บทที่ 721 พบกัน ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 721 พบกัน ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ต่อให้เป็นเรื่องเจ้าปัญหาหรือจนเจ้าปัญหาก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพราะจิตใจอันแน่วแน่ของเจ้า ต่อให้เจ้าไม่อยากเผชิญหน้ามากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องเงยหน้าเพื่อเผชิญกับมันอยู่ดี
เมื่อส่งซูเหวินชิงกลับไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเรียกทงจือกับทงเหยาเข้ามา ถามพวกนางว่าเกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลหยุนหรือเปล่า
ผลลัพธ์คือ......
เป็นเหมือนที่เฟิ่งชิงเฉินเดา ตอนนี้ตระกูลหยุนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอันยิ่งใหญ่ และหยุนเซียวก็น่าจะกำลังร้อนรนเป็นอย่างมาก
จักรพรรดิประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ให้กับตระกูลชุย หาตระกูลชุยซึ่งซ่อนอยู่ในความมืดไม่พบ และไม่เต็มใจจะรับความสูญเสียครั้งนี้ เขาจึงตามหาผู้มีความสัมพันธ์กับตระกูลชุย ตระกูลหยุนซึ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอะไรกับตระกูลชุยมากมายจึงถูกเปิดศึก
จักรพรรดิร่วมมือกับหนานหลิง เป่ยหลิง และซีหลิง ทั้งสี่ประเทศร่วมกันเพิ่มแรงกดดันให้กับตระกูลหยุน สั่งให้ตระกูลหยุนเตรียมวัตถุดิบยาทุกอย่างที่ใช้ในการบรรเทาภัยพิบัติครั้งนี้โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ใช่ เตรียมทั้งหมดโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
หากแค่ประเทศเดียว ตระกูลหยุนสามารถหันไปพึ่งพาเมืองหยุนเพื่อเพิกเฉยต่อคำขอดังกล่าว หรือไม่ก็เรียกเก็บค่าใช้จ่าย แต่นี่เป็นการร่วมมือกันของสี่ประเทศ ต่อให้ตระกูลหยุนร่วมมือกับเมืองหยุนก็ยังไม่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจอันยิ่งใหญ่ของประเทศ ต่อให้ตระกูลมีความแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็มีขีดจำกัด
นี่เป็นการร่วมมือกันของสี่ประเทศ ไม่ต้องพูดถึงตระกูลหยุนเลย ต่อให้เป็นตระกูลชุยกับตระกูลหวังร่วมมือกันยังต้านไว้ไม่ได้
“ตระกูลหยุนกลายเป็นแพะรับบาป แล้วตระกูลชุยละ? ตระกูลชุยได้เคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินเห็นใจตระกูลหยุนอย่างจริงใจ ตระกูลหยุนกลายเป็นแพะรับบาปโดยที่ตนเองไม่ได้ทำอะไร แต่ใครใช้ให้ตระกูลหยุนเป็นตระกูลที่ทำการค้าเกี่ยวกับวัตถุดิบยาที่ใหญ่ที่สุดในจิ่วโจว ในเวลานี้จักรพรรดิทั้งสี่ร่วมมือกันเพื่อกลั่นแกล้งตระกูลหยุนจึงเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้
“ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด การกระทำของจักรพรรดิทั้งสี่ในครั้งนี้ไม่ได้ทำลายถึงรากฐานของตระกูลหยุน เพียงแต่ทำให้ตระกูลหยุนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้พักหนึ่งเท่านั้น หลังจากเรื่องนี้พลังของตระกูลหยุนจำลดลงเป็นอย่างมาก แต่ไม่ถึงกับทำให้รากฐานของตระกูลอี้สั่นคลอน ดังนั้นตระกูลชุยจึงไม่เคลื่อนไหว”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ จักรพรรดิทั้งสี่แค่ทำการตักเตือนเท่านั้น ทำให้ตระกูลหยุนกระอักเลือด และสูญเสียสมดุลในการพัฒนา ไม่ได้ต้องการถอนรากถอนโคนของตระกูลหยุน เพื่อระงับความโกรธของทั้งสี่ประเทศ ตระกูลชุยจึงทำได้แค่เฝ้ามอง
“จับตาดูตระกูลหยุนต่อไป มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นให้รีบรายงานข้าทันที อีกเรื่องหนึ่ง แผนการลอบเข้าไปในเมืองเย่เฉิงเป็นอย่างไรบ้าง?” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ ตอนนี้ไม่ต้องพูดว่านางไม่มีกำลังมากพอ ถึงต่อให้นางมีกำลังมากพอก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยตระกูลหยุนได้ ตอนนี้จักรพรรดิกำลังโกรธ เมื่อไฟแห่งความโกรธมอดลงเท่านั้นก็จบเรื่อง
ตระกูลหยุนยอมรับความโชคร้ายในครั้งนี้เถิด!
“ตระกูลเย่บริหารเมืองเย่เฉิงนานเกินไป ผู้บริหารประเทศอ่อนแอ ในรุ่นของเย่เย่ มีแค่เย่เย่เพียงคนเดียวที่เป็นผู้สืบทอด คนของพวกเราไม่สามารถแทรกแซงเข้าไปได้ ตอนนี้จึงยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อันใด” ทงจือและทงเหยาก้มหน้าพร้อมกับ ในเวลานี้ต่อให้อธิบายออกไปมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจ เมืองที่เก่าแก่อย่างเมืองเย่ แน่นอนว่าไม่สามารถทำให้สั่นคลอนได้โดยง่าย นางแค่มีความคิดที่จะลอง ผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไร ค่อยเป็นค่อยไป
“แล้วตระกูลลู่แห่งซานตงเป็นอย่างไรบ้าง? ในฐานะตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในซานตง มีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก น่าจะหาช่องโหว่ได้ง่ายถึงจะถูก” เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจ ต่อให้เมืองจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานการทำลายจากภายในได้ สำหรับการต่อสู้กับเมืองเย่และตระกูลลู่แห่งซานตง เสด็จอาเก้ามีกลยุทธ์ของเสด็จอาเก้า ส่วนนางก็มีวิธีของนาง
“เรื่องนี้เป็นไปตามการคาดเดาของท่าน พวกเราหาคนที่สามารถร่วมมือได้คนหนึ่ง ตระกูลลู่แห่งซานตงเข้มงวดมากกับสายเลือดตรง พวกเขาไม่อนุญาตให้นางสนมเข้าไปวุ่นวายภายใน และเมื่อเห็นว่าเข้มงวดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถทำให้วุ่นวายได้ง่ายมากเท่านั้น โจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซานตงก็เป็นลูกนอกสมรสของตระกูลลู่แห่งซานตง เขาต่อสู้กับตระกูลลู่แห่งซานตงมาโดยตลอด” ทงจือขยับคิ้ว ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่า การตามหาโดยไม่มีหลักการของพวกนาง กลับสามารถทำให้พวกนางได้พบกับคนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง
“ลูกนอกสมรส? ตระกูลที่มั่งคั่งมีของพวกนี้มากที่สุด อย่าเพิ่งไปทำให้เขาตื่นตระหนก พวกเราคอยจับตาดูไปก่อน” จู่ๆเฟิ่งชิงเฉินก็พบว่าชาติที่แล้วนางเองก็เหมือนลูกนอกสมรส แต่นางเลือกที่จะทิ้งคนในครอบครัว มากกว่าที่จะต่อต้านมัน
“เข้าใจแล้ว ข้าจะบอกให้คนพวกนั้นระวังตัวให้มากขึ้น ไม่ให้พวกเขาเปิดเผยตัวตน” ทงจือต้องค้นหาข้อมูลของตระกูลลู่แห่งซานตง แน่นอนว่าไม่มีทางเลี้ยงหรือใช้คนในพื้นที่ ทงจือได้สั่งให้ลูกน้องไปแฝงตัวเป็นพ่อค้าในเมือง ทำการค้าขายในซานตง ด้วยสถานะของพ่อค้า ทำให้ง่ายต่อการคลายความสงสัยของคนในท้องถิ่น
เจ้านายและลูกน้องทั้งสามคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการหาช่องโหว่ของตระกูลเย่ ในตอนนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น “คุณหนู”
เสียงของชุนฮุ่ยดังขึ้นจากด้านนอก
“เข้ามา”
ในมือของชุนฮุ่ยถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่ผูกไว้ด้วยดิ้นสีทองพร้อมเดินเข้ามา “คุณหนู องค์รัชทายาทหนานหลิงจิ่นสิงสั่งให้คนนำจดหมายมาให้ บอกว่าจะมาเยี่ยมคุณหนูในตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้”
ชุนฮุ่ยมอบจดหมายให้กับเฟิ่งชิงเฉินซึ่งอยู่ตรงหน้าด้วยความเคารพ ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม สามารถทำให้องค์รัชทายาทของประเทศหนึ่งมาเยี่ยมเยือนที่จวนด้วยตนเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะได้รับ
“หนานหลิงจิ่นสิง? เขาไม่ได้เพิ่งมาถึงในวันพรุ่งนี้งั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินรับจดหมายมา จากนั้นเปิดออก......
มังกรโบยบิน สายลมเต้นระบำ ลายพู่กันอ่อนโยนและตัวอักษรกลับเฉียบคม เฟิ่งชิงเฉินราวกับได้เห็นโจวสิงที่กลายเป็นองค์รัชทายาท
ตัวอักษรงดงาม เนื้อหาเป็นทางการ เหมือนเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการทูตของสองประเทศ เฟิ่งชิงเฉินมองแค่แวบเดียวก็ไม่มองมันอีกแล้ว
“ใช่เพคะ ผู้ส่งสารกล่าวว่าองค์รัชทายาทโจวสิงจะมาเยี่ยมคุณหนูทันทีเมื่อถึงตงหลิง หากมีอะไรผิดพลาด ขอแม่นางโปรดยกโทษให้ข้าด้วย” หรือพูดอีกอย่างก็คือ เมื่อมาถึงพระราชวังตงหลิง แม้แต่จักรพรรดิ หนานหลิงจิ่นสิงยังไม่เข้าเฝ้า เขาเลือกจะมาพบเฟิ่งชิงเฉินก่อน จะเห็นได้ว่า......
ในใจของหนานหลิงจิ่นสิงตำแหน่งของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ได้สูงส่งเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
น่าขันยิ่งนัก เดิมทีคนผู้นั้นเติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูของพี่สาวอย่างนาง พี่สาวยังเรียกเขาว่าเด็กน้อยอยู่เลย แต่เพราะสถานะที่เปลี่ยนไป กลับมาที่จวนเฟิ่งอีกครั้ง นางต้องพาคนรับใช้ในจวนเฟิ่งออกไปคุกเข่าต้อนรับถึงหน้าประตู
ผ่านไปพักหนึ่ง ลมหนาวอันเยือกเย็นยังคงพัดผ่าน เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าตนเองยืนรออยู่หน้าประตูนานแค่ไหน รู้อย่างเดียวว่ามันหนาวมาก......
เมื่อเห็นขบวนเคลื่อนที่เข้ามาจากทางด้านหน้า สติของเฟิ่งชิงเฉินถึงคืนกลับมา เมื่อขบวนของหนานหลิงจิ่นสิงปรากฏออกมาอย่างชัดเจนตรงมุมเขาน้ำแข็ง คนของตระกูลเฟิ่งยกเว้นซุนซือสิง คุกเข่าลงบนพื้นอันเยือกเย็นภายใต้การนำของเฟิ่งชิงเฉิน เพื่อเป็นการรับเสด็จหนานหลิงจิ่นสิง
ความรู้สึกของหนานหลิงจิ่นสิงในตอนนี้ เขาอยากกลับบ้านเป็นอย่างมาก ในใจของเขาจวนเฟิ่งคือบ้านอีกหลังหนึ่งของเขา เฟิ่งชิงเฉินเป็นญาติพี่น้องในสายเลือดของเขา เขารอเวลานี้มานานมากแล้ว......
วันนี้การรับเสด็จนั้นยิ่งใหญ่มาก มีคนตามเสด็จมากกว่าพันคน เป็นขบวนทหารซึ่งทอดยาวออกไป นี่เป็นเหตุผลทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องคุกเข่าเป็นเวลานานหนานหลิงจิ่นสิงถึงเสด็จมาถึงด้านหน้าประตู
หนานหลิงจิ่นสิงเสด็จมาจวนเฟิ่งในวันนี้ เขากลับมาด้วยความรู้สึกโหยหาบ้านอันเป็นที่รัก เขาอยากให้เฟิ่งชิงเฉินได้เห็นว่าเขาในตอนนี้ไม่ใช่เด็กที่คอยเอาแต่หลับซ่อนอยู่ใต้ร่มเงาของเฟิ่งชิงเฉินถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้
เขาในตอนนี้ไม่ใช่แค่มีพลังในการปกป้องตนเอง แต่ยังสามารถปกป้องเฟิ่งชิงเฉินได้ด้วย
เห็นเฟิ่งชิงเฉินที่กำลังคุกเข่าอยู่ไกลๆ ดวงตาของหนานหลิงจิ่นสิงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเรียกเสนาธิการทหารมาทันที “เจ้าถ่ายทอดคำสั่งของใครออกไป ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าให้คนขอจวนเฟิ่งออกมาต้อนรับ ข้าอธิบายออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้จวนเฟิ่งต้อนรับอย่างเรียบง่าย พวกเจ้าไม่เข้าใจหรือไง ให้พวกเขาลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“พะยะค่ะ พะยะค่ะ” เสนาธิการทหารได้ยินเช่นนั้น เหงื่อบนหน้าผากไหลออกมาทันที รีบลุกขึ้นวิ่งไปด้านหน้า ไปถ่ายทดอดคำสั่งให้เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นด้วยตัวเอง
ตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินผงะ หลังจากนั้นส่ายหน้าและกล่าวว่า “ธรรมเนียมไม่สามารถละเลยได้ พระองค์ใกล้เสด็จมาถึงแล้ว”
ฮึ คุกเข่ามานานขนาดนี้แล้วเพิ่งมาบอก หากนางลุกขึ้นในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ของตงหลิงเหล่านั้นอาจจะบอกว่านางเย่อหยิ่ง และไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียม
“แต่ว่า แต่ว่า ฝ่าบาทเขา......” เสนาธิการทหารแทบจะร้องออกมา ต้องการก้าวเข้ามาเพื่อประคองเฟิ่งชิงเฉินขึ้น แต่เป็นผู้ชายจะทำเช่นนั้นกับผู้หญิงไม่ได้
“ข้าจะอธิบายให้ฝ่าบาทเข้าใจเอง ท่านไม่ต้องกังวล” เฟิ่งชิงเฉินยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่มีความคิดจะลุกขึ้นมา
หนานหลิงจิ่นสิงจ้องมองการเคลื่อนไหวทางด้านเฟิ่งชิงเฉินอยู่ตลอดเวลา เห็นเฟิ่งชิงเฉินยังคงไม่ลุกขึ้นยืน เขารู้ทันทีว่านางจะไม่ลุก เขาลุกขึ้นโดยไม่สนใจองครักษ์ที่อยู่รอบๆและวิ่งไปด้านหน้าทันที......
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...