความผิดปกติทางระบบประสาท

เวลาผ่านไป ซูเหวินชิงเริ่มกลับมาสงสัยในความเชื่อเดิม ตอนนี้เขาไม่สบายใจ เห็นว่าฟ้าใกล้จะสาง หลานจิ่วชิงยังคงไม่วี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา ซูเหวินชิงแทบจะเป็นบ้า ภาพลักษณ์ของสุภาพบุรุษผู้สง่างามแทบไม่หลงเหลืออยู่เลย

รู้ไหมว่าวันนี้เป็นวันอะไร?

วันนี้เป็นวันที่จักรพรรดิทำพิธีบูชาฟ้า ต่อให้พวกเขาไม่ได้คิดจะทำลายพิธี แต่หลานจิ่วชิงควรจะฟื้นขึ้นมา ไม่อย่างนั้น......ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

“ชิงเฉิน เมื่อไหร่จิ่วชิงจะฟื้นขึ้นมา?” ซูเหวินชิงหมดหนทางจึงเอ่ยปากถามเฟิ่งชิงเฉิน เขารู้ว่าชิงเฉินทำสุดความสามารถแล้ว เขาไม่เองก็ไม่คิดจะสร้างแรงกดดันให้เฟิ่งชิงเฉิน แต่แรงกดดันที่เขามีอยู่มันมากเกินไป

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจิ่วชิงจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ร่างกายของเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร ข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มรักษาจากตรงไหน ตอนนี้สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้คือการรอคอย” รอความผิดปกติในระบบประสาทของหลานจิ่วชิงหายไป เขาก็น่าจะฟื้นขึ้นมา

ส่วนเรื่องความผิดปกติในระบบประสาทของหลานจิ่วชิงนั้นจะหายไปเมื่อไหร่ นางเองก็ไม่แน่ใจ นางเป็นศัลยแพทย์หัวใจและสมอง ศัลยแพทย์ทั่วไป แต่แม้จะเป็นศัลยแพทย์รักษาโรคทั่วไปก็ไม่มีทางเชี่ยวชาญในทุกเรื่อง และในเรื่องของระบบประสาทยิ่งไม่ต้องพูดถึง

พลังของมนุษย์นั้นมีจำกัด แม้จะบอกว่านางเป็นหมออัจฉริยะ แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจถึงขั้นเล่าเรียนสิ่งใดก็สามารถปฏิบัติได้ทั้งหมด เกี่ยวกับระบบประสาทนางไม่ได้รู้อะไรมาก หากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะสามารถวินิจฉัยผลการตรวจได้อย่างแม่นยำ นางอาจจะพอมีวิธีการรักษา แต่กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะกลับวินิจฉัยออกมาแค่ว่า ระบบประสาทผิดปกติ นี่ทำให้นางไม่รู้ว่าควรจะทำการรักษาอย่างไรต่อไป

ซูเหวินชิงร้อนรน นางเองก็ร้อนรนเช่นกัน ถ้าหากความผิดปกติในระบบประสาทของหลานจิ่วชิงไม่หายไปเกรงว่าเขาคงจะต้องอยู่แบบนี้ไปชั่วชีวิต ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาแน่นอน กลายเป็นเจ้าชายนิทรา แต่ความเป็นไปได้เช่นนั้นมีเพียงเล็กน้อย เนื่องจากระบบประสาทของหลานจิ่วชิงแค่ผิดปกติ ไม่ได้เกิดความเสียหายรุนแรง

หมอไม่ใช่ผู้มีความสามารถในทุกด้าน นางเล่าเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ได้ลงลึกถึงรากฐานในแต่ละสาขา รักษาและบรรเทาได้ตามอาการ เมื่อรู้ถึงสาเหตุของโรคนางถึงจะจ่ายยาได้ ตอนนี้แม้แต่สาเหตุของโรคยังไม่รู้ แบบนั้นนางจะไปทำการรักษาได้อย่างไร

แต่ถ้าหากรู้สาเหตุของโรค รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร แบบนั้นก็อาจจะหาแนวทางการรักษาได้

ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย จับซูเหวินชิงซึ่งดูเหมือนจะทุกข์ทรมานจากความบ้าคลั่งและถามว่า “ใครเป็นคนทำร้ายจิ่วชิง ตามหาคนผู้นั้นได้หรือไม่? ถ้าหากได้รู้จากปากของอีกฝ่ายว่าสิ่งที่ทำให้จิ่วชิงต้องเป็นแบบนี้คืออะไร ไม่แน่ว่าอาจจะพอมีทางรักษา”

เรื่องนี้......ซูเหวินชิงส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ “จากรายงานของสายลับ ตอนที่พวกเขาพบร่างของจิ่วชิง จิ่วชิงอยู่กับซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝาน แต่พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กัน ดังนั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายจิ่วชิง” อีกอย่าง ต่อให้ออกตามหาคนผู้นั้นในตอนนี้ก็คงไม่ทัน ก่อนฟ้าสาง จิ่วชิงจำเป็นจะต้องฟื้นขึ้นมา

“หากเป็นแบบนี้ก็คงหมดหนทาง ทำได้เพียงรอให้จิ่วชิงฟื้นขึ้นมาถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายใช้อะไรในการโจมตีเขา” เฟิ่งชิงเฉินตอบกลับไป ไม่ได้พูดอะไรมาก นางยืนตะลึงอยู่ที่เดิม

แค่นี้งั้นหรือ? พูดมากกว่านี้อีกสักสองสามคำได้ไหม?

เสียงตะโกนดังขึ้นมาในหัวใจของซูเหวินชิง เขาหวังว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเข้าใจความรู้สึกของเขา หลังจากนั้นก็รีบหาหนทางทำให้หลานจิ่วชิงฟื้นขึ้นมา แต่สุดท้ายเฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงเฝ้าดูอาการของหลานจิ่วชิงต่อไป ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เขาหวังว่าหลานจิ่วชิงจะได้ยินเสียงหัวใจของเขา หลังจากนั้นก็รีบฟื้นขึ้นมา สุดท้ายหลานจิ่วชิงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาอยู่ในสภาพร้อนรน และในตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่านอกจากร้อนรนแล้วเขายังสามารถทำอะไรได้อีก

เวลาค่อยๆเดินผ่านไป ซูเหวินชิงก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ บนพื้นเต็มไปด้วยเส้นผม นั่นไม่ใช่เส้นผมที่ร่วงหล่นลงไปเอง ทั้งหมดซูเหวินชิงเป็นคนทำ ถ้าหากหลานจิ่วชิงยังไม่ฟื้นขึ้นมาเกรงว่าซูเหวินชิงจะกลายเป็นคนบ้าแถมยังหัวล้าน......

หลานจิ่วชิงจะปล่อยให้พ่อค้าซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและสง่างามอย่างซูเหวินชิงกลายเป็นคนหัวล้านได้อย่างไร ดังนั้นเขาจะต้องพยายามเคลื่อนไหวและบอกว่าตนเองมีสติ

ใช่ มีสติ......

หลังจากเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในห้องได้ไม่นาน เขาก็ได้ “สติ” ขึ้นมาแล้ว รู้ว่าตนเองไม่ได้ถูกพิษ เลือดสีดำเป็นเพียงแค่กลอุบาย เขารู้ว่าร่างกายของตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอะไร แต่ทำไมถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมา

แค่ลองไตร่ตรองดูก็รับรู้ได้ หากเขาถูกพิษจริง พิษที่สามารถทำให้เลือดของเขากลายเป็นสีดำได้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางออกมาจากพระราชวังได้ ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ต่อหน้าซีหลิงเทียนเหล่ยและหนานหลิงจิ่นฝานได้ บาดแผลนั่นจะต้องมีผลทำให้จิตใจร้อนรุ่มเพราะความกังวลใจ

ต้องบอกเลยว่าฝู่หลินเล่นกับจิตใจคนได้ดี สิ่งซึ่งเรียกว่า “อาวุธลับอาบยาพิษ” ทำให้คนคิดไปเองแล้วว่าอาวุธนั้นมียาพิษอยู่ ฝังเข็มเพื่อสกัดจุด กินยาถอนพิษ โชคดี โชคดีที่ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเร่งรีบ ประกอบกับร่างกายพิเศษของเขา เขาไม่ได้กินยาถอนพิษ ไม่อย่างนั้นตอนนี้......

เกรงว่าตอนนี้ก็คงยังไม่ได้สติกลับคืนมา

รับรู้ถึงความร้อนรนของซูเหวินชิง หลานจิ่วชิงเองก็ไม่อยากให้เขากังวลต่อไป ขยับนิ้วเพื่อทำให้ซูเหวินชิงรับรู้ว่าเขามีสติ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินหาหนทางทำให้เขาหลุดพ้นจากพันธนาการนี้

ใช่ พันธนาการ เขาได้สติกลับคืนมา แต่ร่างกายของเขากลับแข็งทื่อไปทั้งตัว ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ